HOME พื้นที่โดยรอบมหานครโตเกียว โตเกียว สถานีโตเกียว 10 อันดับ สถานที่ท่องเที่ยวใกล้โตเกียว: ทริปเที่ยวสัมผัสธรรมชาติและประวัติศาตร์แบบไปเช้าเย็นกลับ
10 อันดับ สถานที่ท่องเที่ยวใกล้โตเกียว: ทริปเที่ยวสัมผัสธรรมชาติและประวัติศาตร์แบบไปเช้าเย็นกลับ

10 อันดับ สถานที่ท่องเที่ยวใกล้โตเกียว: ทริปเที่ยวสัมผัสธรรมชาติและประวัติศาตร์แบบไปเช้าเย็นกลับ

Last updated: 4 ก.ย. 2563

คุณผู้อ่านทราบไหม ว่าสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้โตเกียวและเป็นที่นิยมคือที่ไหน? เหล่าสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต ที่ใช้เวลาเดินทางจากโตเกียวเพียง 1-2ชั่วโมง เหมาะกับทริปแบบไปเช้าเย็นกลับสุด ๆ แถมเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแสนวิเศษที่ใครต่อใครก็อยากจะไปเยือนให้ได้สักครั้งนึง ในบทความนี้จะรวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวใกล้โตเกียว ทั้งหมดด้วยกัน 10 อันดับ ที่มีความน่าสนใจไม่ว่าจะเป็น สถานที่ท่องเที่ยวที่มีสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์ สถานที่ท่องเที่ยวที่มีเชิงเขาและน้ำตกอันสวยงาม ซึ่งคุณสามารถเพลิดเพลินไปกับความงามอันเป็นเอกลักษณ์ของธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ มาแนะนำให้กับคุณผู้อ่านกัน

ที่แรกเราจะไปเริ่มกันที่นิกโก้ ที่นี่มีวัดซึ่งถูกตกแต่งอย่างวิจิตรสวยงามและเป็นที่บูชาดวงวิญญาณของโชกุนโทกุงาวะรุ่นแรกอยู่ จากนั้นมุ่งหน้าไปยังคาวาโกะเอะ เมืองที่ยังคงมนต์เสน่ห์ของโตเกียวในรูปแบบเก่าแก่เอาไว้ และไปเที่ยวต่อกันที่สถานที่ท่องเที่ยวที่มีกิจกรรมสุดฮิตอย่าง การไปเล่นสกีในคารุอิซาวะ, เดินชมประวัติศาสตร์ในคามาคุระ, แช่ออนเซ็นที่ฮาโกเน่ และนอกจากการท่องเที่ยวแล้ว คุณยังจะได้ไปเพลิดเพลินกับมื้ออาหารอันยอดเยี่ยมและการช้อปปิ้งในเมืองโยโกฮาม่า, มาคุฮาริ และนาริตะอีกด้วย

Table of Contents
  1. 1. นิกโก้: มรดกโลกแสนสวยงาม "โทโชกุ"
  2. 2. คาวาโกเอะ: เมืองที่มีกลิ่นอายของทิวทัศน์ในสมัยเอโดะ
  3. 3. คารุอิซาวะ: สกีรีสอร์ตและแหล่งช้อปปิ้งที่ใกล้โตเกียวที่สุด
  4. 4. คามาคุระ & เอโนชิมะ: เมืองชายทะเลแสนสดชื่นที่ถูกแต่งแต้มไปด้วยสีสันของประวัติศาสตร์
  5. 5. โยโกฮาม่า:ไปชิมอาหารรสเลิศและตามรอยประวัติศาสตร์ พร้อมแหล่งช้อปปิ้งที่แหวกแนว
  6. 6. ฮาโกเน่:แหล่งออนเซ็นที่ถูกรายล้อมไปด้วยทิวทัศน์ของทะเลสาบและขุนเขาเรียงราย
  7. 7. จิจิบุ: ชมชิบะซากุระและงานเทศกาลจิจิบุโยมัตสึริ
  8. 8. ฮิตาชินากะ: การท่องเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับที่จะพาคุณไปเพลิดเพลินกับธรรมชาติอันสวยงามของอิบารากิ
  9. 9. นาริตะ เมืองที่ใกล้สนามบิน พร้อมทั้งมีข้อมูลแสนสะดวกในการเดินทางท่องเที่ยวมากมาย
  10. 10. มาคุฮาริ: ชมคอนเสิร์ต, ชมสวนญี่ปุ่น และช้อปปิ้ง
  11. ทริปไปเช้าเย็นกลับใกล้โตเกียวจะไปที่ไหน ทำอะไรดี เท่านี้ก็เป็นอันรู้เรื่องแล้วล่ะ!

1. นิกโก้: มรดกโลกแสนสวยงาม "โทโชกุ"

©JNTO
©JNTO

นิกโก้ ซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลเจ้านิกโก้โทโชกุ ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ตั้งอยู่ในจังหวัดโทจิกิ ทางเหนือของโตเกียว เป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยทิวทัศน์ธรรมชาติอันสวยงาม มีความแตกต่างกันไปในแต่ละฤดูกาล ใช้เวลาเดินทางโดยรถไฟจากโตเกียวประมาณ 2 ชั่วโมง เป็นสถานที่ที่รายล้อมไปด้วยโบราณสถานและวัดวาอาราม มีอากาศบริสุทธิ์และธรรมชาติที่สดชื่นทำให้สบายจิตใจ

★วิธีเดินทางไปนิกโก
นั่งรถไฟชินคันเซ็นสายโทโฮคุจากสถานีโตเกียวไปถึงสถานีอุตสึโนมิยะ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง และนั่งรถไฟสายนิกโก้ จากสถานีอุตสึโนมิยะถึงสถานีนิกโก้ ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ในกรณีต้องการไปที่โทโชกุหลังลงจากรถไฟที่สถานีนิกโก้แล้วให้ต่อรถบัสไปอีก 5-10 นาที (เวลาอาจต่างกันแล้วแต่สาย) และลงรถ แล้วเดินต่อไป 5 นาทีก็จะถึงจุดหมาย

นิกโก้ โทโชกุ
นิกโก้โทโชกุ เป็นศาลเจ้าที่ตั้งชื่อตาม โทกุงาวะ อิเอยาสุ ซึ่งเป็นโชกุนคนแรกในสมัยเอโดะ มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 400 ปี บริเวณรอบๆ นิกโก้โทโชกุ มีสมบัติของชาติ 8 ชิ้น และมีทรัพย์สินทางวัฒนธรรม 55 ชิ้น ซึ่งในจำนวนนั้นมีทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญ 34 ชิ้น รวมอยู่ด้วย นอกจากนี้ที่นี่ยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก เป็นจุดที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งเมื่อคุณมาเยือนนิกโก้ เพราะที่นี่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ที่จะตราตึงอยู่ในความทรงจำของคุณตลอดไป

ในบรรดาสมบัติประจำชาติมากมาย มีประติมากรรมที่มีชื่อเสียงสองชิ้นที่คุณไม่ควรพลาด ที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ "ลิงสามตัว” (ซังซารุ, ซังเอน) ที่เป็นรูปสลักไม้ของลิงแสดงอากัปกิริยา “ไม่ดู ไม่ฟัง ไม่พูด” ที่เป็นปริศนาธรรม และ "แมวหลับ" (เนมุริ เนโกะ) รูปสลักแมวที่ดูราวกับมีชีวิตก็ได้รับความนิยมเช่นกัน เพราะดูเหมือนว่าสัญลักษณ์หรือลวดลายของแมวจะหายากในสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมล่ะ ไม่ว่าแมวตัวนี้จะหลับจริง ๆ หรือแกล้งทำเป็นหลับและเล็งนกกระจอกที่สลักอยู่ด้านหลังของมัน ก็เป็นคำถามที่ชวนให้ผู้มาเยือนฉงนใจได้อยู่ร่ำไป

เอโดะวันเดอร์แลนด์ นิกโก้ เอโดะมูระ
หากคุณต้องการสัมผัสกับความสุดยอดของยุคเอโดะ เมื่อ 400 ปีก่อนในญี่ปุ่น ไปที่ "เอโดะวันเดอร์แลนด์ นิกโก้ เอโดะมูระ" ได้เลย! ภายในสวนสนุกประวัติศาสตร์อันกว้างใหญ่ที่จำลองภาพภูมิทัศน์ของเมืองในสมัยเอโดะแห่งนี้ เต็มไปด้วยเครื่องเล่นที่สนุกสนานและการแสดงแบบดั้งเดิม สำหรับคนที่คิดว่ายังไม่หนำใจ! ก็มีชุดคอสเพลย์ประจำยุคสมัยให้ได้ใส่กันด้วย ทั้งชุดนินจา (สำหรับเด็กเท่านั้น), ซามูไร, เจ้าหญิง, เกอิชา, ขุนนาง, โอคาบิกิ (เจ้าหน้าที่ตำรวจยุคเอโดะ โอคัปกิกิ) ฯลฯ คุณสามารถมาสนุกสนานเพลิดเพลินไปกับการสวมบทบาทของตัวละครในละครประวัติศาสตร์ที่คุณชื่นชอบได้ที่นี่

ที่ร้านอาหารในเอโดะมูระ คุณสามารถลิ้มลองอาหารญี่ปุ่น เช่น โซบะและคุชิยากิ (ของย่างเสียบไม้) รวมไปถึงอาหารขึ้นชื่อตามฤดูกาลต่าง ๆ ได้ และคุณยังสามารถเพลิดเพลินกับของว่างที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเมืองละครประวัติศาสตร์ อย่างขนมดังโกะรสหวานหลากสีสัน และน้ำแข็งไสในฤดูร้อน เป็นต้น

ทะเลสาบชูเซ็นจิและน้ำตกเคกอน
ทะเลสาบชูเซ็นจิซึ่งแสดงอารมณ์แตกต่างออกไปตามฤดูกาลนั้น เป็นทะเลสาบแสนสวยซึ่งเกิดจากการปะทุของภูเขาไฟเมื่อ 20,000 ปีก่อน เป็นทะเลสาบที่อยู่สูงที่สุดในญี่ปุ่นด้วย ที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการพักผ่อนบริเวณทะเลสาบ คุณสามารถเพลิดเพลินกับกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น การพายเรือคายัคและเที่ยวชมทะเลสาบด้วยเรือท่องเที่ยว และที่บนกระเช้าลอยฟ้าอาเคจิไดระ คุณสามารถเพลิดเพลินกับความงามตามธรรมชาติที่แตกต่างของสี่ฤดูกาลได้จากบนฟากฟ้า

ทะเลสาบชูเซ็นจิมีน้ำตกเคกอน ซึ่งได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน "แปดสุดยอดวิวสวยในญี่ปุ่น" ในปีค.ศ. 1927 น้ำตกหลักมีความสูง 97 เมตร และรายล้อมไปด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ฤดูใบไม้ร่วงถือเป็นฤดูกาลที่ดีที่สุด ใบไม้สีส้ม สีแดง และสีเหลืองจะเนรมิตรให้ที่นี่กลายเป็นภาพอันงดงามราวกับในเทพนิยาย น้ำตกเคกอนมีความสวยงามเมื่อมองดูจากด้านบน แต่ว่าคุณก็สามารถใช้บริการลิฟต์ (มีค่าใช้จ่าย) ลงมาข้างล่างเพื่อชมความสวยงามจากระยะใกล้กว่าเดิมได้เช่นกัน

2. คาวาโกเอะ: เมืองที่มีกลิ่นอายของทิวทัศน์ในสมัยเอโดะ

©JNTO
©JNTO

คาวาโกเอะตั้งอยู่ในจังหวัดไซตามะ ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของโตเกียว ใช้เวลาเดินทางจากโตเกียวประมาณ 30 นาที
จึงเหมาะสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับ ที่คาวาโกเอะมีมรดกทางวัฒนธรรมและสิ่งปลูกสร้างตั้งแต่สมัยเอโดะ (ค.ศ.1603-1868) จำนวนมากได้รับการอนุรักษ์ไว้อยู่ และเป็นเมืองที่มีบรรยากาศกลิ่นอายของยุคเอโดะเหลือไว้อย่างชัดเจน เมืองนี้เป็นเมืองที่มีอาคารสมัยใหม่และมรดกทางวัฒนธรรมอยู่ร่วมกัน เกิดเป็นภูมิทัศน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ยอดเยี่ยม และเป็นพื้นที่ที่มีร้านค้าเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงอยู่มากมาย รวมไปถึงร้านอาหารเลิศรสจำนวนมาก

วิธีเดินทางไปคาวาโกเอะ
เดินทางโดยรถไฟสายโทบุโทโจเซ็นจากสถานีอิเคบุคุโระไปถึงสถานีคาวาโกเอะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

แปลงร่างเป็นชุดกิโมโนที่ถนนไทโชโรมัน
การได้ลองสวมชุดกิโมโนเพื่อสัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นถือว่าเป็นกิจกรรมเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวที่มาเยือนคาวาโกเอะ ถ้าพูดถึงทิวทัศน์ที่เป็นตัวแทนของคาวาโกเอะก็คือ "ถนนไทโชโรมัน" ที่นี่มีบ้านเรือนหลายหลังที่มีผนังฉาบปูนสีดำและหลังคามุงกระเบื้อง ซึ่งหลายหลังสร้างขึ้นในสมัยเอโดะ ตามตรอกทั้งสองข้างของถนนและทางระหว่างอาคารเรียงรายไปด้วยร้านค้า, ร้านอาหาร และร้านขายขนม ว่าแล้วก็ลองไปเซลฟี่ในชุดกิโมโนที่ถนนไทโชโรมันกันดูไหม?

ระฆังบอกเวลา (โทคิโนะคาเนะ)
ระฆังบอกเวลาเป็นแลนด์มาร์คที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมของคาวาโกเอะอีกแห่งหนึ่ง หอระฆังสูง 16 เมตร ใช้ระยะเวลาสร้างในระหว่างปีค.ศ. 1627 ถึง ค.ศ. 1634 นับแต่สร้างเสร็จก็ได้ตีบอกเวลาให้คนในท้องถิ่นมากว่า 400 ปีแล้ว นักท่องเที่ยวและคนในท้องถิ่นสามารถได้ยินเสียงระฆังประวัติศาสตร์นี้สี่ครั้งต่อวัน ในเวลา 06:00 น., 12:00 น., 15:00 น. และ 18:00 น.

ระฆังบอกเวลาเป็นหนึ่งในจุดถ่ายรูปในคาวาโกเอะ ภาพเซลฟี่ที่ถ่ายโดยมีหอระฆังแห่งนี้เป็นพื้นหลังบนรถสามล้อคนลาก ถือว่าเป็นท่าโพสที่แนะนำเลยล่ะ

วัดคิตาอิน
วัดพุทธคิตาอิน เป็นสิ่งปลูกสร้างประวัติศาสตร์ที่ไม่ควรพลาดในพื้นที่ เนื่องจากเป็นสถานที่มีโครงสร้างจากซากปรักหักพังของปราสาทเอโดะเพียงแห่งเดียวที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ชิ้นส่วนของปราสาทเอโดะถูกนำมาที่นี่โดยโชกุน โทกุงาวะ อิเอมิตสึ ซึ่งจากการขนโครงสร้างปราสาทเอโดะบางส่วนมาที่นี่ จึงช่วยให้โครงสร้างนั้นไม่ถูกทำลายจากแผ่นดินไหวและระเบิดในช่วงปี 1900 มาได้ และไม่เพียงแต่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เท่านั้น คิตาอินยังเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงสำหรับดอกซากุระด้วย มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากมาเยี่ยมชมที่นี่ทุกปีในช่วงฤดูซากุระบาน

ศาลเจ้าคาวาโกเอะฮิคาวะ
หากคุณใฝ่หาความรัก, การแต่งงานที่มีความสุข หรือความสัมพันธ์ที่ดีอยู่ล่ะก็ คุณควรไปที่ศาลเจ้าคาวาโกเอะฮิคาวะซึ่งมีประวัติยาวนานกว่า 1,500 ปีแห่งนี้เป็นที่สุด ในญี่ปุ่นมีคำกล่าวมานานแล้วว่า “ระหว่างนิ้วก้อยกับนิ้วก้อยของคนที่เป็นเนื้อคู่ที่มีชะตาต้องกันจะถูกผูกเชื่อมกันด้วยด้ายสีแดง” และที่ศาลเจ้านี้ก็มีเครื่องรางน่ารักที่ทำจากด้ายสีแดง ที่อาจจะนำทางให้คุณไปพบกับคนในพรหมลิขิตก็เป็นได้

ในอุโมงค์ของแผ่นป้ายเอมะ (แผ่นป้ายเขียนคำอธิษฐาน) ที่อัดแน่นไปด้วยคำอธิษฐานจากหัวใจอันอบอุ่นของผู้คน คุณสามารถซื้อแผ่นเอมะและเขียนคำอธิษฐาน พร้อมนำไปแขวนได้ หรือจะเดินผ่านเพียงอย่างเดียวก็ย่อมได้ และเมื่อถึงฤดูของกระดิ่งลมเริ่มที่ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนกันยายน จะมีกระดิ่งลมประมาณ 2,000 ชิ้น แขวนอยู่รอบศาลเจ้า เมื่อยามลมพัด กระดิ่งลมจะแกว่งไกวและส่งเสียงหวานดังกรุ๊งกิ๊ง เพราะฉะนั้นหากคุณถ่ายภาพหรือถ่ายวิดีโอทิวทัศน์ที่สวยงามนี้ไว้ มันจะเป็นความทรงจำที่สำคัญอย่างแน่นอนเลยล่ะ (แน่นอนว่าจะดูดีบนโซเชียลมีเดียด้วยนะ)

ตรอกร้านขนม คาชิยะ โยโกะโจ
ตรอกคาชิยะ โยโกะโจ เป็นถนนที่คุณสามารถมาหาซื้อลูกอมและขนมหวานได้ คาวาโกเอะมีของขึ้นชื่อเป็นมันเทศ เพราะฉะนั้นเราต้องเล็งเป้าไปที่ขนมที่ทำจากสิ่งนี้กันด้วยนะ ไม่เพียงแค่บรรดาขนมที่น่ารักและชวนให้นึกถึงอดีตเท่านั้น แต่ยังมีขนมทำมือมากมายในแพ็คเกจที่สวยงามอีกด้วย จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับหาซื้อเป็นของฝาก

คุณสามารถเพลิดเพลินกับอาหารและขนมต่าง ๆ ขณะเดินไปตามถนนสายเก่าของคาวาโกเอะ และร้านที่เราอยากจะขอแนะนำก็คือ เมนูข้าวหน้าปลาไหลหรืออุนะจู ของร้านปลาไหลอุนางิเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี โอกาคิคุ ซึ่งร้านนี้ใช้ปลาไหลในประเทศที่คัดสรรมาอย่างดี มีความสดและมันไขมันแทรกอยู่ในเนื้ออย่างเต็มที่ ซอสสูตรลับที่สืบทอดมาจากเจ้าของรุ่นแรกจนถึงรุ่นที่ 7 ก็มีกลิ่นและรสชาติที่เรียกน้ำย่อยได้อย่างดีเลยล่ะ และนอกจากนี้ที่คาวาโกเอะ ยังเป็นที่ผลิตของคราฟต์เบียร์ยี่ห้อดัง "COEDO" อีกด้วย ดังนั้นหากคุณชอบเบียร์ล่ะก็ อยากให้ลองดื่มดูนะ

3. คารุอิซาวะ: สกีรีสอร์ตและแหล่งช้อปปิ้งที่ใกล้โตเกียวที่สุด

image:PIXTA
image:PIXTA

คารุอิซาวะเป็นแหล่งรีสอร์ตสไตล์ยุโรปที่คุณสามารถเพลิดเพลินได้ตลอดทั้งปี ตั้งอยู่บนที่ราบสูงและล้อมรอบด้วยธรรมชาติ ที่นี่แม้ในฤดูร้อนคุณก็ยังสามารถรู้สึกเย็นสบายได้ ใบเมเปิลมีความสวยงามในฤดูใบไม้ร่วง และในฤดูหนาวสามารถใช้บริการที่นี่ในฐานะสกีรีสอร์ตที่ใกล้โตเกียวที่สุดได้

ในปีค.ศ. 1886 มิชชันนารีอเล็กซานเดอร์ ครอฟต์ ชอว์ จากแคนาดาได้เห็นว่าความงามตามธรรมชาติของคารุอิซาวะคล้ายกับบ้านเกิดของเขาในแคนาดา ชอว์ได้สร้างวิลล่าและเริ่มแนะนำพื้นที่แห่งนี้ให้ผู้คนมากมาย ตั้งแต่นั้นมา บริเวณนี้ก็ได้รับความนิยมจากชาวต่างชาติ และคารุอิซาวะก็กลายเป็นแหล่งรีสอร์ตสไตล์ยุโรปตั้งแต่ตอนนั้นมา

วิธีเดินทางไปคารุอิซาวะ
เดินทางโดยรถไฟชินคันเซ็นสายโฮคุริคุของ JR จากสถานีโตเกียวไปถึงสถานีคารุอิซาวะ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 10 นาที

คารุอิซาวะปรินซ์โฮเทลสกีรีสอร์ต
ถ้าพูดถึงวิธีการสนุกเพลิดเพลินในฤดูหนาวของคารุอิซาวะแล้วก็ต้องเป็นการเล่นสกีนี่แหละ สกีรีสอร์ตคารุอิซาวะปรินซ์โฮเทล เป็นหนึ่งในสกีรีสอร์ทที่ใกล้โตเกียวมากที่สุด จะไปทัวร์สกีแบบไปเช้าเย็นกลับโดยใช้สกีและสโนว์บอร์ดให้เช่าก็ย่อมได้ที่นี่มีคอร์สการเล่นหลากหลาย ที่มีระดับความยากง่ายต่างกัน ดังนั้นทุกคนจึงสามารถเล่นสกีอย่างสนุกสนานที่นี่ได้ ตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้ใหญ่เลย

คารุอิซาวะปรินซ์ช้อปปิ้งพลาซ่า
ศูนย์การค้าคารุอิซาวะปรินซ์ช็อปปิ้งพลาซ่าซึ่งอยู่ติดกับสกีรีสอร์ตคารุอิซาวะปรินซ์ เป็นเอาท์เล็ตยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินเพียง 3 นาทีจากทางออกทิศใต้ของสถานี JR คารุอิซาวะ คุณก็สามารถเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์ดังและร้านอาหารกว่า 200 แห่งได้ นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นเอาท์เล็ตที่มีภูมิทัศน์สวยงามมากแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้โตเกียวอีกด้วย ได้ช้อปปิ้งไปพลางชมทิวทัศน์ของสวนสาธารณะและทะเลสาบสวย ๆ ไปพลางแบบนี้รู้สึกดีที่สุดเลยล่ะ!

  • คารุอิซาวะปรินซ์ช้อปปิ้งพลาซ่า
    คารุอิซาวะปรินซ์ช้อปปิ้งพลาซ่า
    軽井沢・プリンスショッピングプラザ
    • Address Karuizawa, Kitasaku District, Nagano 389-0102

ถนนคารุอิซาวะ กินซ่า
หากคุณต้องการซื้อของที่ระลึกและรับประทานอาหารรองท้องเบา ๆ ในคารุอิซาวะแล้วล่ะก็ ให้ไปที่ถนนที่ชื่อว่าคารุอิซาวะกินซ่า ถ้าให้เทียบกับที่ในโตเกียวก็คือแถวกินซ่านั่นเอง ที่นี่เป็นถนนช้อปปิ้งของคารุอิซาวะ ถนนสายนี้ที่มีการผสมผสานระหว่างรูปแบบสถาปัตยกรรมตะวันตกและญี่ปุ่น ขึ้นชื่อในเรื่องมีบรรยากาศดี สำหรับผู้ที่ชอบเดินเล่นในเมืองที่ดูโรแมนติก ๆ หรือผู้ที่ชอบถ่ายภาพแล้วล่ะก็ ต้องอดใจไม่ไหวแน่นอน บริเวณนี้มีจักรยานให้เช่า คุณจึงสามารถเพลิดเพลินกับการปั่นจักรยานไปมาระหว่างป่าต้นเบิร์ชและย่านช็อปปิ้งได้

image:PIXTA
image:PIXTA

โบสถ์คาทอลิกคารุอิซาวะเซนต์ปอล
โบสถ์คาทอลิกเซนต์ปอลเป็นโบสถ์ไม้ที่สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1935 โดยสถาปนิกที่ชื่อแอนโทนิน เรย์มอนด์ เรย์มอนด์ฝากตัวเเป็นลูกศิษย์ของแฟรงค์ ลอยด์ ไรต์และได้ร่วมมือกันออกแบบโรงแรมอิมพีเรียล (ซึ่งในความเป็นจริงแล้วโรงแรมอิมพีเรียลได้ถูกจัดสร้างเสร็จสมบูรณ์ในนามของไรต์) โบสถ์ที่มีหลังคาทรงสามเหลี่ยมสูงชันแห่งนี้มีบรรยากาศที่โรแมนติกและสวยงาม คู่รักหลายคู่ต้องอยากจะขอแต่งงานหรือจัดงานแต่งงานกันที่นี่แน่นอน

  • โบสถ์คาทอลิกคารุอิซาวะเซนต์ปอล
    軽井沢聖パウロカトリック教会
    • Address 179 Karuizawa, Kitasaku District, Nagano 389-0102

สระคุโมบะ
สระคุโมบะเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ต้องไปเยี่ยมชมให้ได้ในคารุอิซาวะ น้ำในทะเลสาบที่สงบเงียบสะท้อนสีสันของป่าโดยรอบและท้องฟ้าสีคราม จะแสดงถึงความงามที่แสนสดใสของแต่ละฤดูกาลให้เราได้เห็น จะปั่นจักรยานเล่นหรือเดินเล่นกันเพลิน ๆ ก็ดี หรือจะชมวิวแสนสวยของทะเลสาบพร้อมกับทานอาหารก็เลิศ เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความเพลิดเพลินจำเริญใจเลยล่ะ

  • สระคุโมบะ
    สระคุโมบะ
    雲場池
    • Address Karuizawa, Kitasaku District, Nagano 389-0102

4. คามาคุระ & เอโนชิมะ: เมืองชายทะเลแสนสดชื่นที่ถูกแต่งแต้มไปด้วยสีสันของประวัติศาสตร์

image:PIXTA
image:PIXTA

ที่คามาคุระและเอโนชิมะ ในจังหวัดคานากาวะเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมลำดับต้น ๆ สำหรับการท่องเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับในย่านพื้นที่ใกล้โตเกียว สามารถเดินทางไปได้ง่ายโดยรถไฟจากโตเกียวในเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ยอดเยี่ยมมากมายและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการท่องเที่ยวที่คุณสามารถเพลิดเพลินได้ตลอดทั้งปี

เมืองที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานในฐานะเมืองหลวงเก่าแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นแห่งนี้ มีวัดและศาลเจ้าหลายแห่ง และมีภูมิทัศน์ที่งดงามราวกับภาพวาดนับไม่ถ้วน คุณสามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพของแนวชายฝั่งหรือกิจกรรมริมน้ำ ขนมและอาหารที่หลากหลาย สามารถสนุกสนานที่นี่ได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงฤดูกาล ที่นี่เป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวเนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ผู้คนทุกวัยสามารถเพลิดเพลินได้ไม่ว่าจะมาคนเดียว เป็นกลุ่ม หรือกับครอบครัว นอกจากนี้ยังเป็นโลเคชันที่กองละครญี่ปุ่นหลาย ๆ เรื่อง เคยมาออกกองใช้สถานที่อีกด้วย

วิธีเดินทางไปคามาคุระ
นั่งรถไฟสายโยโกสุกะ ของ JR จากสถานีโตเกียวไปถึงสถานีคามาคุระ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

ศาลเจ้าสึรุงะโอกะ ฮาจิมังกู
ศาลเจ้าสึรุงะโอกะ ฮาจิมังกูแห่งนี้ เรียกได้ว่าเป็นศาลเจ้าที่สำคัญที่สุดในคามาคุระ ศาลเจ้าสึรุงะโอกะ ฮาจิมังกู มีถนนสองสาย คือ วากามิยะ โอจิ และ โคมาจิ โดริ ตัดผ่าน วากามิยะ โอจิ หมายถึง "ถนนของเจ้าชาย" ถนนแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1182 ใช้เป็นทางไปสักการะเพื่ออธิษฐานขอให้ลูกของโชกุนคามาคุระคลอดออกมาได้อย่างปลอดภัย ถนนโคมาจิ โดริ เป็นถนนสายช้อปปิ้งที่คุณสามารถเดินเล่นไปพร้อมกับกินของอร่อยไปด้วยได้ มีความหมายว่า "ถนนสาวงาม" คุณยังสามารถสั่งไอศกรีมมัทฉะซอฟต์เสิร์ฟจากร้านยอดนิยม "คามาคุระ ชาฉะ" และซูชิอินาริจาก "ฮันนาริ อินาริ" แบบเทคเอาท์ออกมาทานได้อีกด้วย

วัดไฮเดรนเยีย "วัดเมเก็ตสึอิน " และสวนไผ่ที่ "วัดโฮโคคุจิ"
ในช่วงฤดูฝน (ปลายเดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนกรกฎาคมของญี่ปุ่น) สถานที่ที่คุณควรไปเยี่ยมชมก็คือวัด วัดเมเก็ตสึอิน หรือที่รู้จักในชื่อวัดไฮเดรนเยีย หากมาวันธรรมดาจะพบว่าที่นี่เป็นวัดเก่าแก่ที่เปี่ยมไปด้วยบรรยากาศที่เงียบสงบ ในฤดูฝนของทุกปี ดอกไฮเดรนเยียประมาณ 2,500 ดอกจะบานในบริเวณนี้ อีกด้านหนึ่งที่วัดโฮโคคุจิ วัดที่เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงในเรื่องต้นไผ่ กล่าวกันว่าป่าไผ่มีคุณสมบัติในการขจัดเสียงรบกวน คุณจึงสามารถเพลิดเพลินกับความเงียบสงบในขณะที่ดูใบไผ่ที่ไหวในสายลมที่นี่ได้

พระใหญ่คามาคุระ ไดบุทสึ
พระใหญ่แห่งคามาคุระเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1252 องค์พระสูง 11.3 เมตร และสูงรวมฐาน 13.3 เมตร ซึ่งเทียบได้กับอาคารสี่ชั้น และเนื่องจากมีน้ำหนักถึง 121 ตันจึงไม่ถูกคลื่นยักษ์สึนามิในปีค.ศ. 1498 พัดพาไป
หากได้คุณเซลฟี่กับพระใหญ่คามาคุระ ไดบุทสึ เก็บไว้ล่ะก็ มันจะเป็นหนึ่งในรูปถ่ายแห่งความทรงจำ ที่คุณสามารถใช้อวดกับเพื่อน ๆ ได้แม้จะผ่านไปหลายปีเลยล่ะ

รถไฟเอโนเดน ที่เป็นฉากหนึ่งในการ์ตูนแสลมดังก์
หากคุณเป็นแฟนรถไฟและต้องการเพลิดเพลินกับรถไฟเอโนเดนที่มีบรรยากาศย้อนยุคชวนคิดถึงอดีตแล้วล่ะก็ มีสองสถานีที่คุณควรจะต้องไปให้ได้ ที่แรกคือที่ทางข้ามทางรถไฟใกล้กับสถานีป้ายหน้าโรงเรียนมัธยมคามาคุระที่ปรากฏในการ์ตูนสแลมดังก์ ที่นี่เรามักเห็นนักท่องเที่ยวจากเอเชียที่คอยมองหาจังหวะเจ๋ง ๆ ในการกดชัตเตอร์ถ่ายภาพกันเป็นประจำ

สถานีที่สอง อย่าลืมไปถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกแสนสวยที่สถานีอินามูระกาซากิ ซึ่งเป็นจุดเล่นกระดานโต้คลื่นที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น และที่สถานีนี้นักเดินทางที่หิวโหยก็สามารถเพลิดเพลินกับเมนูอาหารที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นในราคาสมเหตุสมผลได้ที่ร้านกาแฟสไตล์ชนบท “โยริโดโกโร” กันได้

สถานที่ยอดนิยมในเกาะเอโนะชิมะ
เอโนชิมะเป็นเกาะเล็ก ๆ ที่สามารถเข้าสะพานไปได้ มีสิ่งสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เช่น ชายหาด, น้ำพุร้อน, พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ และหอดูดาว เป็นเกาะแสนสวยที่ทัศนียภาพจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงระหว่างกลางวันและกลางคืน ศูนย์กลางของเกาะคือศาลเจ้าเอโนะชิมะ ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของเบนไซเต็น เทพีแห่งท้องทะเล

จากศาลเจ้าเอโนชิมะถึงประภาคาร เอโนชิมะ ซีแคนเดิล ทางเดินมีความลาดชันอย่างต่อเนื่อง แต่คุณสามารถเลือกใช้บันไดเลื่อนแบบเสียค่าบริการได้ และที่จุดชมวิวของประภาคาร เอโนชิมะ ซีแคนเดิ้ลคุณสามารถถ่ายรูปภูเขาไฟฟูจิในยามพลบค่ำได้ อย่าลืมกล้องของคุณล่ะ!

image:PIXTA
image:PIXTA

จานเด็ดเอโนชิมะ
มีร้านอาหารและร้านกาแฟมากมายตามแนวชายฝั่งของคามาคุระ และในบรรดาร้านเหล่านั้น Il Chianti Biche และ Amalfi della Sera เป็นร้านอาหารที่มีทัศนียภาพอันงดงามของเกาะเอโนชิมะและทะเล และถ้าโชคดีคุณจะได้เห็นภูเขาไฟฟูจิด้วย ในวันที่อากาศดีคุณสามารถกินพิซซ่าและอาหารอิตาเลียนแสนอร่อยบนที่นั่งกลางแจ้งได้

เอโนชิมะยังมีชื่อเสียงด้านอาหารทะเลด้วย อาหารจานพิเศษคือปลาตัวเล็กที่เรียกว่าชิราสึ และไคเซนด้งหรือข้าวหน้าทะเลก็เป็นที่นิยม มีร้านค้ามากมายที่เสิร์ฟอาหารโดยใช้ปลาชิราสึและปลาคัตสึโอะ ซึ่งเป็นปลาในตระกูลปลามากุโระ อยากให้ทุกคนลองชิมกันดูให้ได้เลย สำหรับใครที่ไม่ค่อยอยากทานปลาดิบ ก็มีเมนูที่ทำจากปลาคัตสึโอะที่ผ่านการปรุงสุกแล้วขายด้วย

ในเขตเมืองเก่าใกล้กับศาลเจ้าเอโนชิมะ มีขนมอร่อยที่เรียกว่าทาโกะเซมเบ้ (ข้าวเกรียบปลาหมึก) อยู่ นี่ก็เป็นสิ่งที่อยากให้ลองชิมเหมือนกัน ปลาหมึกจะถูกกดอย่างรวดเร็วบนแผ่นเหล็กที่มีอุณหภูมิสูงเกือบ 200 องศา ออกมาเป็นข้าวเกรียบเซมเบ้
กรอบ ๆ ข้าวเกรียบเซมเบ้นี้มีจุดเด่นเฉพาะตัวที่กลิ่นหอมและรสหวาน ๆ เค็ม ๆ

5. โยโกฮาม่า:ไปชิมอาหารรสเลิศและตามรอยประวัติศาสตร์ พร้อมแหล่งช้อปปิ้งที่แหวกแนว

image:PIXTA
image:PIXTA

โยโกฮาม่าเมืองท่องเที่ยวชื่อดัง ความลับของการเป็นที่นิยมนั้นมีอยู่หลายอย่างด้วยกัน ที่ย่านไชน่าทาวน์ของโยโกฮาม่านั้น ในบรรดาย่านไชน่าทาวน์ทั้งหมดในญี่ปุ่นแล้ว ที่นี่เป็นสถานที่ที่คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับอาหารจีนต้นตำรับและสิ่งปลูกสร้างสถาปัตยกรรมแบบจีนได้ อาจจะพูดได้เลยว่าคงไม่มีใครที่ไม่รู้จักที่นี่

โยโกฮาม่าไม่ได้มีดีแค่มีย่านไชน่าทาวน์ที่มีความคึกคักเท่านั้น ยังมีทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่ส่องประกายของย่านมินาโตะมิไร, สถานที่ที่มีเรื่องราวทางประวัติศาตร์อย่างโกดังอิฐแดงโยโกฮาม่า, แหล่งท่องเที่ยวอย่างคัพนูดเดิลมิวเซียม เป็นต้น ซึ่งเรียกได้ว่ามีเสน่ห์หลากหลายรูปแบบมารวมกันอยู่ ณ เมืองนี้เลยล่ะ

วิธีเดินทางไปโยโกฮาม่า
นั่งรถไฟสายเคฮินโทโฮคุจากสถานีโตเกียวไปถึงสถานีอิชิคาวะโจ (โมโตมาจิ・จูกะไก) ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ในกรณีที่ต้องการเดินทางไปยังย่านไชน่าทาวน์ของโยโกฮาม่าให้ลงรถแล้วเดินไปอีกประมาณ 10 นาทีก็จะถึงจุดหมาย

เดินท่องไปท่ามกลางกลิ่นอาหารหอมหวนชวนเรียกน้ำย่อยในย่านไชน่าทาวน์
ถ้าได้มาเที่ยวที่โยโกฮาม่าล่ะก็ ก่อนอื่นต้องไปที่ย่านไชน่าทาวน์เลย ตั้งแต่วินาทีที่ได้ลอดผ่านซุ้มประตูใหญ่ยักษ์ที่ถูกตกแต่งไว้อย่าวิจิตรตระการตาไป นักท่องเที่ยวทุกคนก็จะได้ตกอยู่ในโลกแห่งห้วงเวลาของความฝันที่ราวกับอยู่เมืองจีน ไม่ว่าจะเป็น ภาพของย่านการค้าที่ถูกย้อมไปด้วยสีแดงสดใส โคมไฟที่ถูกห้อยประดับประดา และกลิ่นหอมชวนท้องหิวที่ลอยมาจากบรรดาร้านอาหารทั้งหลาย

ถึงร้านอาหารจะมีมากมายหลายร้าน แต่การที่จะลิ้มรสชาติของบรรยากาศที่นี่ได้อย่างเต็มที่นั้น การซื้ออาหารจากบรรดาร้านแผงลอยต่าง ๆ ที่เปิดอยู่มากิน เป็นวิธีการที่อยากจะขอแนะนำให้นะ ร้านนิคุมังหรือซาลาเปายอดฮิตของที่นี่ก็คือร้านเอโดะเซอิ หรือเมนูอย่างเสี่ยวหลงเปาก็เป็นอาหารที่ได้รับความนิยมเมนูหนึ่งของย่านไชน่าทาวน์นี้ สำหรับคนที่อยากจะลองท้าทายผจญภัยไปกับมื้ออาหาร เมนูเสี่ยวหลงเปาใส่หูฉลามก็มีด้วยนะ

โกดังอิฐแดงโยโกฮาม่า
หลังจากได้เพลิดเพลินเต็มอิ่มกับอาหารในท้องถิ่นกันไปแล้ว ต่อไปเราไปสัมผัสกับวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของโยโกฮาม่ากันดีกว่า โกดังอิฐแดงโยโกฮาม่านั้นไม่ได้มีดีที่ความใหญ่โตเพียงอย่างเดียว แต่ยังสร้างความประทับใจให้ได้ในฐานะที่เป็นตึกที่มีความแตกต่างกับสภาพแวดล้อมรอบ ๆ อย่างสิ้นเชิง มีอาคาร 2 หลัง ซึ่งถูกสร้างในปีค.ศ. 1911 และ 1913 และเนื่องจากถูกสร้างมาอย่างแข็งแรงมาก ในแผ่นดินไหวเขตคันโตครั้งใหญ่ปี ค.ศ.1923 (อาคารสิ่งปลูกสร้างที่อยู่รอบ ๆ ต่างได้รับความเสียหายอย่างหนัก) แต่ตัวโกดังนี้ไม่ได้พังลงไปแต่อย่างใดเลย

ปัจจุบัน อาคารโกดังที่ 1 ถูกใช้เป็นสถานที่จัดแสดงงานแนววัฒนธรรม เช่นอีเวนต์ศิลปะหรือนิทรรศการต่าง ๆ ส่วนอาคารโกดังที่ 2 มีช้อปปิ้งมอลล์และร้านอาหาร และที่ชั้น 3 ก็มีจุดชมวิวเปิดใหม่ด้วย

เขตมินาโตะมิไร
ถ้าจะใช้ช่วงเวลายามค่ำคืนที่โยโกฮาม่าแล้วล่ะก็ ขอแนะนำที่เขตมินาโตะมิไรเลย ซึ่งที่นี่ก็มีชื่อเสียงในเรื่องภาพวิวยามค่ำคืนและชิงช้าสวรรค์ที่มีสีสันสุดจะคัลเลอร์ฟูลนาม “คอสโมคล็อก 21” ที่นี่ยังมีชื่อเสียงในฐานะเป็นจุดสารภาพรักอีกด้วย มินาโตะมิไรแห่งนี้ น่าจะช่วยให้ทุกท่านปิดทริปเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับในโยโกฮาม่าอย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยประกายแสงสุดแสนโรแมนติกได้แน่นอน

  • Yokohama Minato Mirai 21
    • Address Naka-ku, Yokohama-shi, Kanagawa, Nishi-ku, 220-0012
      View Map
    • Nearest Station Yokohama Station (JR Tokaido Main Line / JR Yokosuka Line / JR Shonan Shinjuku Line / JR Keihin-Tohoku Line / JR Negishi Line / JR Ueno Tokyo Line / Line 3 (Yokohama Blue Line) / Tokyu Toyoko Line / Minatomirai Line / Keikyu Main Line / Sagami Railway Main Line)

โมโตมาจิและสวนสาธารณะยามาชิตะ
ที่ใกล้กับย่านไชน่าทาวน์ของโยโกฮาม่า มีย่านการค้าของท้องถิ่นที่ชื่อ “โยโกฮาม่าโมโตมาจิช้อปปิ้ง สตรีท” อยู่ด้วย ที่นี่มีสินค้าที่เป็นแบรนด์ของโยโกฮาม่าคุณภาพสูงอย่าง เสื้อผ้า, รองเท้า และกระเป๋าไว้ให้เลือกซื้อ เป็นย่านการค้าที่เป็นมิตรต่อผู้ที่ทำสัตว์เลี้ยงมาด้วย มีร้านเสื้อผ้าสัตว์และที่ดื่มน้ำสำหรับสัตว์เลี้ยงจัดเตรียมไว้ ร้านเบเกอร์รี่ของย่านการค้านี้จำหน่ายขนมปังอบสดใหม่ ในราคาที่ทุกคนเอื้อมถึง

หลังจากที่เพลิดเพลินกับมื้ออาหารแล้ว การไปชิลที่สวนสาธารณะยามาชิตะก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่อยากแนะนำ สวนสาธารณะแห่งนี้เป็นสวนที่ผู้คนในท้องถิ่นก็มาเดิน, มาพบปะพูดคุย หรือมาวิ่งจ็อกกิ้งผ่อนคลายกันอยู่เป็นประจำ ในปีนี้ถ้าได้ไปเดินที่สวนสาธารณะแห่งนี้แล้วล่ะก็ อาจจะได้เห็นสิ่งพิเศษอะไรบางอย่างก็ได้นะ ซึ่งสิ่งที่ว่านั้นก็คือ “GUNDAM FACTORY YOKOHAMA(กันดัม แฟคทอรี่ โยโกฮาม่า)” ซึ่งเป็นอีเวนต์พิเศษที่จัดในบริเวณอ่าว จนถึงวันที่ 31 เดือนมีนาคม ค.ศ. 2023 ที่นี่คุณจะสามารถเห็นหุ่นกันดั้มขนาดใหญ่เท่าสเกลจริงที่สูง 18 เมตร หนัก 25 ตัน และมีการเปลี่ยนท่าโพสไปทุก ๆ 30 นาทีด้วย

วัดกุเมียวจิ
วัดกุเมียวจิที่ถูกสร้างขึ้นในค.ศ. 721 แห่งนี้ เป็นสถานที่ที่จะช่วยให้คุณลืมความจอแจของเมืองใหญ่อย่างโยโกฮาม่าไปได้ปลิดทิ้ง วัดนี้มีรูปแกะสลักโพธิสัตว์กวนอิม 11 หน้า ประดิษฐานอยู่ เมื่อนำมือไปวางบนเสาไม้ภายในตัววิหาร จะถือว่าได้ทำการเชื่อมต่อกับองค์พระโพธิสัตว์กวนอิม เพราะเสาต้นนั้นและรูปสลักถูกมัดเชื่อมโยงกันไว้ด้วยเชือก วัดกุเมียวจิตั้งอยู่ในสถานที่ที่ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที ด้วยรถไฟสายโตคิวฮงเซนจากสถานีโยโกฮาม่า

  • วัดกุเมียวจิ
    弘明寺
    • Address 267 Gumyojicho, Minami-ku, Yokohama, Kanagawa 232-0067

6. ฮาโกเน่:แหล่งออนเซ็นที่ถูกรายล้อมไปด้วยทิวทัศน์ของทะเลสาบและขุนเขาเรียงราย

image:PIXTA
image:PIXTA

ฮาโกเน่ เป็นแหล่งออนเซ็นรีสอร์ตที่มีชื่อเสียง อยู่ห่างจากโตเกียวไปประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง มีจุดที่เป็นไฮไลท์มากมายไม่ว่าจะเป็น ทะเลสาบอาชิโนโกะ, หุบเขาโอวาคุดานิ, ศาลเจ้าฮาโกเน่ และเส้นทางรถไฟขึ้นเขา รถไฟสายฮาโกเน่โทซังที่รวบรวมเอาจุดชมไว้สวย ๆ หลายจุดไว้ด้วยกัน การเดินทางด้วยรถไฟด่วนพิเศษสาย “โอดะคิว โรแมนซ์คาร์” จากชินจูกุไปถึงสถานีฮาโกเน่ ยุโมโตะ เป็นวิธีการเดินทางที่สะดวกสบายที่สุด ที่บริเวณสุดหัวและท้ายของขบวนรถไฟนั้น มีที่นั่งพิเศษที่เรียกว่าที่นั่งจักรพรรดิ ซึ่งสามารถรับชมทัศนีย์ภาพในการเดินทางได้แบบพาโรนาม่าเลยทีเดียว

วิธีเดินทางไปฮาโกเน่
นั่งรถไฟสายโอดะคิว โรแมนซ์คาร์จากสถานีชินจูกุไปถึงสถานีฮาโกเน่ ยุโมโตะ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 50 นาที

วิธีคำนวณเส้นทางและเวลาเดินทาง:
ค้นหาสถานีหลักในโตเกียวและพื้นที่ที่เราจะไปบน Google map และเลือกเส้นทางที่ดูง่ายที่สุด เข้าใจง่ายที่สุด และสั้นที่สุด

ออนเซ็นที่เป็นที่แนะนำของฮาโกเน่คือที่ไหนเหรอ?
ที่ฮาโกเน่นั้น มีพื้นที่ออนเซ็นใหญ่ ๆ ทั้งหมด 5 จุดด้วยกัน ได้แก่ ฮาโกเน่ ยุโมโตะ, โอวาคุดานิ, โกระ, โมโตะฮาโกเน่และ เซ็นโกคุฮาระ

*ฮาโกเน่ ยุโมโตะ: ตั้งอยู่ในบริเวณสถานีที่รถไฟโอดะวาระคิว โรแมนซ์คาร์มาเทียบจอด มีโรงแรมและร้านของฝากมากมาย เป็นจุดท่องเที่ยวขึ้นชื่อ

*โอวาคุดินิ: ที่จุดนี้จะมีโรงแรมหรู ๆ ตั้งกันอยู่เรียงราย สามารถเดินทางไปยังสวนสนุกออนเซ็น “ยูเนสซัน” และพิพิธภัณฑ์ประติมากรรมกลางแจ้งฮาโกเน่ ได้ง่ายดาย ที่ยูเนสซันนั้นเป็นออนเซ็นที่ผู้มีรอยสักก็สามารรถลงแช่ได้ (โดยใช้สติกเกอร์ปิด หรือสวมชุดรัชการ์ด)

*โกระ: เป็นจุดที่รถไฟสายฮาโกเน่โทซังเริ่มออกขบวน ที่นี่มีทั้งรถไฟสายฮาโกเน่โทซัง, กระเช้าฮาโกเน่โทซังเคเบิล คาร์, จุดโดยสารรถบัส ถือว่าเป็นเริ่มต้นการเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ได้เลย

*โมโตะฮาโกเน่: อยู่ในพื้นที่ทางทิศตะวันออกของทะเลสาบอาชิโนโกะ มีแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์อย่าง ศาลเจ้าฮาโกเน่ และฮาโกเน่ เซกิโชอยู่

*เซ็นโกคุฮาระ: ที่นี่มีหอศิลป์และพิพิธภัณฑ์มากมายเช่น หอศิลป์ฮาโกเน่รีแลกซ์, พิพิธภัณฑ์เครื่องแก้วเวนิสแห่งฮาโกเน่, พิพิธภัณฑ์เจ้าชายน้อย, หอศิลป์โพล่า เป็นต้น เป็นที่ที่คนรักงานอาร์ตต้องชื่นชอบแน่นอน เซ็นโกคุฮาระในฤดูใบไม้ร่วงนั้น ยังเป็นที่รู้จักในฐานะสถานที่แห่งทุ่งหญ้าซูซูกิอันสวยงามอีกด้วย

โอวาคุดานิและไข่ดำ
หุบเขาโอวาคุดานิเป็นรอยแยกที่เกิดจากการประทุของภูเขาไฟฮาโกเน่ ตั้งอยู่ ณ ฝั่งเหนือของเขาคัมมูริกะดาเกะ ที่ความสูง 800-1,000 เมตร หากนั่งบนกระเช้าลอยฟ้าฮาโกเน่โรปเวย์จากสถานีโซอุนซังถึงสถานีโทเกนไดแล้วล่ะก็ จะสามารถชมธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่และสวยงามของฮาโกเน่ได้จากจุดที่เป็นไฮไลท์ของบริเวณนี้อย่างหุบเขาโอวาคุดานิและอูบาโกะ ในช่วงเวลาประมาณ 30 นาที จากฟากฟ้าได้

ไข่ดำนั้นเป็นไข่ต้มเปลือกสีดำที่มีกลิ่นเฉพาะของกำมะถัน แต่อย่าเพิ่งตกใจไปกับสีและกลิ่นของมันนะ! ไข่ดำนี้ต้มโดนใช้น้ำจากน้ำพุกำมะถันของโอวาคุดานิ ว่ากันว่า “ถ้าได้กิน 1 ฟอง อายุจะยืนไป 7 ปี” เลยล่ะ

  • Owakudani
    • Address 1251, Sengokuhara, Hakone-machi, Ashigarashimo-gun, Kanagawa, 250-0631
      View Map
    • Nearest Station Gora Station (Hakone Tozan Railway / Hakone Tozan Cable Car)
    • Phone Number 0460-84-5201

เรือโจรสลัด และศาลเจ้าฮาโกเน่
ถ้าอยากจะเพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพอันยิ่งใหญ่และงดงามของฮาโกเน่ล่ะก็ ลองมานั่งเรือโจรสลัดที่ทะเลสาบอาชิโนโกะชมความงามนั้นกันไหมล่ะ เรือชมวิวทะเลสาบอาชิโนโกะฮาโกเน่ที่ตกแต่งด้วยการแกะสลักอย่างสวยงามลำนี้ สร้างโดยมีต้นแบบเป็นเรือรบของจริงในศตวรรษที่ 18 รับรองว่าถ้าได้เห็นต้องถูกใจแน่นอน

ในการล่องเรือที่ทะเลสาบอาชิโนโกะนั้น ไม่เพียงแค่คุณจะได้เห็นภูเขาไฟฟูจิ แต่ยังจะได้เห็นโทริอิสีแดงสดของศาลเจ้าฮาโกเน่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ ณ ริมฝั่งทะเลสาบอีกด้วย เมื่อขึ้นจากทะเลสาบไปถึงเสาโทริอิ และผ่านป่าทึบไปก็จะไปถึงภายในบริเวณศาลเจ้าที่ไม่สามารถมองเห็นจากด้านนอกได้

7. จิจิบุ: ชมชิบะซากุระและงานเทศกาลจิจิบุโยมัตสึริ

image:PIXTA
image:PIXTA

จิจิบุเป็นเมืองในจังหวัดไซตามะ ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติและประวัติศาสตร์ ช่วงหน้าซากุระจะจบลงตอนต้นเดือนเมษายน แต่ว่าในทริปไปเช้าเย็นกลับ ณ จิจิบุที่อยู่ขึ้นไปทางเหนือของโตเกียวนี้ เราจะได้ชมดอกชิบะซากุระ (ในภาษาญี่ปุ่นมีความหมายว่า “ซากุระของชิบะ” ) ทำให้สามารถรู้สึกเพลินเพลินกับฤดูใบ้ไม้ผลิต่อได้

การเดินทาง ใช้รถไฟสายเซบุจากอิเคบุคุโระไปจิจิบุใช้เวลาประมาณ 80 นาที ในจิจิบุมีภูเขาเขียวขจีมากมาย และสายน้ำฉ่ำเย็น เรียกได้ว่ามีจุดไฮไลท์สวย ๆ ของธรรมชาติที่น่าไปชมเยอะแยะเลยล่ะ ที่จิจิบุนั้นมีสถานที่เตรียมพร้อมไว้สำหรับกิจกรรมกลางแจ้งมันส์ ๆ ไว้อย่างครบครัน นอกจากนี้ยังมีแหล่งน้ำร้อนผุดให้แช่คลายเหนื่อยกันอีกด้วย

วิธีเดินทางไปจิจิบุ
นั่งรถไฟด่วนพิเศษสายเซบุ อิเคบุคุโระ จากสถานีอิเคบุคุโระไปถึงสถานีจิจิบุ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที

เนินชิบะซากุระที่สวนสาธารณะฮิตสึจิยามะ
ที่สวนสาธารณะฮิตสึจิยามะที่กว้างใหญ่ใจกลางเมืองจิจิบุแหล่งนี้ มีพรมดอกชิบะซากุระที่งดงามอยู่ ในเดือนเมษยนจนถึงพฤษภาคมของทุกปี ดอกชิบะซากุระหลากสีสันของที่นี่จะผลิบานและร่วงโรยไป ที่นี่มีชิบะซากุระทั้งหมด 6 ชนิดด้วยกัน ตัวอย่างเช่น ชิบะซากุระสีชมพู, สีขาว, สีฟ้า, สีม่วง บนเนินที่ราวกับโรยไปด้วยชิบะซากระนั้น ดูเหมือนพรมดอกไม้เลยล่ะ ชิบะซากุระมีช่วงผลิดอกที่ยืนยาวกว่าซากุระ ซึ่งช่วงเวลาที่คุณจะสามารถชื่นชมดอกชิบะซากุระได้นั้นจะยาวประมาณ 1 เดือน

งานเทศกาลจิจิบุโยมัตสึริ ณ ศาลเจ้าจิจิบุ
งานเทศกาลจิจิบุโยมัตสึริเป็นงานเทศกาลประจำปีในฤดูหนาวที่ได้รับความนิยมมาก ซึ่งงานเทศกาลนี้เป็นเทศกาลของศาลเจ้าจิจิบุที่จะจัดขึ้นในวันที่ 2 ธันวาคมของทุกปี และยังถือว่าเป็นงานดอกไม้ไฟในหน้าหนาวที่หาชมได้ยากจากทั่วทั้งญี่ปุ่นอีกด้วย มีประวัติความเป็นมากว่า 300 ปี นับว่าเป็นงานเทศการที่ยิ่งใหญ่หนึ่งในสามของญี่ปุ่นร่วมกับ กิงองมัตสึริแห่งเกียวโตและ ทาคายามะมัตสึริของเมืองฮิดะ

ศาลเจ้าจิจิบุที่ว่ากันว่ามีประวัติความเป็นมากว่า 2,000 ปีแห่งนี้ เป็นศาลเจ้าที่มีการเผาเครื่องหอมเป็นการบูชามาตั้งแต่สมัยโบราณ ศาลเจ้าหลักถูกสร้างขึ้นใหม่ในปีค.ศ. 1592 โดย โทกุกาวะ อิเอยาสุ ซึ่งได้สะท้อนให้เห็นถึงรูปแบบของสถาปัตยกรรมในสมัยเอโดะอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีการประดับตกแต่งที่สวยงามอีกมากมาย โดยผู้ที่รังสรรค์ขึ้นมาก็คือประติมากรคนเดียวกันที่สร้างสรรค์ผลงานที่ โทโชกุ แห่งเมืองนิกโก

ล่องแก่งที่นากาโทโร
ถ้าอยากจะหากิจกรรมกลางแจ้งสนุก ๆ ที่น่าตื่นเต้นทำที่จิจิบุแล้วล่ะก็ ขอแนะนำให้ไปลองท้าทายกับกิจกรรมล่องแก่งที่นากาโทโรกันดูได้เลย ในกิจกรรมล่องแก่งที่ใช้ความงามของหุบเขานากาโทโรให้เกิดประโยชน์นี้ ในตอนช่วงต้นเราจะได้สัมผัสกับความงามของธรมมชาติของสงบเนิบช้า แต่ว่าในช่วงครึ่งหลังจะเป็นการล่องแก่งที่เร้าใจ และฝีพายเรือผู้เชี่ยวชาญจะเป็นคนเล่าเรื่องสนุก ๆ ให้เราได้ฟังอีกด้วย ตอนที่กระแสน้ำรุนแรงขึ้นเก็บกล้องโทรศัพท์ ของมีค่าต่าง ๆ ไว้ในเป้ให้ดีกันด้วยนะ

ศาลเจ้ามิตสึมิเนะ ศาลเจ้าของหมาป่าที่อยู่ในเขตแดนลี้ลับ
ศาลเจ้ามิตสึชิมะนั้นเป็นศาลเจ้าที่อยู่ในดินแดนลี้ลับของจิจิบุ เนื่องจากตั้งอยู่บนความสูง 1,100 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล จึงต้องต้องเวลาเดินทางโดยรถบัสกว่าหนึ่งชั่วโมง ผ่านทั้งเขื่อนขนาดใหญ่ ภูเขา และถนนหนทางที่คดเคี้ยวไปมา แต่ทว่าเมื่อไปถึง คุณจะประทับใจไปกับพื้นที่เต็มไปด้วยความลึกลับซึ่งกล่าวกันว่าเป็นบ้านเกิดของชูเก็นโดของญี่ปุ่น (ศาสนาที่ฝึกบำเพ็ญเพียรบนภูเขา) ที่นี่เป็นศาลเจ้าที่บูชาหมาป่า ที่ถือว่าเป็นสัตว์หายากแม้แต่ในญี่ปุ่นเองก็ตาม มีการลงทะเบียนสถานที่นี้ไว้ใน เว็บไซต์จิจิบุ จีโอพาร์ค ในหัวข้อข้อมูลทางประวัติศาสตร์ของจิจิบุด้วย

สัมผัสประสบการณ์แช่ออนเซ็นอย่างผ่อนคลาย
ที่พื้นที่จิจิบุนี้มีแหล่งน้ำร้อนผุดธรรมชาติมากมายหลายแห่ง ที่ “มัตสึริโนะยุ ออนเซ็นหน้าสถานีเซบุจิจิบุ” นั้น เป็นสถานที่ให้บริการออนเซ็นที่เดินทางไปสะดวกสบายมาก ที่นี่มีบ่อออนเซ็นที่มีชนิดของน้ำและสรรพคุณต่างกัน 2 ชนิด ออนเซ็นธรรมชาติของท้องที่นั้นเกิดจากน้ำที่ผุดขึ้นมาจากใต้ดินที่ลึกลงไป 2,000 เมตร มีธาตุไอดีนผสมอยู่ มีสรรพคุณช่วยในการผ่อนคลาย อีกชนิดหนึ่งคือ ออนเซ็นที่จัดทำขึ้นมาเป็นการนำชนิดน้ำของออนเซ็นชื่อดังในแต่ละท้องที่ของญี่ปุ่นมาวิเคราะห์และจัดทำสังเคราะห์ขึ้นมาใหม่ หลังจากที่แช่น้ำแล้ว ก็ขอเชิญเพลิดเพลินกับอาหารท้องถิ่นอย่าง อุด้ง, มิโสะโปเตโต้, ข้าวหน้าหมูทอดวาราจิคัตสึ ฯลฯ กันได้เลย (ผู้ที่มีรอยสักไม่สามารถใช้บริการแช่น้ำได้)

8. ฮิตาชินากะ: การท่องเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับที่จะพาคุณไปเพลิดเพลินกับธรรมชาติอันสวยงามของอิบารากิ

image:PIXTA
image:PIXTA

เมืองฮิตาชินากะจังหวัดอิบารากิ ตั้งอยู่ในฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก เป็นสถานที่ที่มีธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ สวนฮิตาชิ ซีไซด์ พาร์คนั้น ใช้เวลาเดินทางไปถึงประมาณ 2 ชั่วโมง โดยนั่งรถไฟจากสถานีโตเกียวและต่อรถบัส (สถานีรถไฟที่ใกล้สวนที่สุดคือ สถานี JR คัตสึตะ)

วิธีเดินทางไปฮิตาชินากะ
เดินทางโดยรถไฟ JR ด่วนพิเศษฮิตาชิ จากสถานีโตเกียวไปถึงสถานีคัตสึตะ ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ในกรณีที่ต้องการไปยังสวนฮิตาชิ ซีไซด์ พาร์ค ให้ต่อรถบัสไปอีกประมาณ 16 นาที จากนั้นลงเดินต่อไปอีก 10 นาที ก็จะถึงจุดหมาย

เหล่าดอกไม้ที่ผลิบานอย่างสดใสในแต่ละฤดูที่สวนฮิตาชิ ซีไซด์ พาร์ค
สวนฮิตาชิ ซีไซด์ พาร์คเป็นที่รู้จักกันว่าในตลอดหนึ่งปีจะถูกแต่งแต้มสีสันไปด้วยบรรดาดอกไม้นานาพันธุ์ ฤดูใบไม้ผลิจะเป็นดอกนาร์ซิสซัส, ทิวลิป, ดอกเรพซีดหรือดอกนาโนะฮานะ ในฤดูร้อนจะเป็นดอกลาเวนเดอร์, ดอกทานตะวัน, กุหลาบ, โคเคียสีเขียว (หญ้าไม้กวาด), ส่วนในฤดูใบไม้ร่วงจะเป็นดอกคอสมอส โคเคียสีแดงก่ำ ให้ได้ชมกันอย่างเพลิดเพลินใจ ภายในสวนยังมีสถานที่เด็กเล่น, สถานที่ออกกำลังกาย, เส้นทางปั่นจักรยาน, สนามกอล์ฟ, ลานบาร์บีคิว ไว้ให้บริการอีกด้วย เป็นที่ที่เหมาะกับการชวนครอบครัวและเพื่อน ๆ มาใช้เวลาว่างอย่างสนุกสนานเป็นที่สุดเลยล่ะ

ซึ่งในสวนนี้ ไฮไลท์เห็นจะเป็น “เนินมิฮาราชิ” ที่มีทุ่งดอกเนโมฟีลาขนาดใหญ่อยู่ ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เป็นที่รู้จักกันในนาม “ทุ่งดอกไม้สีฟ้าที่เจิดจรัสแห่งญี่ปุ่น” ซึ่งก็มีนักท่องเที่ยวที่อยากจะไปเยี่ยมชมทัศนียภาพที่สวยงามนั้นสักครั้งอย่างไม่ขาดสาย ช่วงเวลาที่ดอกไม้บานเต็มที่คือช่วงกลางเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคมของทุกปี ดอกเนโมฟิลากว่า 5 ล้าน 3 แสนดอกจะบานสะพรั่งพร้อมกันอย่างสวยงาม

ภายในสวนไม่เพียงแค่จะชมความงามโดยการเดินชมได้เท่านั้น คุณยังสามารถนั่งซีไซด์ เทรน ชมความงามภายในสวนและสวนดอกไม้ได้ นอกจากนี้ยังสามารถปั่นจักรยานจากจุดบริการให้เช่าแบบชิล ๆ ชมสวนได้อีกด้วย เรียกได้ว่ามีวิธีเพลิดเพลินมากมายหลายแบบเลยล่ะ

สวนไคราคุเอน
เมื่อเดินทางจากสวนฮิตาชิ ซีไซด์ พาร์คไปด้วยรถไฟประมาณ 1 ชั่วโมง ก็จะถึงหนึ่งในสามสวนสวยเลื่องชื่อของญี่ปุ่น “สวนไคราคุเอน” ชื่อของสวนไคราคุเอนนั้นมีที่มาจากเนื้อเรื่องในหนังสือปรัชญาจีนของ "เม่งจื๊อ" ที่กล่าวว่า " ผู้ใหญ่และผู้น้อยได้มาสังสรรด้วยกัน ยิ่งทำให้รื่นเริงกันยิ่งขึ้น” (ผู้ยิ่งใหญ่ในสมัยก่อนรู้ว่าการได้ร่วมสนุกกับประชาชนก็จะยิ่งช่วยเพิ่มความสนุกเพลิดเพลินได้) ” ในสมัยแรกเริ่มนั้นบริเวณของสวนส่วนใหญ่มีไว้รองรับเฉพาะคนชั้นสูงเท่านั้น แต่ด้วยแนวคิดนี้ ไคราคุเอนในมิโตะแห่งนี้จึงเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมได้

คุณสามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพที่สวยงามของทั้งสี่ฤดูกาลของที่นี่ได้ แต่ดอกบ๊วยในไคราคุเอนนั้นมีชื่อเสียงเป็นพิเศษ

  • สวนไคราคุเอน
    偕楽園
    • Address 1-1251 Migawa, Mito, Ibaraki, 310-0912(偕楽園公園センター)

สถานที่ให้ผจญภัยยังไม่หมดหรอกนะ! ไปพบกับน้ำตกฟุคุโรดะ และบันจี้จัมพ์ที่สะพานแขวนริวจินกันเลย
เมื่อขับรถไป 1 ชั่วโมงจากสวนฮิตาชิ ซีไซด์ พาร์ค คุณจะถึงสถานที่ที่สามารถชมน้ำตกฟุคุโรดะ และสนุกสนานตื่นเต้นไปกับการเล่นบันจี้จัมพ์ ณ สะพานแขวนริวจิน สะพานแขวนที่มีขนาดใหญ่ยักษ์ในญี่ปุ่นได้

น้ำตกฟุคุโรดะ::
น้ำตกฟุคุโรดะเป็นน้ำตกที่ไหลผ่านผา 4 ชั้นที่ลดหลั่นกัน จากตำแหน่งที่สูงที่สุดจนถึงจุดที่น้ำตกลงมากระทบ วัดได้ถึง 120 เมตรเลยทีเดียว ถ้าได้มาเห็นน้ำตกที่ห้อมล้อมไปด้วยธรรมติอันยิ่งใหญ่แห่งนี้แล้วล่ะก็ คงจะเห็นด้วยกับการที่น้ำตกแห่งนี้ได้เป็นหนึ่งในสามน้ำตกขึ้นชื่อของญี่ปุ่นแน่นอน หากมาที่นี่ในฤดูหนาว ถ้าดวงดีก็อาจจะได้เห็นน้ำตกฟุคุโรดะที่แข็งตัวมีน้ำแข็งส่องแสงเป็นประกายก็ได้นะ

image:PIXTA
image:PIXTA

บันจี้จัมพ์ ณ สะพานแขวนริวชิน
สะพานแขวนริวชินนั้น มีความสูงเหนือผืนทะเลสาบในหุบผาริวชิน 100 เมตร เป็นสะพานแขวนที่มีความยาวมากเพียงไม่กี่แห่งในญี่ปุ่น สำหรับผู้ที่ชอบผจญภัยลองมาภวนาต่อท่านเทพมังกรที่อยู่ที่นี่ พร้อมท้ายทายกับการกระโดดบันจี้จัมพ์ไปด้วยเลยเป็นไงล่ะ สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการกระโดด เพียงจ่ายค่าธรรมเนียมเล็กน้อย ก็สามารถขึ้นไปมองวิวข้างล่างอันน่าหวาดเสียวจากแท่นกระโดดได้ด้วยนะ ที่นี่เป็นจุดที่เหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัยและกิจกรรมกลางแจ้งสุด ๆ เลยล่ะ

9. นาริตะ เมืองที่ใกล้สนามบิน พร้อมทั้งมีข้อมูลแสนสะดวกในการเดินทางท่องเที่ยวมากมาย

画像素材:PIXTA
画像素材:PIXTA

เมืองนาริตะที่เป็นที่ตั้งของสนามบินนาริตะ เป็นที่รู้จักกันในฐานะเป็นสถานที่ที่เชื่อมโตเกียวเข้าต่อกับโลกทั้งใบ ที่เมืองนี้มีวัดเก่าแก่ และมีสภาพบ้านเมืองในสมัยเก่าหลงเหลืออยู่ ที่นี่จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาเหลือในญี่ปุ่นน้อย, ผู้ที่กำลังรอต่อยานพาหนะในการเดินทางแล้วมีเวลาเหลือเฟือ หรือผู้ที่กำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวใกล้โตเกียวมาก ๆ เลย

วิธีเดินทางไปนาริตะ
นั่งรถไฟสายเคเซฮงเซ็นจากสถานีนิปโปริมาถึงสถานีนาริตะ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 10 นาที ในกรณีต้องการเดินทางไปวัดนาริตะซันชินโชจิให้เดินเท้าต่อไปประมาณ 10-15 นาทีจากสถานีก็จะถึงจุดหมาย

วัดนาริตะซันชินโชจิ
วัดนาริตะซันชินโชจินั้นก่อนสร้างในปีค.ศ. 940 ที่นี่เราสามารถชมรูปแบบสถาปัตยกรรมอันหลากหลายของญี่ปุ่นได้ ที่วัดชินโชจินี้ ไม่เพียงแต่มีเจดีย์สามชั้นที่มักพบเห็นได้ทั่วไปเท่านั้น ยังมีเจดีย์รูปแบบทาโฮโต (เจดีย์สองชั้น) ชื่อเฮวะไดโต (มหาเจดีย์สันติภาพ) ด้วย ที่นี่มีรูปสลักของฟุโดเมียวโอ ซึ่งกล่าวกันว่าแกะสลักโดยโคโบไดชิ ผู้ก่อตั้งนิกายชินกอน ตั้งอยู่ใจกลางวัด

หลังจากเพลิดเพลินกับความยิ่งใหญ่ของวัดชินโชจิแล้ว มุ่งหน้าไปที่โอโมเตะซันโดกัน โอโมเตะซันโดะที่เป็นทางเนินแห่งนี้ซึ่งประดับด้วยธงและโคมไฟ เป็นถนนช้อปปิ้งหน้าวัดแบบที่เห็นได้ทั่วไปในญี่ปุ่น คุณสามารถเพลิดเพลินกับขนมญี่ปุ่น และซื้องานฝีมือที่สืบทอดวิธีการทำมาตั้งแต่สมัยโบราณของพื้นที่นี้กลับไปได้

ย่านประวัติศาสตร์ ซาวาระ
ถึงเมืองซาวาระจะไม่ได้อยู่ภายในเมืองนาริตะก็ตาม แต่ก็เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่อยากแนะนำให้กับผู้มาเยือนได้แวะไปกันด้วย เมืองที่มีคลองเป็นจุดใจกลางเมืองแห่งนี้ เกิดจากการบูรณะบรรดาร้านค้าเก่าแก่ และที่อยู่อาศัยที่ก่อสร้างมาตั้งแต่สมัยเอโดะ (ค.ศ. 1603-1868)

ถ้าได้ไปเยือนเมืองนี้ในเดือนกรกฎาคมและตุลาคมแล้วล่ะก็ อาจจะมีโอกาสได้ชมงานเทศกาลใหญ่ “ซาวาระ โนะ ไทไซ” ก็เป็นได้ งานเทศกาลนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโก้ให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ตุ๊กตาจำนวนมากที่ทำเป็นรูปบุคคลในตำนาน ในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นจะถูกแห่ไปรอบเมือง เป็นภาพงานเทศกาลอันน่าตกตะลึง และถ้าคุณมาที่พิพิธภัณฑ์รถลากซุยโกซาวาระแล้วล่ะก็ ถึงแม้คุณจะพลาดโอกาสชมงานเทศกาลไปแต่ก็สามารถมาดูตุ๊กตาได้ที่นี่

  • ย่านประวัติศาสตร์ ซาวาระ
    ย่านประวัติศาสตร์ ซาวาระ
    佐原町(佐原町並み交流館)
    • Address I-1903-1, Katori, Chiba 287-0003

พิพิธภัณฑ์แห่งการสัมผัสประสบการณ์โบโซโนะมูระของจังหวัดชิบะ
พิพิธภัณฑ์โบโซโนะมูระ จังหวัดชิบะ อยู่ใกล้กับสนามบินนาริตะ ที่นี่เราสามารถสัมผัสประสบการณ์การทำงานฝีมือแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นได้ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีขนาดใหญ่มาก มีพื้นที่จัดแสดงต่าง ๆ หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่นยุคก่อนประวัติศาตร์ ไปจนถึงญี่ปุ่นในยุคปัจจุบัน ให้เราไปทำการสำรวจกัน

เนินเขาฟูโดคิ เป็นพื้นที่ขนาด 82 เอเคอร์ที่รวบรวมธรรมชาติและประวัติศาสตร์ไว้ด้วยกัน คุณสามารถเห็นสุสานโบราณ และบ้านของชาวนาชาวไร่ (แบบสามารถเคลื่อนย้ายได้) ที่สร้างขึ้นเมื่อปลายศตวรรษที่ 18 ที่นี่ได้ ในบริเวณนี้มีถนนเก่าแก่สายยาวที่มีการสร้างบ้านพ่อค้า ช่างตีเหล็ก และร้านเสื่อทาทามิขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นถึงสภาพในสมัยก่อน

ที่นี่คุณสามารถทำของที่ระลึกที่ไม่เหมือนใคร เช่น เครื่องปั้นดินเผาญี่ปุ่นและ "มากาทามะ" จี้เครื่องรางที่เป็นรูปคล้ายหยินยาง คุณยังสามารถสัมผัสประสบการณ์พิธีชงชา, สวมหมวกเกราะซามูไร และพายเรือญี่ปุ่นในฐานะลูกเรือฝึกหัดได้อีกด้วย

  • พิพิธภัณฑ์แห่งการสัมผัสประสบการณ์โบโซโนะมูระของจังหวัดชิบะ
    体験博物館 千葉県立房総のむら
    • Address 1028 Ryukakuji, Sakae, Imba District, Chiba 270-1506

อิออนมอลล์ นาริตะ・ชิซุยพรีเมียม เอาท์เล็ต

อิออนมอลล์ นาริตะและชิซุยพรีเมียม เอาท์เล็ต ทั้งสองแห่งนี้อยู่ห่างจากสนามบินนาริตะโดยเดินทางจากรถบัสประมาณ 15 นาที จึงวางใจได้เลยถ้าต้องการจะซื้อของแบบเร่งด่วน

อิออนมอลล์นั้นเป็นชอปปิ้งมอลล์ที่ได้รับความนิยมในญี่ปุ่น และที่สาขานาริตะนี้ก็มีร้านค้าอยู่ภายในกว่า 170 ร้าน ในระหว่างที่อยู่ในญี่ปุ่นก็อยากจะแนะนำให้ทุกคนลองไปที่นี่และเช็กสินค้าของร้านที่ขายสินค้าที่ดูเรียบง่าย มีจุดขายที่ไม่ค่อยนำเสนอความเป็นสินค้ายี่ห้อมากนักอย่าง “มูจิรูชิ เรียวฮิน” หรือร้านที่เต็มไปด้วยความสดใสและสีสันสดสวย “ซานริโอกิ๊ฟท์เก็ต” กันดูนะ

ที่ชิซุยพรีเมียม เอาท์เล็ต ปัจจุบัน ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2022 มีร้านค้าอยู่กว่า 220 ร้าน เป็นโอกาสดีที่จะหาซื้อสินค้าแบรนด์ดังของญี่ปุ่นในราคาสุดคุ้มค่าได้เลยล่ะ

  • อิออนมอลล์ นาริตะ
    อิออนมอลล์ นาริตะ
    イオンモール成田
    • Address 24 Uingutsuchiya, Narita, Chiba 286-0029
  • ชิซุยพรีเมียม เอาท์เล็ต
    ชิซุยพรีเมียม เอาท์เล็ต
    酒々井プレミアム・アウトレット
    • Address 2-4-1, Iizumi Shisui-machi, Inba-gun, Chiba, Japan 285-0912

10. มาคุฮาริ: ชมคอนเสิร์ต, ชมสวนญี่ปุ่น และช้อปปิ้ง

image:PIXTA
image:PIXTA

ถ้าคุณต้องการที่จะไปชมญี่ปุ่นในปัจจุบันและอนาคตแล้วล่ะก็ ที่พื้นที่มาคุฮาริของจังหวัดชิบะเป็นสถานที่ที่ควรไปเยือนเป็นอย่างยิ่ง เมืองที่แทบจะเป็นส่วนหนึ่งของโตเกียวเมืองนี้กำลังอยู่ในการพัฒนาขยับขยาย (มีประชากรอยู่ในโตเกียวและปริมณฑลกว่า 13,960,000 คน!) เมืองมาคุฮาริที่สร้างจากการถมส่วนหนึ่งของทะเลแห่งนี้ ได้แสดงให้เราเห็นถึงวิธีที่จะสร้างพื้นที่เพิ่มให้มหานครใหญ่ได้เป็นอย่างดี

วิธีเดินทางไปมาคุฮาริ
นั่งรถไฟสายเคโย ของ JR จากสถานีโตเกียวไปถึงสถานีไคฮินมาคุฮาริ ใช้เวลาประมาณ 40 นาที

มาคุฮาริเมสเซ และ ZOZO มารีนสเตเดียม
ถ้าพูดถึงสถานที่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของมาคุฮาริ ก็น่าจะเป็นคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ยักษ์อย่างมาคุฮาริ เมสเซ เหมือนว่ามาคุฮาริอีเวนต์ฮอล ที่เป็นฮอลหลักนั้น สามารถจุคนได้ถึง 9 พันคนเลยล่ะ ในทุก ๆ ปีจะมีการจัดอีเวนต์แนวเทคโนโลยีอย่างโตเกียวเกมโชว์ หรืองานคอนเสิร์ตของศิลปินญี่ปุ่นอย่าง GLAY, BABYMETAL รวมไปถึงคอนเสิร์ตของซูเปอร์สตาร์ระดับโลกอย่าง เลดี้กาก้า, มารายห์ แครี ก็มีมาจัดที่นี่บ่อย ๆ เช่นกัน ในตอนที่ทุกคนอยู่ที่โตเกียวนั้น ก็ไม่รู้ว่าจะมีอีเวนต์แบบไหนจัดขึ้นที่นี่เหมือนกัน ยังไงก็ลองเช็กกันดูด้วยนะ

สวนสาธารณะมาคุฮาริไคฮิน
สำหรับผู้ที่เหนื่อยล้าจากท่องเที่ยวจากเมืองใหญ่มา ขอแนะนำให้มาที่สวนสาธารณะมาคุฮาริไคฮินกันเลย สวนสาธารณะแห่งนี้มีขนาดกว้างขวางมาก แบ่งเป็นหลาย ๆ บล็อก ซึ่งในแต่ละบล็อกก็จะมีวิธีการสนุกเพลิดเพลินเฉพาะตัว ที่อยากแนะนำก็คือบล็อก C ที่มีสวนญี่ปุ่น “มิฮามะเอน” อยู่ ที่สวนนี้มีความเสงียบสงบอย่างที่หาไม่ได้ในโตเกียว และที่ร้านน้ำชา “โชไรเท” คุณจะได้ดื่มชาเขียวพร้อมเพลิดเพลินไปกับขนมญี่ปุ่นที่ทำจาก แป้ง, ถั่วกวน, ผลไม้ ต่าง ๆ กันได้ที่นี่

อิออนมอลล์ มาคุฮาริ, มิตซุยเอาท์เล็ต พาร์ค

อิออนมอลล์ มาคุฮาริ ชินโทชินนั้น เป็นพื้นที่ช้อปปิ้งที่คนทุกเพศทุกวัยสามารถมาใช้บริการได้อย่างเพลิดเพลิน ไม่ว่าจะเป็น ผู้ที่มากับครอบครัว, ผู้ที่พาสัตว์เลี้ยงมาด้วย, หรือผู้ที่สนใจกิจกรรมกีฬา เพราะมีไปจนถึงชุดกีฬาให้เลือกซื้อกันด้วย

นอกจากที่จำนวนหนึ่งของร้านภายในห้างจะเป็นร้านปลอดภาษีแล้ว ที่ห้างนี้ยังมีห้องสำหรับทำละหมาดเตรียมไว้ให้ลูกค้าที่นับถือศาสนาอิสลามอีกด้วย และยังมีพื้นที่เล่นเกมเวอร์ช่วลสปอตอย่าง ตอย่าง Heroes Playground, namco ซึ่งมีมุมรางวัลที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาค, Moff animal café ที่นี่คุณสามารถดื่มกาแฟไปพร้อมกับสัมผัสเหล่าสัตว์ต่าง ๆ ในคาเฟ่ได้อีกด้วย เรียกได้ว่าที่ห้างนี้มีสิ่งบันเทิงอยู่อย่างครบครันเลยล่ะ

  • อิออนมอลล์ มาคุฮาริ
    อิออนมอลล์ มาคุฮาริ
    イオンモール幕張新都心
    • Address 1-1 Chi, Toyosuna, Mihama-ku, Chiba, Chiba 261-8535

โตเกียวดิสนีย์รีสอร์ต และ Ikspiari
ภายในโตเกียวดิสนีย์รีสอร์ตที่อยู่ห่างจากมาคุฮาริ 30 นาทีนั้น มีสวนสนุกที่มีเพียงแห่งเดียวในโลกอย่าง “โตเกียวดิสนีย์ซี” ซึ่งมีโซน “เมอร์เมด ลากูน” ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ภาพยนตร์ของดิสนีย์เรื่อง “เงือกน้อยผจญภัย ลิตเติล เมอร์เมด” และ โซน “อาราเบียนโคสท์” ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากบรรยากาศแบบ “อาราเบียนไนท์” โตเกียวดิสนีย์ซีเป็นสถานที่ที่สวยแบบพิเศษจัดเต็มมาก ถ้าเป็นแฟนของดิสนีย์ล่ะก็ ไม่ว่าใครก็คงอยากไปเยือกสักครั้งแน่นอน สำหรับผู้ที่ช่วงเวลาในสวนสนุกยังทำให้เต็มอิ่มไม่ได้ สามารถไปเดินชมร้านรวงกันต่อได้ที่ “Ikspiari” ห้างที่มีดิสนีย์สโตร์ตั้งอยู่กันต่อได้เลย

ทริปไปเช้าเย็นกลับใกล้โตเกียวจะไปที่ไหน ทำอะไรดี เท่านี้ก็เป็นอันรู้เรื่องแล้วล่ะ!

ในบทความนี้เราได้แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับทริปไปเช้าเย็นกลับใกล้โตเกียวให้กับทุกคนไปแล้ว คิดว่าทุกคนน่าจะรู้แล้วใช่ไหมว่าสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม 10 แห่ง ใกล้โตเกียวมีอะไรบ้าง หากได้ลองออกจากโตเกียวแล้วจัดทริปแบบไปเช้าเย็นกลับ คุณจะได้สัมผัสวิถีชีวิตและมุมมองที่แตกต่างจากในเมืองที่พลุกพล่าน ที่นั่นคุณจะได้เห็นญี่ปุ่นที่ดูแตกต่างไปจากที่คุณเห็นในเมืองโดยสิ้นเชิง ไปดำดิ่งสู่ประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นและเก็บความทรงจำไว้ ด้วยภาพสแนปชอตและวิดีโอกันนะ

พื้นที่รอบๆ โตเกียวมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ทั้งสถานที่ที่มีความงามของธรรมชาติและคุณค่าทางประวัติศาสตร์ เช่น วัดโบราณในนิกโก้, ภาพทิวทัศน์ของภูเขาฟูจิทั้มองเห็นได้จากริมชายทะเลของคามาคุระ, บ่อน้ำพุร้อนออนเซ็นในฮาโกเน่, ทริปเล่นสกีแบบไปเช้าเย็นกลับในคารุอิซาวะ และพรมดอกไม้ที่สวยงามในจิจิบุและฮิตาชินากะ

แม้ว่าคุณจะมีเวลาอยู่ในโตเกียวเพียงสั้น ๆ แต่ก็มาเลือกทริปเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับที่จะมีคุณค่าต่อการไปเยือนและทำให้คุณประทับใจกันเถอะ ถ้าลองได้จัดทริปเที่ยวไปเช้าเย็นกลับดู คุณอาจจะได้เข้าร่วมเทศกาลเก่าแก่ดั้งเดิม, ได้เดินไปตามเส้นทางของซามูไรและวีรบุรุษในอดีต และเพลิดเพลินกับอาหารญี่ปุ่นทุกประเภท ตั้งแต่การดื่มชาเขียวที่มีพิธีการตามขนบธรรมเนียมที่เคร่งครัดไปจนถึงอาหารทะเลในท้องถิ่นเลย ไม่ว่าคุณจะเดินทางไปเที่ยวคนเดียว หรือไปกับเพื่อน, ครอบครัว ก็ลองมาสร้างความทรงจำใหม่ ๆ ในพื้นที่ที่เราแนะนำไปกันดูดีไหม

*This information is from the time of this article's publication.
*Prices and options mentioned are subject to change.
*Unless stated otherwise, all prices include tax.

แชร์บทความนี้

บทความใหม่
ค้นหา