อะซะกุซะ

อะซะกุซะ

อะซะกุซะของภาพรวมและประวัติศาสตร์

อะซะกุซะของภาพรวมและประวัติศาสตร์

อาซากุสะ เขตไดโตคุ เมืองที่ยังคงหลงเหลือร่องรอยวัฒนธรรมแบบชิตามาจิย่านการค้าสมัยก่อน สู่การเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคใหม่ จนถึงปัจจุบัน
เมื่อเล่าถึงอาซากุสะ สิ่งที่คงอดพูดถึงไม่ได้เลยก็คือ “วัดอาซากุสะ” วัดที่มีคนมาเยือนถึง 30 ล้านคนต่อปี ประวัติศาสตร์อันยาวนานของวัดอาซากุสะแห่งนี้เกิดขึ้นในปี 628 เมื่อพี่น้องชาวประมงนามฮิโนคุมะ ฮามานาริและทาเคนาริเจอรูปปั้นไม้ในแห แล้วนำไปให้ฮาจิโนะ อาไตนากะ นักวัฒนธรรมของหมู่บ้านดู หลังจากที่ฮาจิโนะ อาไตนากะได้สืบทราบแน่ใจแล้วว่า รูปปั้นไม้ดังกล่าวคือรูปปั้นของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ หรือเจ้าแม่กวนอิมก็ได้นำไปไว้ที่วัดเพื่อประกอบพิธีกรรม (วัดอาซากุสะได้ถือกำเนิดขึ้นด้วยเหตุนี้) หลังจากนั้นในปี 645 นักบวชนาม โชไคโชนิน ได้จัดสร้างศาลเจ้าแม่กวนอิมหรือที่เรียกกันว่าคันนนโดวขึ้น พื้นที่ที่เคยเป็นหมู่บ้านชาวประมงบริเวณเลียบอ่าวโตเกียว จึงแปรเปลี่ยนเป็นย่านที่ก็คึกคักในเวลาต่อมา
แม้ว่าโรงภาพยนตร์และโรงมโหรีที่เคยสร้างความคึกคักให้กับย่านจะปิดตัวลง ทำให้พื้นที่เงียบเหงาลงก็ตาม แต่ย่านการค้าตามแบบเมืองชิตามาจิ ร้านอาหารที่เก่าแก่ ย่านการค้านาคามิเสะ หรือวัดอาซากุสะเองก็เป็นเสน่ห์ตามแบบฉบับของย่านอาซากุสะแห่งนี้ นอกจากนี้ไม่ไกลจากอาซากุสะนัก เมื่อ “สกายทรี” สร้างแล้วเสร็จ ผู้คนก็หลั่งไหลเข้ามายังบริเวณเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว จนปัจจุบันอาซากุสะได้กลายเป็นตัวแทนของสถานที่ท่องเที่ยวของโตเกียวและของญี่ปุ่นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ดูเพิ่มเติม

อะซะกุซะของข้อมูลพื้นที่

บริเวณรอบคามินาริมง

บริเวณรอบคามินาริมง

สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่เป็นดังตัวแทนของย่านอาซากุสะก็คือ “คามินาริมง (ชื่ออย่างเป็นทางการ : ฟูไรจินมง) แห่งวัดอาซากุสะนั่นเอง” โคมไฟขนาดใหญ่สัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่สูงถึง 3.9 เมตร และหนักถึง 700 กิโลกรัม ด้านซ้ายและขวาคือที่ประทับของรูปปั้นเทพเจ้าลมและสายฟ้าที่แสดงอารมณ์ขึงขังน่ากลัวราวกับมีชีวิต
ทั้งนี้แม้คามินาริมง จะถูกสร้างขึ้นในปี 942 มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน แต่ก็ถูกเผาทำลายไปหลายครั้งในอดีต คามินาริมงในปัจจุบันนั้น ถูกสร้างใหม่ขึ้นมาในปี 1960 ไม่ไกลจากคามินาริมง มีสถานที่ฮอตฮิตอยู่แห่งหนึ่ง คือ “คามิยะบาร์ (สมมุติทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่น, เริ่มเปิดกิจการตั้งแต่ปี 1880)” บาร์แห่งแรกของญี่ปุ่น ภายในร้านที่มีลักษณะเหมือนโรงอาหารนั้นได้บรรยากาศของเมืองแบบคิตามาจิเต็มๆ มีโอกาสไม่น้อย ที่จะได้นั่งร่วมโต๊ะคุยสังสรรค์กับคนอื่น ส่วนของดังของที่นี่ก็คือ “เด็นขิ บลัน” ค็อกเทลที่มีเบสเป็นเหล้าบรั่นดี ระหว่างทางมาร้านคามิยะบาร์และคามินาริมงดียังมีโรงแรม “อาซากุสะทวินโฮเทล” ตั้งตระหง่านอยู่ด้วย ที่นี่เป็นโรงแรมที่สะดวกสบายเพราะอยู่ใกล้ทางออก 1 ของสถานีรถไฟใต้ดินอาซากุสะ สายกินซ่า นอกจากนี้ข้างๆ คามินาริมงยังมีร้าน “โทคิวะโด ยูกิโอโคชิฮงโปะ สาขาคามินาริมง” เป็นร้านขายขนม “ยูคิโอโคชิ” ขนมญี่ปุ่นประจำย่านอาซากุสะที่เกิดขึ้นในสมัยเอโดะ และหากเดินไปทางตะวันตกเพียง3นาทีจากคามินาริมงก็มี “เทมปุระ มารุชิน” ร้านเท็มปุระร้านดังตั้งอยู่ด้วย

บริเวณถนนนาคาโยเสะ ~ วัดอาซากุสะ ฮงโด

บริเวณถนนนาคาโยเสะ ~ วัดอาซากุสะ ฮงโด

“ย่านการค้าอาซากุสะนาคามิเสะ” ย่านการค้าที่ตั้งอยู่ในถนนโยมิเสะ ถนนที่มุ่งหน้าเข้าสู่วัดอาซากุสะจากคามินาริมง (ยาวประมาณ 250 เมตร) ที่นั่นมีร้านค้าที่วางขายของหลากชนิด ไม่ว่าจะเป็นงานฝีมือ ของกระจุกกระจิกที่ทำจากผ้าญี่ปุ่น ขนมญี่ปุ่น เป็นต้น เรียกได้ว่าเป็นแหล่งรวมความเป็นญี่ปุ่นไว้เลยล่ะ ภายในยังมีร้านขายภาพวาดอุคิโยเอะโดยเฉพาะอีกด้วย เป็นสถานที่ที่ทำให้บรรดาคนรักวัฒนธรรมญี่ปุ่นอิ่มเอมอย่างสุดๆ นอกจากนี้จุดเด่นของที่นี่คือยังมีร้านที่ทำขายกันอย่างสดๆ อยู่อีกด้วย เช่น เซมเบ้หรืออาเกะมันจู นินเกียวยากิ ที่ทำกันให้เห็นสดๆ และมีร้าน “อาซากุสะคิบิดันโกะ อาสึมะ” ร้านดังโกะที่คุณจะได้ลิ้มลองคิบิดันโกะที่มีมาตั้งแต่สมัยเอโดะอีกด้วย
เมื่อพ้นนาคาโยเสะไปแล้ว พอเดินผ่าน “โฮโซมง” ไปก็คือ “อาซากุสะเทระฮงโด (โบสถ์วัดอาซากุสะ)” โบสถ์แห่งนี้เป็นโบสถ์ที่สร้างขึ้นมาใหม่แทนหลังเดิมที่ถูกทำลายลงไปจากการโจมตีทางอากาศในโตเกียวเมื่อปี 1945 (สร้างแล้วเสร็จในปี 1958) ก่อนที่จะเข้าไปสักการะนั้น จะต้องล้างมือกลั้วปากให้สะอาดบริเวณบ่อน้ำที่อยู่ทางขวามือของตัวโบสถ์เสียก่อน และตามหลักแล้วจะต้องอาบควันธูปที่บริเวณกระถางธูปที่ตั้งอยู่ด้านหน้าโบสถ์เพื่อเป็นการชำระล้างร่างกายด้วย ภายในโบสถ์แบ่งออกเป็นส่วนนอกและส่วนใน ส่วนนอกนั้นเรียกว่า “เกะจิน” ติดทางเดิน ส่วนใน “ไนจิน” ปูด้วยเสื่อทาทามิ ท่านสามารถประนมมือไหว้สักการะ พระพุทธรูป อาทิ พระประทาน ท้าวเวสสุวรรณที่ประดิษฐานอยู่ด้านในได้ หรือเสี่ยงเซียมซีได้ที่บริเวณเกะจิน ท่านสามารถถอดรองเท้าเข้าไปชมด้านในได้ แต่สงวนสิทธิ์ห้ามถ่ายรูป

บริเวณรอบถนนชินนาคาโยเสะโดริ

ย่านการค้าที่ตั้งอยู่บนถนน “ชินนาคามิเสะโดริ” ที่แยกมาจากนาคาโยมิเสะแถบคามินาริมงนั้น คือย่านการค้าชินนาคามิเสะโชเต็นไก เป็นย่านการค้ามีหลังคา แม้ฝนจะตกก็ไม่หวั่นสามารถเดินเล่นได้อย่างสบายใจ ภายในมีร้านรวงที่ทั้งนักท่องเที่ยว หรือแม้แต่คนในพื้นที่ก็สนุกสนานได้เพราะมีร้านให้เดินเล่นกันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านดื่ม ร้านขนมญี่ปุ่น ร้านขนมแบบฝรั่ง หรือร้านขายของฝาก “อิมาฮัง ฮงเต็ง” ร้านสุกี้ยากี้แบบญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงมาก เปิดทำการมาตั้งแต่ปี 1895 นอกจากนี้ยังมีร้านเก่าแก่ที่เปิดมาตั้งแต่สมัยเอโดะ หรือสมัยเมจิอีกมากมาย ทั้งนี้ถนนที่แตกออกมาจากนาคามิเสะ ยังมีอยู่อีกหลายถนน ซึ่งแต่ละถนนก็เต็มไปด้วยร้านอาหารหรือเรียวคังทั้งสิ้น หนึ่งในนั้นก็คือ “เรียวคัง อาซากุสะ ชิสุกิ” โรงแรมแบบญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่ระหว่างคามินาริมงกับกับโฮโซมง ที่นี่มีบรรยากาศสบายๆ จากการจัดแต่งห้องแบบญี่ปุ่น

ถนนอาซากุสะขกไซโดริ และบริเวณโดยรอบ

“อาซากุสะขกไซโดริ” หรือ ชื่อเล่น “บีทสตรีท” ได้ชื่อมาจาก “อาซากุสะขกไซเกขิโจ” ที่มีมาตั้งแต่อดีตนั่นเอง บริเวณนี้มีทั้งโรงมโหรี ร้านค้า ร้านอาหาร หรือโรงแรมมากมาย “อาซากุสะ ROX” ตึกการค้าที่ตั้งอยู่ในรกขุ ซึ่งแต่ก่อนบริเวณนี้เป็นที่ตั้งของโรงภาพยนต์และโรงละครมาก่อน ชั้น 6 และ 7 ของตึกหลัก“ROX” นั้นมี “เค็งโคแลนด์ มัตสึริยุ” นอกจากจะมีออนเซ็นและซาวน่าให้บริการแล้ว ยังมีออนเซ็นแบบกลางแจ้งที่ท่านสามารถเพลินไปกับวิวของสกายทรีได้อีกด้วย (วันจันทร์~คืนวันเสาร์สามารถพักค้างคืนได้) ส่วนสถานที่พักขอแนะนำ “อาซากุสะวิวโฮเทล” โรงแรมสูงละฟ้าที่สามารถทอดสายตามองวิวสวยงามได้ ห้องพักตั้งแต่ชั้น 7~28 นั้นสามารถมองเห็นวิวอันงดงามของอุเอโนะชินจูกุ หรืออาซากุสะและสกายทรี(นอกจากนี้โรงแรมอยู่ติดกับสถานทีเอ็กเพลสอาซากุสะอีกด้วย) ภายในบริเวณมีร้านอาหารอยู่มากมาย แต่ก็มีร้านที่ให้บริการอาหารต้นตำหรับ อย่างเช่น “ยัตสึเมะอุนากิฮงโปะ” ที่ให้บริการเมนูจากปลาไหลยัตสึเมะอุนางิปลาที่จับได้จากธรรมชาติ ที่ว่ากันว่ามีฤทธิ์ทางยา แม้แต่สารานุกรมสมัยเอโดะยังแนะนำ เป็นร้านเฉพาะทางร้านเดียวในญี่ปุ่นเลยล่ะ

บริเวณสะพานอะสึมะบาฉิ

บริเวณสะพานอะสึมะบาฉิ

หากเดินจากหน้าคามินาริมงไปแม่น้ำสุมิดะ (สุมิดากาวะ) ก็จะพบกับสะพานสีแดงชื่อ “อะสึมะบาฉิ” จากสะพานแห่งนี้จะสามารถมองเห็นตึกอาคารที่มีดีไซน์เฉพาะตัว อย่าง “อาซาฮีบิลทาวเวอร์ (ได้แรงบันดาลมาจากแก้วเบียร์)” “ซูปเปอร์ไดรฮอล (ดาดฟ้าสร้างเป็นฟองเบียร์ทองคำ ออกแบบโดยPhilippe Starck)” หรือสกายทรี จึงมีผู้คนจำนวนมากแวะเวียนมาถ่ายรูป นอกจากนี้บริเวณอันใกล้ที่เป็นตั้งของที่ว่าการอำเภอสุมิดะนั้นยังมีรูปปั้นของ “คัตสึไคชู” คนใหญ่คนโตในสมัยเอโดะที่เกิดและเติบโตที่อำเภอสุมิดะ ที่นี่มีบรรดาคนรักประวัติศาสตร์แวะเวียนมาไม่น้อยเลยทีเดียว นอกจากนี้ใกล้ๆ กับสะพานอะสึมะบาฉิ (ฝั่งอาซากุสะเลียบแม่น้ำสุมิดะ) ยังเป็นที่ตั้งของ “โตเกียวโตะคังโคคิเซ็นหรือท่าเรือท่องเที่ยวแห่งโตเกียว (TOKYO CRUISE)” ที่ท่าเรือแห่งนี้ให้บริการเรือที่มุ่งหน้าไปยังฮามาริคิว หรือฮิโนะเดะซัมบาฉิ (เรือที่วิ่งให้บริการตามคลองและชายฝั่งอ่าวโตเกียว) เป็นต้น เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้หวนนึกถึงการเดินทางโดยใช้เรือเป็นหลักในสมัยเอโดะเลยทีเดียว

โคโตโทอิโดริและบริเวณโดยรอบ

โคโตโทอิโดริและบริเวณโดยรอบ

สะพานโคโตโตอิบาฉิ เชื่อมผ่านระหว่างถนนโคโตโตอิโดริและด้านหลังของวัดอาซากุสะไว้ด้วยกัน ที่สะพานแห่งนี้ มีเรื่องน่าเศร้าเกิดขึ้นเมื่อสมัยที่โตเกียวถูกโจมตีทางอากาศ คนจำนวนไม่น้อยพากันกรูไปยังอีกฝั่งเพราะเชื่อว่า “หากข้ามไปยังอีกฝั่งได้จะรอดแน่ๆ” สุดท้ายก็ไปอัดกันแน่นจนไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ และโดนไฟครอกเสียชีวิตในที่สุด แม้กระทั่งตอนนี้เองก็ยังคงหลงเหลือรอยไหม้ไว้ที่เสาหินของสะพานอยู่ แม้สะพานแห่งนี้จะเป็นสถานที่หวนให้ระลึกถึงถึงสงคราม แต่ในขณะเดียวกันอีกฟากฝั่งก็มี “โตเกียวสกายทรี” สถานที่ถ่ายภาพสุดฮิต ที่ทำให้ผู้คนที่มาเยือนสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของกาลเวลาและสันติภาพ สำหรับ“ร้านอมิวส์มิวเซียม” “ที่อยู่ไม่ไกลจากวัดอาซากุสะ” ที่นั่นมีจัดแสดงผ้าเก่าและของกระจุกกระจิดแบบญี่ปุ่นให้ได้ดูกัน และในนั้นยังเป็นที่เก็บ SPALDINGCOLLECTION ของพิพิธภันฑ์บอสตัน (คอลเลคชั่นภาพอุคิโยเอะที่เก็บรักษาไว้ไม่นำมาจัดแสดง) ผู้เข้าขมสามารถรับชมความงามผ่าน “อุคิโยเอะ เธียร์เตอร์” ซึ่งฉายภาพดิจิตอลคุณภาพคมชัดของอุคิโยเอะในคอลเลคชั่นที่เลือกสรรมาแล้วให้ชมกัน
และใกล้ๆ กันนั้นเอง มีร้าน “โอริทาโกะ” ร้านอาหารเก่าแก่ที่เชี่ยวชาญเรื่องไก่โดยเฉพาะ ที่วันนึงรับจองเพียงแค่ไม่กี่โต๊ะเท่านั้น และยังมี “อาซากุสะโฮเทล ว่ะกุสะ” โรงแรมสไตล์ญี่ปุ่นที่เดินทางสะดวกไม่ไกลจากสถานีอาซากุสะหรือสถานีสึคุบะอาซากุสะ เพียง 5 นาทีเท่านั้น
Kototoi Bridge

เอโดะโดริและบริเวณโดยรอบ

เมื่อเดินจากสี่แยกสะพานโคโตโตอิบาฉินิชิไปทางสะพานอาซากุสะบาฉิ เมื่อเดินไปอีกหน่อยก็จะพบกับ “เอโดะโดริ (ถนนเอโดะ)”และหากเดินจากสถานีอาซากุสะมุ่งหน้าไปทางคุรามาเอะก็จะพบกับ “พิพิธภัณฑ์เสะไคโนะคะบัง” ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้รวบรวมกระเป๋า คอลเลคชั่นสุดเก๋จากทั่วมุมโลกมาจัดแสดงเอาให้ได้ชมกัน และใกล้ๆ ก็ยังมีร้าน “โคมากาตะ โดเสะ ฮงเต็ง” เป็นร้านเก่าแก่ที่เปิดมาตั้งแต่สมัยเอโดะ ที่นี่นอกจากท่านจะได้ลิ้มรส “โดเสะนาเบะ (หม้อไฟปลา “โดโชว” ปลาน้ำจืดขนาดเล็ก)” ซึ่งหม้อไฟนี้เป็นที่รักของชาวเมืองมาตั้งแต่สมัยเอโดะ แล้ว ยังมีอาหารที่ทำจากปลาโดโชและปลาวาฬอีกด้วย นอกจากนี้หากเดินไปอีกหน่อยก็จะมี “เอโดะโดริ ทนยะไก” (จากสี่แยกไฟแดงคุรามาเอะ อิจโจเมะไปจนถึงสถานีอาซากุสะบาฉิ) ที่มีของหลากหลายให้ชมให้เลือกซื้อกัน ทั้งตุ๊กตาญี่ปุ่น อุปกรณ์เครื่องมือสำหรับทำงานฝีมือ เป็นต้น

Latest Spot Info

  • Coupons
  • Events
  • Appealing
  • Menu
  • Rooms

อาหารการกิน

สถานที่ยอดนิยม

เลือกสถานที่

ที่พัก

เลือกสถานที่

บทความที่เลือก

  • อะซะกุซะ กีฬาทางทะเล สารพัดเรื่องการท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น