ที่บริเวณรอบ ๆ เมืองนาริตะในจังหวัดชิบะ มีสถานที่ที่มีทิวทัศน์แบบเมืองในชนบทที่เก่าแก่และมีเสน่ห์สวยงาม ไม่ว่าจะเป็น “ถนนโอโมเตะซันโดของวัดนาริตะซันชินโชจิ” ที่มีชื่อเสียงในฐานะเมืองย่านวัดเก่า หรือจะเป็น “โบโซโนะมูระ” พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่จำลองย่านประวัติศาสตร์ออกมาให้ไปเยี่ยมชมกัน

นอกจากนี้ยังมีแหล่งชอปปิ้งขนาดใหญ่หลายแห่ง เช่น ศูนย์การค้าอิออนมอลล์ นาริตะ และชิซุย พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต ที่คุณสามารถเพลิดเพลินกับการเที่ยวชม ชอปปิ้ง และลิ้มรสอาหารจานอร่อยได้ในคราวเดียว
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมืองนาริตะแห่งนี้ สามารถเดินทางมาได้อย่างสะดวกจากทั้งสนามบินนาริตะและโตเกียว

ดังนั้นหากคุณต้องการหาสถานที่ท่องเที่ยวสักครึ่งวันก่อนออกจากญี่ปุ่น หรือถ้าคุณมีเวลาเหลือก่อนหรือหลังเที่ยวบิน คุณก็สามารถมาใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่ากันที่เมืองนี้เลย!

การเดินทางในเมืองนาริตะใช้รถไฟที่ให้บริการโดยรถไฟสาย JR และรถไฟสาย Keisei Electric Railway เป็นหลัก สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่สามารถเข้าถึงได้โดยรถไฟ การเดินเท้า หรือรถบัสประจำทาง แม้ว่าจะมาจากในโตเกียว คุณก็สามารถเดินทางได้อย่างอิสระและสะดวกสบายโดยใช้รถไฟสาย JR หรือ สาย Keisei Electric Railway ได้เช่นกัน

สำหรับการเดินทางจากสนามบินนาริตะเข้าสู่โตเกียวนั้น แนะนำให้ใช้รถไฟและรถบัส มีสถานีรถไฟสาย JR และสาย Keisei Electric Railway ที่ให้บริการที่สนามบินนาริตะ ก็คือ "สถานีสนามบินนาริตะ (สำหรับอาคารผู้โดยสาร 1)" หรือ "สถานีอาคารสนามบินอาคาร 2 (สำหรับอาคารผู้โดยสาร 2 กับอาคารผู้โดยสาร 3) สามารถนั่งรถไฟนี้เข้าสู่พื้นที่ใจกลางกรุงโตเกียว เช่น โตเกียว อุเอโนะ อาซากุสะ และชินจูกุได้อย่างรวดเร็ว สำหรับในกรณีที่ต้องการไปเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวบริเวณใกล้เคียงสนามบินนาริตะ ก็มีที่ท่องเที่ยวมากมายหลายแห่งที่สามารถไปถึงได้ในเวลาประมาณ 10 ถึง 30 นาทีด้วยรถไฟสองสายนี้ ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับการแวะก่อนที่จะไปหรือหลังออกมาจากสนามบินดีทีเดียวเชียวล่ะ

ข้อดีของลีมูซีนบัสคือไม่ต้องต่อรถ ไม่ต้องแบกสัมภาระให้รุงรัง และราคาค่าโดยสารก็สมเหตุสมผล ดังนั้นจึงสะดวกสบายง่ายต่อการเดินทาง

นอกจากนี้คุณยังสามารถเช่ารถจากโตเกียวหรือสนามบินและขับไปเที่ยวรอบ ๆ เมืองนาริตะได้ ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ขอแนะนำเลยสำหรับผู้ที่มาเป็นครอบครัวและมีสัมภาระจำนวนมาก

ทีนี้เรามาดูสถานที่ท่องเที่ยวแนะนำสำหรับแต่ละประเภทกันดีกว่า

ที่ห้างอิออนมอลล์ นาริตะ มีร้านค้าที่เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่น มูจิ วิลเลจแวนการ์ด 3COINS+ plus และ Daiso รวมถึง พื้นที่ส่วนอิออนสไตล์ นาริตะ ซึ่งมีเสื้อผ้าและอาหารขาย นอกจากนี้ยังมีร้านอาหาร ศูนย์อาหาร เครนเกม และเครื่องเล่นกาชาปองให้คุณไขเล่นได้ด้วย เรียกได้ว่าเป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่รวมสิ่งอำนวยความสะดวกและความบันเทิงไว้อย่างครบครัน และยังมีร้านค้าปลอดภาษี บริการแลกเปลี่ยนเงินตรา ฟรี Wi-Fi และบริการอื่น ๆ ที่จำเป็น ทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในจุดที่นักท่องเที่ยวต่างชาติห้ามพลาดเลย

สำหรับการเดินทางไป ห้างอยู่ห่างจากสนามบินนาริตะประมาณ 12 นาที และประมาณ 75 นาทีจากสถานีโตเกียว ให้นั่งรถไฟ Keisei Electric Railway ไปที่สถานี Keisei Narita หรือรถไฟ JR ไปสถานี JR Narita มีรถบัสสายตรงวิ่งทุก 15 นาทีจากป้ายรถเมล์หมายเลข 6 หน้าสถานีนาริตะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาที และที่สะดวกที่สุดคือมีรถบัสสายตรงที่เชื่อมต่ออิออนมอลล์ นาริตะและสนามบินนาริตะโดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที นอกจากนี้ยังมีรถบัสที่วิ่งในโรงแรมรอบสนามบินและรอบเมืองนาริตะ และไปหยุดที่อิออนมอลล์ นาริตะ อีกด้วย
ที่ห้างมีร้านค้าประมาณ 170 ร้าน ดังนั้นคุณสามารถเลือกซื้อสินค้าได้หลากหลายประเภท ถ้าจะชอปปิ้งก่อนกลับญี่ปุ่นกันล่ะก็ ขอแนะนำที่นี่เลยนะ!

ดองกิโฮเต้ เป็นร้านค้าเชนสโตร์ที่ไม่ควรพลาดในญี่ปุ่น มีครบครันทุกอย่างตั้งแต่เครื่องสำอาง ขนม บะหมี่ และของชำอื่น ๆ ไปจนถึงอุปกรณ์ไฟฟ้าเครื่องใช้ในบ้านและนาฬิกา สินค้าในร้านมีราคาสมเหตุสมผลและปลอดภาษี ร้านเปิดให้บริการจนถึง 03:00 น. ด้วยเหตุนี้จึงเป็นร้านที่เหมาะสำหรับการชอปปิ้งหากคุณบินมาถึงสนามบินนาริตะในตอนดึก ๆ เป็นอย่างยิ่ง

สถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุดคือรถไฟสาย Keisei Electric Railway สถานี Keisei Narita และ รถไฟสาย JR สถานี JR Narita
ใช้เวลาเดินเพียง 5 นาทีจากห้างอิออนมอลล์ นาริตะ จะแวะมาหลังจากชอปปิ้งที่ห้างอิออนมอลล์ นาริตะเสร็จแล้วก็เข้าเท่าดีเหมือนกัน
นอกจากนี้ยังใกล้กับสวนสาธารณะนาริตะซันและวัดนาริตะซันชินโชจิ ซึ่งจากที่นี่สามารถเดินไปถึงทั้งสองแห่งได้ภายใน 10-15 นาที

ชิซุย พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต เป็นเอาท์เล็ตที่ใกล้ที่สุดจากสนามบินนาริตะ และมีแบรนด์กีฬายอดนิยมวางจำหน่าย เช่น adidas NIKE และ COACH และสินค้าเอาท์เล็ตของแบรนด์ญี่ปุ่นอื่น ๆ ที่เป็นที่นิยมในหมู่หนุ่มสาว เช่น MOUSSY Earth music & ecology ก็มีจำหน่ายเช่นกัน รวมไปถึงร้านค้าที่เหล่าคุณหนู ๆ จะต้องชื่นชอบอีกมากมาย เช่น Lego® Store และ Sanrio OUTLET ที่นี่เป็นห้างที่คนทุกเพศทุกวัยสามารถมาใช้เวลากันได้อย่างเพลิดเพลิน และเพราะอยู่ใกล้สนามบินนาริตะจึงทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมากมาใช้จับจ่ายใช้สอยกันที่ห้างนี้ นอกจากนี้ยังมีบริการมากมายสำหรับนักท่องเที่ยว เช่น การยกเว้นภาษี ล็อกเกอร์ ฟรี Wi-Fi บริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และการให้บริการที่รองรับภาษาต่างประเทศ

จากชิซุย พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต คุณสามารถไปสนามบินได้ในเวลาประมาณ 15 นาทีโดยรถบัสด่วนพิเศษ สำหรับการเดินทางมาจากโตเกียวให้ขึ้นรถบัสจากสถานีขนส่ง โตเกียว ยาเอสุ (Tokyo Yaesu) ใกล้สถานีโตเกียว ที่จุดขึ้นรถหมายเลข 14 ใช้เวลาประมาณ 50 นาที โดยรถบัสด่วนพิเศษ คันเขียนว่าที่ “มุ่งสู่โชชิ” (Choshi) หรือคุณจะขึ้นรถไฟไปยังสถานี JR Shisui และเปลี่ยนไปขึ้นรถบัสท้องถิ่นโดยใช้เวลาประมาณ 80 นาทีในการเดินทางก็ได้เช่นกัน

ที่ถนนย่านการค้าโอโมเตะซันโดของวัดนาริตะซันชินโชจิ มีร้านขายของที่ระลึกและร้านอาหารมากมาย เช่น ข้าวหน้าปลาไหลในกล่อง (อูนาจู) ของร้าน “คาวะโทโยะ” และ ขนมปังปลาไหลอูนางิ ร้าน “ปังฉะยะ” เป็นต้น หรือหากคุณต้องการซื้อของที่ระลึก เราขอแนะนำที่ “โจเมอิซุมิ” ซึ่งเป็นโรงกลั่นสาเกแห่งเดียวในนาริตะซัน หรือจะเป็นร้าน “ซาบงซามะ” ซึ่งเป็นร้านขายสบู่ที่นอกจากจะใช้ทำความสะอาดได้แล้วยังมีรูปลักษณ์สวยงามอีกด้วย
สถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุดคือรถไฟสถานี JR Narita และ รถไฟ Keisei Electric Railway สถานี Keisei Narita ซึ่งใช้เวลาประมาณ 12 นาทีจากสนามบินนาริตะ และประมาณ 1 ชั่วโมงจากโตเกียว หลังออกจากสถานี หากคุณเดินประมาณ 8 ถึง 15 นาที ร้านค้าต่าง ๆ จะเริ่มตั้งเรียงรายตลอดทาง ทิวทัศน์ของเมืองมีบรรยากาศแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสทิวทัศน์เมืองเก่าของญี่ปุ่นเป็นที่สุด

วัดนาริตะซันชินโชจิ ประดิษฐานองค์ฟุโดเมียวโอ ที่มีพระพักตร์ที่อยู่ในอารมณ์โกรธเกรี้ยวและเป็นผู้ช่วยเหลือมนุษย์ทุกหมู่เหล่า นอกจากนี้ยังมีสิ่งปลูกสร้างทางประวัติศาสตร์ เช่น เฮวะไดโต (มหาเจดีย์สันติภาพ) สูง 58 เมตร และเจดีย์ 3 ชั้นสูง 25 เมตร พร้อมงานแกะสลักที่สวยงาม ถือเป็นหนึ่งในวัดชั้นนำที่มีชื่อเสียงในญี่ปุ่น

การเดินทาง จากสนามบินนาริตะใช้เวลาประมาณ 12 นาทีโดยรถไฟ จากสถานีโตเกียวไปยังสถานี Keisei Narita ของรถไฟ Keisei Electric Railway หรือไปยังสถานี JR Narita ของรถไฟ JR จะใช้เวลาประมาณ 75 นาที และหากคุณยังมีเวลาเหลือก่อนกลับญี่ปุ่น เราขอแนะนำให้คุณไปชอปปิ้งที่ห้างอิออนมอลล์ หรือท่องเที่ยวโดยโปรแกรมทัวร์ครึ่งวันต่อก็จะเป็นตารางที่ดูดีเลยล่ะ

“สวนสาธารณะนาริตะซัน” เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่ 165,000 ตารางเมตร ซึ่งใหญ่กว่าโตเกียวโดมประมาณ 3.5 เท่า ตั้งอยู่ด้านหลังห้องโถงหลักของวัดนาริตะซันชินโชจิ เทศกาลที่มีชื่อเสียงเป็นพิเศษของที่นี่คือ "เทศกาลดอกบ๊วยนาริตะ" ในเดือนมีนาคม และ "เทศกาลใบไม้เปลี่ยนสี" ในกลางเดือนพฤศจิกายน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลใบไม้เปลี่ยนสี พิธีชงชาจะจัดขึ้นที่ “อาคามัตสึอัน” โดยทุกคนสามารถเข้าร่วมได้ฟรี

ใช้เวลาเดินประมาณ 15 ถึง 17 นาทีจากรถไฟ Keisei Electric Railway สถานี Keisei Narita หรือรถไฟ JR สถานี JR Narita
สามารถเดินเท้าไปยังถนนนาริตะซันโอโมเตะซันโดและวัดนาริตะซันชินโชจิได้

หากอากาศดี เราขอแนะนำให้ซื้อขนมกลับบ้านในโอโมเตะซันโดและไปปิกนิก

ที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์การบิน มีการจัดแสดงข้อมูลเกี่ยวกับการบินของญี่ปุ่น มีโมเดลและเครื่องบินที่เคยขึ้นบินจริงจำนวนมากถูกจัดแสดงอยู่ที่ลานสนามหญ้า นอกจากนี้หากคุณทำการจองล่วงหน้า คุณจะได้สัมผัสกับประสบการณ์จำลองขับเครื่องบินเจ็ตและทัวร์บนเครื่องบินอีกด้วยล่ะ

การเดินทางจากสนามบินนาริตะ ให้คุณขึ้นรถบัส JR East Kanto ที่เขียนว่ามุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟ JR Narita หากคุณอยู่ที่เทอร์มินอล 1 ให้ขึ้นรถบัสจากจุดขึ้นรถที่ 30 ที่ชั้น 1 หากคุณอยู่ที่เทอร์มินอล 2 ให้ขึ้นรถบัสจากจุดขึ้นรถที่ 28 C ที่ชั้น 1 แล้วคุณจะมาถึงพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์การบินในเวลาประมาณ 10 นาที

นอกจากนี้ยังมีรถบัสสายตรงจากโตเกียว โดยให้คุณขึ้นรถบัส JR คันโต หรือรถบัสขนส่งของชิบะ (Chiba Kotsu Bus) ที่ท่ารถบริเวณ ทางออกยาเอสุใต้ของสถานีโตเกียว (Tokyo Station Yaesu South Exit) คุณจะมาถึงพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์การบินในเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที

หากคุณต้องการเห็นเครื่องบินขึ้นและลงจอดอย่างใกล้ชิดแล้วล่ะก็ นอกจากที่ห้องนิทรรศการสังเกตการณ์บนชั้น 5 ของพิพิธภัณฑ์แล้ว "เนินฮิโคกิ โนะ โอกะ" ซึ่งใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาทีจากพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์การบิน ก็เป็นสถานที่ยอดนิยมเช่นกัน ที่นี่คุณสามารถสัมผัสเสียงเครื่องยนต์ของเครื่องบินที่กำลังขึ้นและลงจอด และขนาดอันมหึมาของเจ้านกเหล็กยักษ์ลำใหญ่ที่กำลังบินเข้าใกล้คุณได้!

นอกจากเนินฮิโคกิ โนะ โอกะแล้ว สวนซากุระโนะยามะในเมืองนาริตะซึ่งตั้งอยู่ติดกับสนามบินนาริตะ ยังเป็นจุดชมเครื่องบินที่มีชื่อเสียงอีกด้วย สวนสาธารณะบนเนินเขาที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของรันเวย์ยาว 4,000 เมตรของสนามบินนาริตะ ที่คุณสามารถสัมผัสประสบการณ์การบินขึ้นและลงของเครื่องบินได้อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูใบไม้ผลิ เมื่อดอกซากุระบานเต็มที่ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน การได้เห็นเครื่องบินแล่นผ่านดอกซากุระในระยะประชิดเป็นภาพที่สวยงามน่าประทับใจ จึงทำให้มีช่างภาพจำนวนมากมาเยี่ยมชมสวนแห่งนี้ทุกปี นอกจากนี้แม้ว่าจะไม่ใช่ช่วงหน้าซากุระบาน แต่ในสวนก็ยังมีต้นไม้ดอกไม้ใบหญ้าสีเขียวมากมาย ถือเป็นสถานที่ที่เหมาะจะพาเด็ก ๆ มาวิ่งเล่นสนุกกัน

การเดินทาง จากสนามบินนาริตะ อาคารผู้โดยสาร 2 ให้ใช้บริการรถบัสขนส่งของสนามบินนาริตะ "สายซากุระโนะยามะ・สายโซรามารุ" และลงที่ "ซากุระโนะยามะ" ซึ่งใช้เวลาประมาณ 20 นาที หรือขึ้นรถบัส JR ที่มุ่งหน้าไปยังพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์การบิน จากจุดขึ้นรถที่ 2 ที่ทางออกโอโมเตะซันโดของสถานี JR Narita (ทางออกทิศตะวันออก) และลงที่ป้ายรถบัส ซากุระโนะยามะ (Sakuranoyama) ใช้เวลาประมาณ 15 นาที

ในจังหวัดชิบะมีทะเลสาบชื่อว่า "อินบานูมะ" ซึ่งแบ่งออกเป็น "ทะเลสาบอินบานูมะเหนือ" และ "ทะเลสาบอินบานูมะตะวันตก" มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในฐานะจุดชมพระอาทิตย์ตกและชมดอกไม้ ส่วน "สวนซาคุระ ฟุรุซาโตะ ฮิโรบะ" ที่อยู่ใกล้กับทะเลสาบอินบานูมะตะวันตก ก็มีดอกไม้ตามฤดูกาลหลากหลายชนิด เช่น ดอกทิวลิปในฤดูใบไม้ผลิ ดอกทานตะวันในฤดูร้อน และดอกคอสมอสในฤดูใบไม้ร่วง เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับให้ครอบครัวพาเด็ก ๆ มาเที่ยวกัน รวมไปถึงเหมาะให้คนยุคใหม่ที่ชีวิตในแต่ละวันเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิงได้มาใช้เวลาพักผ่อน และผ่อนคลายไปกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของที่นี่

วิธีการเดินทางไปให้นั่งรถไฟ Keisei Electric Railway ไปที่สถานี Keisei Sakura แล้วเปลี่ยนไปขึ้นรถบัสประจำทาง "Sakura Community Bus" ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ในการเดินทาง ส่วนถ้ามาจากสนามบินนาริตะ จะใช้เวลาประมาณ 40 นาทีโดยรถเช่า

พิพิธภัณฑ์ที่ซึ่งงานศิลปะ สถาปัตยกรรม และธรรมชาติสอดประสานกันแห่งนี้ ส่วนใหญ่จะจัดแสดงผลงานที่เป็นศิลปะศตวรรษที่ 20 แต่ก็ยังมีผลงานของปรมาจารย์เช่น Monet และ Picasso จัดแสดงร่วมด้วย ในสวนกลางแจ้งที่มีสระน้ำและเหล่าดอกไม้ที่จะบานสะพรั่งตามฤดูกาล ณ ที่แห่งนี้ เราเชื่อเลยว่าคุณจะมีช่วงเวลาที่เงียบสงบและแสนสวยงาม การเข้าชมสวนสามารถเข้าได้ฟรี แต่ค่าเข้าชมแต่ละนิทรรศการในพิพิธภัณฑ์จะแตกต่างกันไปตามเนื้อหาของนิทรรศการ กรุณาตรวจสอบที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของพิพิธภัณฑ์

วิธีการเดินทางจากสนามบินนาริตะมีสองวิธีคือ ขึ้นรถไฟไปยังสถานี Keisei Sakura แล้วเปลี่ยนไปขึ้นรถชัทเทิลบัสฟรีที่ทางออกทิศใต้ของสถานี อีกวิธีคือนั่งรถไฟไปยังสถานี JR Sakura และใช้รถรับส่งฟรีที่ทางออกทิศใต้ของสถานี
นอกจากนี้ยังมีรถบัสด่วนสายตรงจากโตเกียว “มาย ทาวน์ ไดเร็ก บัส” (My Town Direct Bus) ที่ใช้เวลาประมาณ 60 นาทีในการเดินทาง โดยสามารถขึ้นรถได้ขึ้นที่ป้าย Keisei Bus จุดขึ้นรถที่ 3 ซึ่งใช้เวลาเดินเพียง 5 นาทีจากทางออกยาเอสุใต้ของสถานีโตเกียว (Tokyo Station Yaesu South Exit)

บ้านพักซามูไรซาคุระ (ซาคุระบุเกะยาชิกิ) คือบ้านพักเก่าของตระกูลคาวาระ ซึ่งเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่กำหนดโดยจังหวัดชิบะ
บ้านพักเก่าตระกูลทาจิมะเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่กำหนดโดยเมืองซาคุระ และบ้านพักเก่าตระกูลทาเคอิ ซึ่งทั้ง 3 หลังนี้นั้น ถือเป็นเป็นบ้านพักของซามูไรที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคคันโต คุณสามารถสัมผัสวิถีชีวิตในยุคสมัยนั้นผ่านการจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ของซามูไรที่สืบทอดมา ถ้าคุณเป็นคนที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นล่ะก็ห้ามพลาดเลยนะ นอกจากนี้แถวบริเวณบ้านยังมีทางเดินของป่าไผ่ที่เรียกว่า “เนินฮิโยโดริซากะ" ภาพของใบไม้ที่พลิ้วร่วงหล่นลงมาทำให้ได้บรรยากาศของฉากศิลปะการต่อสู้แบบยุคเก่า คุณจะรู้สึกเหมือนอยู่ในฉากละครประวัติศาสตร์เลยทีเดียว

วิธีการเดินทาง ใช้เวลาเดินประมาณ 15 นาทีจากสถานีรถไฟ JR Sakura และจากสนามบินนาริตะไปยังสถานีรถไฟ JR Sakura ใช้เวลาประมาณ 25-30 นาที จากสถานีโตเกียวโดยรถไฟ JR ใช้เวลาประมาณ 45-60 นาที

ที่นี่เป็นสวนสาธารณะที่อุดมไปด้วยพืชพรรณสีเขียวอยู่ในบริเวณของซากโบราณสถานปราสาทซาคุระ คุณสามารถเดินเล่นรอบๆ ซากโบราณสถานของปราสาทซาคุระ เช่น ซากหอคอยปราสาทและคูน้ำแห้ง (คูน้ำที่ไม่มีน้ำ) ได้ นอกจากนี้ภายในสวนยังมีต้นซากุระประมาณ 1,110 ต้น จาก 48 สายพันธุ์ (หากรวมพื้นที่ของพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติญี่ปุ่นด้วย) เป็นที่รู้จักในฐานะจุดชมซากุระที่มีชื่อเสียงในจังหวัดชิบะ

สวนสาธารณะซาคุระโจชินั้น สามารถเดินไปจากสถานีรถไฟ Keisei Sakura ได้โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที ระหว่างทาง หากเดินผ่านพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติญี่ปุ่นแห่งชาติจะระยะทางจะใกล้กว่า หากคุณเดินทางโดยใช้รถไฟ Keisei Limited Express จากสนามบินนาริตะจะใช้เวลาเพียง 22 นาทีถึงที่สถานี Keisei Sakura และใช้เวลาเดินทางประมาณ 60 นาทีจากสถานีโตเกียว

พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับสวนสาธารณะซาคุระโจชิ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่มุมหนึ่งของซากปราสาท
ซาคุระ ในระหว่างเที่ยวชมนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติสามารถฟังออดิโอไกด์ในภาษาต่างประเทศได้ โดยใช้สมาร์ทโฟนแอปพลิเคชันอย่างเป็นทางการของทางพิพิธภัณฑ์ เราอยากให้ผู้ที่ต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นได้มาที่นี่กันนะ
(โปรดตรวจสอบเว็บไซต์อย่างเป็นทางการสำหรับวิธีดาวน์โหลดและใช้งานแอปพลิเคชัน)

การเดินทาง ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีจากสนามบินนาริตะถึงสถานี Keisei Sakura โดยรถไฟสาย Keisei Electric Railway และเดินต่ออีกประมาณ 15 นาทีจากสถานี Keisei Sakura ก็จะถึงพิพิธภัณฑ์ นี่ถือเป็นโอกาสสุดท้ายที่คุณจะได้ทำความรู้จักกับประเทศญี่ปุ่นก่อนออกเดินทางกลับบ้าน หากคุณมีเวลาก่อนเครื่องจะออกขอเชิญให้มาแวะที่นี่กัน

เมื่อคุณมาถึงถนนโอโมเตะซันโดของวัดนาริตะซันชินโชจิ คุณจะรู้สึกอยากกินปลาไหลขึ้นมาอย่างแน่นอนเลยล่ะ! ร้านคาวะโทโยะ ก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 1910 เป็นหนึ่งในร้านปลาไหลที่มีชื่อเสียงที่สุด คุณสามารถเห็นพ่อครัวผู้เชี่ยวชาญกำลังย่างปลาไหลได้จากด้านนอกอาคารที่ทำด้วยไม้ พวกเขาจัดการปลาไหลสด ๆ เสียบเข้ากับไม้ไผ่และย่าง พร้อมราดด้วยซอสพิเศษสูตรลับที่สืบทอดกันมายาวนานตั้งแต่ก่อตั้งร้าน ซอสที่กลิ่นหอมกรุ่น รสนุ่ม จะดึงเอาความอร่อยอย่างแท้จริงของเนื้อปลาไหลออกมากระตุ้นความอยากอาหารของคุณ
ที่ร้าน “คาวะโทโยะ ฮนเทน” ไม่สามารถจองที่นั่งได้ แต่คุณสามารถรับตั๋วที่มีหมายเลขจากร้านและตรวจสอบหมายเลขลำดับการเรียกคิวได้ที่หน้าโฮมเพจเว็บไซต์ของร้าน แบบนี้นักท่องเที่ยวอย่างเราก็สามารถเข้าไปใช้บริการได้ง่าย ๆ เลยเนอะ

การเดินทาง ใช้เวลาเดินเพียง 12 นาทีจากทั้งสถานีรถไฟ JR Narita และสถานี Keisei Narita ของรถไฟสาย Keisei Electric Railway
เมนูที่ร้านมีทั้งภาษาญี่ปุ่น ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และมีภาพประกอบให้ด้วย

ถัดจากร้านคาวะโทโยะ คือร้านอาหารญี่ปุ่นคิคูยะ ซึ่งมีประวัติยาวนานกว่า 100 ปี นอกจากข้าวหน้าปลาไหลที่เป็นของขึ้นชื่อของนาริตะซันแล้ว ยังมีอาหารชุด เช่น ข้าวหน้าเทมปุระและกุ้งทอดอีกด้วย ที่นี่จึงเป็นร้านที่คนอยากกินปลาไหลและคนที่ไม่กินปลาไหลสามารถนั่งรับประทานอาหารร่วมกันได้ นอกจากนี้ยังเป็นร้านที่สะดวกสบายสำหรับเด็กและผู้ที่นั่งรถเข็น และเนื่องจากมีเมนูภาษาอังกฤษและพนักงานที่สื่อสารด้วยภาษาอังกฤษได้ จึงเป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวมากเลยล่ะ

ราคาอาหารในร้าน ข้าวหน้าปลาไหลในกล่องอูนาจู (1 ตัว) 3,900 เยน ข้าวหน้าปลาไหลในชามอูนางิด้ง (ครึ่งตัว) 2,600 เยน อูนางิด้งใช้ปลาไหลญี่ปุ่น (ครึ่งตัว) 3,100 เยน อูนางิด้งแบบ 2 ชั้นใช้ปลาไหลญี่ปุ่น (ในช่วงที่มีวัตถุดิบเท่านั้น ใช้ปลา 1 ตัวครึ่ง) 6,850 เยน เป็นต้น ข้าวหน้าเทมปุระและชุดอาหารอื่น ๆ นอกเหนือจากปลาไหล อยู่ที่ประมาณ 1,500 ถึง 2,500 เยน อาหารจะเสิร์ฟมาพร้อมกับซุปมิโซะและผักดอง

ฮัคโค โนะ ซาโตะ โคซากิ เป็นจุดพักรถที่อยู่ห่างจากสนามบินนาริตะไปทางเหนือประมาณ 20 นาที เป็นที่ที่มีร้านที่ขายผลิตภัณฑ์ที่ทำจากของหมักดองโดยเฉพาะ ซึ่งก็คือร้าน "ฮัคโค อิจิบะ" และไม่เพียงมีแค่ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของจังหวัดชิบะเท่านั้น แต่ยังมีเครื่องปรุงรสในท้องถิ่น เช่น มิโซะ และเครื่องปรุงที่เกิดจากการหมักแบคทีเรียธรรมชาติโคจิ รวมไปถึงขนมต่าง ๆ วางขายไว้อีกด้วย เหมาะจะนำไปเป็นของฝากมาก ๆ เลย
นอกจากนี้ยังมีร้านอาหาร ”เรสเตอร์รอง โอริเซะ" ที่ให้บริการอาหารรสเลิศโดยใช้โคจิเป็นส่วนประกอบในการปรุงรส อย่าง "ชุดหมูย่างมิโซะโคจิ" 1,080 เยน "ชุดปลาซาบะหมักชิโอะโคจิ" 980 เยน เป็นต้น ถ้ามาถึงแล้วก็มาเพลิดเพลินไปกับรสชาติอาหารญี่ปุ่นสไตล์สร้างสรรค์แบบฉบับเฉพาะตัวของที่นี่กันได้เลยนะ

ที่โบโซโนะ
มูระแห่งนี้ บ้านที่อยู่อาศัยของซามูไร ชาวนาและพ่อค้าในยุคเอโดะที่อยู่ภายในได้รับการสร้างขึ้นใหม่ทั้งหมด การเดินชมสถานที่แห่งนี้จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้อยู่ในสมัยเอโดะ เราขอแนะนำให้คุณลองสัมผัสประสบการณ์การคอสเพลย์ใส่ชุดเป็นนินจา ซามูไร สาวชาวเมือง ฯลฯ ณ “เรือนคอสเพลย์ โดรามุ โนะ ซาโตะ“ ทางเข้าโบโซโนะมูระ ที่นี่คุณสามารถเลือกเครื่องแต่งกายที่คุณชื่นชอบและแปลงโฉมกันได้เลย มีทั้งชุดของเด็กและผู้ใหญ่ จึงทำให้กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมยอดฮิตในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเยือน

นอกจากนี้ ที่โบโซโนะมูระคุณยังสามารถสัมผัสประสบการณ์ในการทำงานฝีมือต่าง ๆ ได้อีกด้วย เช่น การทำขนมนึ่งแบบดั้งเดิมอย่าง บารัปปะมันจู หรือการทำฟูโตมากิซูชิ การนวดเส้นโซบะ และทำงานฝีมือเปเปอร์มาเช่โดยใช้กระดาษญี่ปุ่น การเดินทางมาที่นี่สามารถมาโดยรถบัสประจำทาง โดยขึ้นที่สถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุดคือ สถานี JR Ajiki ใช้เวลาประมาณ 10 นาที

นาริตะยูเมะโบคุโจเป็นฟาร์มปศุสัตว์สำหรับนักท่องเที่ยวและเป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งผลิต ผลิตภัณฑ์จากนมวัว เช่น นมสดและโยเกิร์ต
ที่มีรสชาติอร่อยเข้มข้น และเมื่อไปถึงที่จังหวัดชิบะคุณก็จะได้เห็นไอศกรีมและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่เป็นของฟาร์มนี้บ่อย ๆ เลยล่ะ

เมื่อมาเยือนถึงที่นี่นอกจากจะต้องมาดื่มนมสดและกินไอศกรีมนมแล้ว ก็ยังมีพิซซ่าที่ใช้แป้งนวดเองและบาบีคิววัววากิวขนดำให้ได้ลิ้มรสกันอีกด้วยนะ

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมมากมาย ทั้งการยิงธนู การนั่งรถไฟโทร็อกโกะ การปาดาวกระจายชูริเคนและฝึกดาบที่โรงฝึกเคนโดโจ การรีดนม การทำเนย และการทำแยม ให้ได้เลือกสัมผัสกันด้วย และเนื่องจากฟาร์มนาริตะยูเมะโบคุโจเป็นสถานที่ยอดนิยมของครอบครัวชาวชิบะ จำนวนผู้ที่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ได้นั้นก็มีจำกัด ดังนั้นหากคุณสนใจกิจกรรมใด ให้รีบไปติดต่อสอบถามให้เร็วที่สุดด้วยนะจะได้ไม่พลาดไป
การเดินทางจากสถานีโตเกียวมาที่นี่ ให้ใช้บริการรถไฟขบวนด่วนสาย JR Sobu ไปยังสถานีนาริตะ และเปลี่ยนเป็นสาย JR Narita นั่งไปลงที่สถานี Namegawa โดยใช้เวลาประมาณ 100 นาที

เมื่อเดินเพียง 10 นาทีจากห้าง ชิซุย พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต คุณก็จะพบกับ ชิซุย ออนเซ็น ยูราคุ โนะ ซาโตะ
ที่นี่มีห้องอาบน้ำหลากหลายประเภทให้คุณได้ผ่อนคลาย เช่น ห้องอาบน้ำกลางแจ้งพร้อมน้ำพุร้อนธรรมชาติ ห้องอาบน้ำในร่มแบบต่าง ๆ และห้องซาวน่าแบบฟินแลนด์ ลอริวซาวน่า และหลังจากใช้บริการแล้วคุณยังสามารถพักผ่อนในเลานจ์ได้อีกด้วย
หากเที่ยวบินของคุณอยู่ในช่วงดึก คุณสามารถไปเดินเล่นที่ห้าง ซุย พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต ในช่วงกลางวัน และให้ที่นี่เป็นจุดแวะสุดท้ายตอนเย็นก่อนจะไปสนามบินได้เลย

ที่นาริตะไม่เพียงแต่มีห้างอิออนมอลล์และเอาท์เล็ตยอดนิยมเท่านั้น แต่ยังมีสวนสาธารณะที่สามารถชมวิวเครื่องบินที่น่าตื่นตาตื่นใจ และถนนนาริตะซันโอโมเตะซันโดะก็มีอาหารเลิศรสและของที่ระลึกมากมายให้ได้เลือกซื้อกันด้วย เป็นเมืองที่เหมาะสำหรับมาใช้เวลาในวันแรกหรือวันสุดท้ายก่อนจะออกจากโตเกียวมาก ๆ เลย แถมภายในสนามบินนาริตะก็มีร้านอาหารและร้านค้าปลอดภาษี ให้ได้เดินเล่นชอปปิ้งกัน แต่ถ้าหากคุณต้องการค่อย ๆ ใช้เวลาอย่างเนิบช้าในการพักผ่อน การเข้าพักที่โรงแรมใกล้ ๆ สนามบินนาริตะ ก็เป็นตัวเลือกที่แนะนำเลยล่ะ
* โปรดตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ