อุเอะโนะ

อุเอะโนะ

อุเอะโนะของภาพรวมและประวัติศาสตร์

อุเอะโนะของภาพรวมและประวัติศาสตร์

ย่านอุเอโนะ และเขตไทโต เป็นย่านที่แสดงให้เห็นถึงหลักฐานของการเติบโตทางด้านวัฒนธรรมจากยุคสมัยใหม่จนถึงสมัยปัจจุบัน และยังเป็นย่านที่ใช้ชื่อเดิมมาตั้งแต่สมัยเอโดะ บริเวณนี้แบ่งใหญ่ๆ ได้เป็น บริเวณยามาโนเตะ คือ สวนสาธารณะอุเอโนะอนฉิ (ชื่อย่อ: สวนอุเอโนะ) และบริเวณชิตามาจิย่านการค้าแบบญี่ปุ่น ได้แก่ (สถานี) อุเอโนะฮิโระโคจิ และ (สถานี) โอคาจิมาจิ
สวนอุเอโนะ เป็นสวนที่สร้างทับซากวัด “โทเอซันคันเอจิ” ที่ตระกูลโทคุกาว่าได้สร้างไว้เพื่อเป็นวัดประจำตระกูลในปี 1625 แต่แล้วก็ได้ถูกเผาทำลายลงในสงครามโบชิน (ปี 1868) ต่อมารัฐบาลเมจิได้อายัดพื้นที่บริเวณนั้นแล้วจัดสร้างให้เป็นสวนอุเอโนะ สวนสาธารณะแห่งแรกในประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบัน เป็นสวนที่ได้รับการขนานนามว่า เป็นสวนเพื่อคนรักศิลปะ วัฒนธรรม และธรรมชาติ
บริเวณ (สถานี) อุเอโนะฮิโระโคจิ ที่ตั้งอยู่ในย่านการค้าหรือที่เรียกว่า “ชิตามาจิ” ในสมัยก่อนนั้น ในสมัยเอโดะถือว่าเป็นเมืองที่คึกคักมาก เพราะเป็นทางผ่านเมื่อเดินทางไปยังวัดคันเอจิ ส่วน (สถานี) โอคาจิมาจินั้น เป็นบริเวณที่อยู่อาศัยของเหล่าซามูไรระดับล่างที่ทำหน้าที่รับใช้ปกป้องโชกุนและประสาทเอโดะ และ “อาเมยะโยโกะโจ” ที่เจริญมาจากตลาดมืดในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ตอนนี้ได้กลายเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศญี่ปุ่นพากันมาดื่มด่ำกับบรรยากาศคึกคักจนกลายเป็นเอกลักษณ์ของย่านนี้              
ทั้งนี้ ย่านอุเอโนะแห่งนี้มีสถานีรถไฟ JRอุเอโนะ JRโอคาจิมาจิ เคเซอุเอโนะ และสถานีรถไฟใต้ดินถึง5สถานี (สถานีอุเอโนะ <สายกินซ่าและฮิบิย่า>), สถานีอุเอโนะฮิโระโคจิ, สถานีอุเอโนะโอคาจิมาจิ, สถานีนาคาโอคาจิมาจิ
บริเวณทางเหนือของสวนอุเอโนะนั้น คือย่านที่อยู่อาศัย บริเวณยานากะ เป็นหนึ่งย่านในโตเกียวที่ได้บรรยากาศแบบเมืองชิตามาจิ(เมืองส่วนที่ไม่ใช่ย่านท่องเที่ยว) ซึ่งมีนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศเข้ามาเยี่ยมเยือนที่แห่งนี้โดยหวังว่าจะมาย่านร้านค้าที่มีร้านชื่อดังตั้งแต่สมัยโชวะหลงเหลืออยู่

ดูเพิ่มเติม

อุเอะโนะของข้อมูลพื้นที่

บริเวณสวนอุเอโนะอนฉิและบริเวณโดยรอบ

บริเวณสวนอุเอโนะอนฉิและบริเวณโดยรอบ

ในสวนอุเอโนะแห่งนี้ มีสถานที่ทางวัฒนธรรมที่สร้างขึ้นตามแบบสถาปัตยกรรมช่วงปลายเอโดะ หรือยุคเปลี่ยนแปลงเข้าสู่สมัยใหม่อยู่หลายที่ “อุเอโนะโทโชกู” ที่สร้างขึ้นปี 1651 เป็นสถาปัตยกรรมที่สะท้อนถึงความเป็นเอโดะได้เป็นอย่างดี จนได้รับการยกย่องให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมของประเทศ ฉะเด็น (ที่ประทับของเทพเจ้า) และคาระมง (ซุ้มประตู) ส่องประกายสีทอง พร้อมกับโคมไฟหินที่เรียงรายกันถึง 200 โคม เพียงแค่นี้ก็ควรค่าแก่การเข้ามาชมแล้ว “คันเอจิคิโยมิสุคันนนโด” “หรือศาลเจ้าแม่กวนอิมแห่งวัดคันเอจิ (มรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญ)” ที่สร้างขึ้นในปี 1631 ก็เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่จะมองผ่านเลยไปไม่ได้ จากที่แห่งนี้คุณจะสามารถชม “สึกิโนะมัตสึ (บูรณะในปี 2012)” พร้อมวิวทิวทัศน์อีกฟากฝั่งได้ สึกิโนะมัตสึแห่งนี้ อุตากาวะ ฮิโรชิเกะ (ศิลปินวาดภาพอุกิโยเอะในสมัยเอโดะ) ได้วาดลงในภาพ “เมโฉะเอโดะเฮียกเค (ภาพทิวทัศน์งามอันเลื่องชื่อในเอโดะ)” ด้วย นอกจากนี้ยังมีสถานที่เก็บรักษาศิลปะในยุคเปลี่ยนแปลงเข้าสู่สมัยใหม่อยู่อีกมาก อย่าง “National Museum of Nature and Science (สร้างขึ้นในปี 1877) ” พิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น หรือ พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งแรกของญี่ปุ่น “Tokyo Metropolitan Art Museum (สร้างขึ้นในปี 1926)” อาคารหลักของ “National Museum of Western Art” ที่สร้างในปี 1959 เป็นสถาปัตยกรรมที่สำคัญหนึ่งเดียว ที่สถาปนิกนาม Le Corbusier ได้สรรสร้างเอาไว้ให้ญี่ปุ่น และยังได้รับการจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลกอีกด้วย
นอกจากนี้ ธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ยังเป็นจุดเด่นของสวนอุเอโนะแห่งนี้อีกด้วย ภายในสวนแต่ละพื้นที่จะมีต้นซากุระเรียงราย ในฤดูใบไม้ผลิมีผู้คนจำนวนมาก นิยมมาปิคนิคที่ใต้ต้นซากุระพร้อมดื่มด่ำกับความงามของมัน เทศกาลดอกโบตั๋นที่จัดขึ้นในฤดูใบไม้ผลิและฤดูหนาว ณ “สวนโบตั๋นอุเอโนะโทโชกู” ที่สร้างขึ้นในปี 1980 เพื่อเป็นที่ระลึกในความสัมพันธ์อันดีระหว่างญี่ปุ่น - จีนก็เป็นที่นิยม บริเวณสระน้ำ “ชิโนฮาสุโนะอิเคะ” ที่สามารถเพลินเพลินไปกับการพายเรือก็น่าเยี่ยมชม หากใครที่รักสัตว์ ก็เห็นจะพลาดไม่ได้กับ “สวนสัตว์อุเอโนะ” สวนสัตว์แห่งแรกของญี่ปุ่นที่สร้างขึ้นในปี 1882 นอกจากเจ้าแพนด้ายักษ์ที่เป็นไอดอลของสวนแล้ว ยังมีสัตว์ถึง 400 ชนิดทั้งในและต่างประเทศให้ท่านได้ชมอีกด้วย (ภายในบริเวณยังเป็นที่ตั้งของ “คิวคันเอจิโกจูโนะโต (เจดีย์ห้าชั้นวัดคันเอจิ)” ที่สร้างขึ้นใหม่ในปี 1639 อีกด้วย)
นอกจากนี้ที่สวนอุเอโนะยังมีร้านอาหารเก่าแก่ที่ดำเนินกิจการมาตั้งแต่สมัยเมจิอยู่หลายร้าน และหนึ่งในนั้นก็คือร้านอาหารฝรั่งเศส “อุเอโนะเซโยเค็น” ที่เปิดกิจการมาตั้งแต่ปี 1876 ภายในร้าน คุณสามารถลิ้มลองรสชาติอาหารชั้นสูงอันเก่าแก่ และเพลินเพลินไปกับบรรยากาศร้านที่ยังคงบรรยากาศสมัยนั้นไว้เป็นอย่างดี ซึ่งเซโยเค็นนี้ในสมัยเมจิได้ถูกใช้เป็นสถานที่พบปะของผู้คนอีกด้วย

ย่านอาเมะโยโกะ

ย่านอาเมะโยโกะ

อาเมยะโยโกะโจว (ชื่อย่อ : อาเมะโยโกะ) ย่านการค้าที่เชื่อมระหว่างสถานีรถไฟ JR อุเอโนะและ JR โอคาจิมาจิไว้ โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่บริเวณใต้สะพานและทางตะวันตกของสะพานโคขะเคียว และ ที่อาเมะโยโกะแห่งนี้มีร้านรวงมากมายไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องใช้วัตถุดิบนำเข้า ของแห้ง หรือของทะเลสด ยิ่งช่วงปลายปีและต้นปีด้วยแล้ว มีคนจำนวนมากมาแห่ซื้อวัตถุดิบสำหรับงานปีใหม่กันอย่างคึกคัก ซึ่งบรรยากาศดังกล่าวเรียกได้ว่าเป็นบรรยากาศที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตในช่วงปีใหม่ของญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี นอกจากร้านค้าแล้วยังมีร้านอาหารตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นร้านไคเซ็นด้ง (ข้าวหน้าของทะเลดิบ) หรือจะเป็นร้านดื่ม แบบที่ทุกคนต้องยืนดื่มกัน แม้จะเป็นช่วงกลางวันก็มีแขกเข้าร้านจำนวนมาก ร้านอาหารไต้หวัน “ชินโตโย” ที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1955 ก็เป็นร้านดังในย่าน มีทั้งอาหารไต้หวันแบบดั้งเดิม หรือสูตรออริจินอลของร้านที่ปรับเปลี่ยนให้เป็นรสชาติแบบญี่ปุ่นให้ได้ลิ้มลองกัน “โรเม็ง (ราดหน้าที่ใส่ทั้งหมูและผักอย่างเต็มที่)” อาหารชนิดเส้นที่ปรับสูตรให้เข้ากับรสชาติแบบญี่ปุ่น ก็เป็นเมนูดังประจำร้านที่อยู่คู่กันมาตั้งแต่เปิดกิจการ “ซันโทโมะ” ร้านอาหารปลาปักเป้า ร้านเก่าแก่ ที่ตั้งยู่บริเวณสถานีอุเอโนะ ก็เสิร์ฟปลาปักเป้ามาจากแหล่งชิโมโนะเซกิมาให้ชิมกันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเมนู “เทสสะ (แร่ปลาปักเป้าแล้วจัดเรียงให้สวยงาม)” “ฟุกุนาเบะ (หม้อไฟปักเป้า)” “ฮิเระชู (เหล้าญี่ปุ่นที่หมักครีบปลาปักเป้ารมควัน)”

บริเวณสถานีอุเอโนะฮิโระโคจิและอุเอโนะโอคาจิมาจิ

บริเวณสถานีอุเอโนะฮิโระโคจิและอุเอโนะโอคาจิมาจิ

“มัตสึซากะยะ สาขาอุเอโนะ” ที่หน้าสถานทีเปิดทำการมามากกว่า 100 ปีแล้ว และมัตสึซากะก็เป็นห้างสรรพสินค้าเก่าแก่ที่ดำเนินกิจการมามากกว่า 400 ปี บริเวณชั้นศูนย์อาหารและชั้นใต้ดินที่วางขายอาหารนั้น มีร้านดังของญี่ปุ่นมากมาย จะรับประทานอาหารที่นั่นหรือจะซื้อกลับไปเป็นของฝากก็เลิศ ที่โรงแสดง “สุสุโมโต้เอ็นเกโจว (1857~)” ระหว่างทางไปสระน้ำชิโนะฮาสุโนะอิเคะ คุณสามารถรับชมการแสดงศิลปะแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นไม่ว่าจะเป็น “ราคุโกะ (ศิลปะการเล่าเรื่องแบบญี่ปุ่น)” “มังไซ (ตลก)” “คามิคิริ (ศิลปะการตัดกระดาษ)” ทุกวันอาทิตย์ในช่วง “โซโจโยเสะ” คุณจะสามารถรับฟังราคุโกะจาก “ฟุทัตสึเมะ (นักราคุโกะระดับ 2 รองจาก “ชินอุจิ” ระดับหนึ่ง)” ในราคา 500 เยนเท่านั้น นอกจากนี้เนื่องจากบริเวณรอบสถานีมีสำนักงานมากมาย จึงเต็มไปด้วยร้านอาหารด้วยเช่นกัน “อุนากิคับโป อิสุเอ ฮงเต็น” ร้านปลาไหลญี่ปุ่น ร้านเก่าร้านแก่ที่เปิดกิจการมา 210 ปี ที่นี่ท่านสามารถลิ้มรสชาติปลาไหลญี่ปุ่นย่างโชยุแบบคาบาซากิ (หรือแบบชิรายากิ ที่ไม่ใส่เครื่องปรุงใดๆ) ที่ย่างโดยเทคนิคลับเฉพาะของพ่อครัว โดยมีให้เลือกแบบฟูลคอร์ส หรือแบบอุนะจู (ข้าวหน้าปลาไหลแบบใส่กล่องคล้ายๆ กล่องเบ็นโตะ) (ในวันเสาร์ อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ สามารถจองห้องส่วนตัวได้)

ย่านยานากะ

ย่านยานากะ

ยานากะ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของสวนอุเอโนะ เป็นย่านหนึ่งที่คุณสามารถดื่มด่ำไปกับบรรยากาศเก่าๆ แบบเมืองชิตะมาจิ ซึ่งในโตเกียวถือว่าย่านแบบนี้หลงเหลืออยู่น้อยมาก ในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ย่านยานากะนี้ ได้รับความเสียหายจากการโจมตีทางอากาศค่อนข้างน้อย ดังนั้น นอกจากจะยังหลงเหลือสภาพบ้านเมืองช่วงก่อนสงครามไว้มากมาย วัด ศาลเจ้าหรือสถานที่ที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่ในอดีตก็ยังมีให้เห็นอยู่มาก “ย่านการค้ายานากะกินซ่า” ถนนสายหลักของย่านนี้ มีร้านค้ามากมายถึง 60 ร้านด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นร้านขายกับข้าว ร้านกาแฟ หรือร้านขายของกระจุกกระจิก คุณสามารถเดินกินมันฝรั่งบดทอด หรือขนมนินเกียวยากิที่ทำเป็นรูปแมวกวักได้อย่างสบายๆ ชิวๆ ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของย่านนี้เลยทีเดียว ไม่ไกลจากย่านการค้า ที่“ยานากะเรเอ็ง”ยังเป็นที่หลับไหลของ โทคุกาวะ โยชิโนบุ โชกุนคนสุดท้ายของรัฐบาลบะคุฟุในสมัยเอโดะ และเหล่านักวิชาการ นักประพันธ์ชื่อดังทั้งหลาย เนื่องจากมีพื้นที่กว้างขวางถึง 100,000 ตารางเมตรแถมยังมีบรรยากาศสดใส และเงียบสงบ น่าเดินเล่น โดยเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ผลิด้วยแล้ว ต้นซากุระในพื้นที่จะพร้อมใจกันบานสะพรั่ง กลายเป็นอุโมงค์ซากุระที่สวยงามอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีผู้คนจำนวนมากที่มาเยือนย่านยานากะแห่งนี้เพื่อเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศเก่าๆ ของเขต “โรจิอุระ (ชื่อเรียกถนนที่แตกออกมาจากหลัก)” หรือบางคนก็มาเพื่อเล่นกับเจ้าแมวที่เดินอยู่แถวนั้น

ท่องเที่ยว

สถานที่ยอดนิยม

เลือกสถานที่