หากพูดถึงสัญลักษณ์ของสวนสาธารณะอุเอโนะแล้ว จะต้องเป็นรูปปั้นทองแดงรูปคนจูง
สุนัขที่ตั้งอยู่บริเวณทางเข้า
รูปปั้นนี้คือ ไซโก ทาคาโมริ นักรบของญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงโดยมีบทบาทในสมัยศตวรรษ
ที่ 19 เนื่องจากเป็นบุคคลที่ชอบพาสุนัขคู่ใจออกไปล่าสัตว์ จึงถูกดีไซน์ออกมาเป็นรูปปั้น
แบบนี้

สวนสาธารณะอุเอโนะเป็นจุดที่สามารถเพลิดเพลินไปกับซากุระกว่า 1,200 ต้นได้
สวนสาธารณะอุเอโนะ เดิมในอดีตเป็นพื้นที่ของวัดคังเอจิ คนที่เปิดวัดคังเอจิสั่งให้นำ
ต้นซากุระจากเกียวโตมาส่ง แล้วปลูกในเขตวัดซึ่งว่ากันว่าเป็นจุดเริ่มต้น
วัดคังเอจิเป็นสุสานของโชกุน เมื่อถึงฤดูซากุระจะเปิดให้ผู้คนมากมายได้เที่ยวชม
อย่างสนุกสนานเพลิดเพลิน

พื้นที่ทั้งหมดของสวนมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า "Ueno no Yama(ภูเขาแห่งอุเอโนะ)" ทั้ง ๆ ที่
ไม่มีภูเขา แต่ทำไมถึงมีคำว่า "ภูเขา" อาจจะทำให้รู้สึกสงสัย
เมื่อมองดูจะเห็นเป็นพื้นที่ราบ แต่ที่จริงมีทั้งเนินและหลุม ด้วยลักษณะทางภูมิประเทศแล้ว
มันอยู่ในพื้นที่ที่เป็นเนินเรียกว่าแท่นอุเอโนะ ดังนั้นจึงถูกเรียกเช่นนี้

พระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่อยู่ที่อุเอโนะนั้นเป็นพระพุทธรูปที่แปลกเพราะมีแต่พระพักตร์
โดยมีอดีตที่เแสนเศร้า คือเมื่อตอนก่อสร้างในปี ค.ศ. 1631 นั้นยังเป็นรูปปั้นเต็มตัวขนาด
ประมาณ 6 เมตร แต่ได้รับภัยพิบัติจากแผ่นดินไหว ฯลฯ หลายครั้งทำให้ส่วนอื่นนอกจาก
พระพักตร์พังเสียหายไป
แต่ถึงอาจจะมีแค่เพียงพระพักตร์ แต่ด้วยความที่ "เอาชนะภัยพิบัติ ไม่ตกไปมากกว่านี้"
ทำให้ผู้คนมากมายมาขอพรเพื่อให้สอบผ่าน

สวนสาธารณะอุเอโนะมีทั้งพิพิธภัณฑ์ศิลปะหรือพิพิธภัณฑ์สถานมารวมกันอยู่ เรื่องนี้เป็น
ไอเดียจากผู้คุมหอศิลป์รุ่นแรกของพิพิธภัณฑ์แห่งชาติโตเกียว โดยมีความคิดที่อยากจะ
ทำสวนสาธารณะอุเอโนะให้เป็น "พื้นที่แห่งพิพิธภัณฑ์สถานขนาดใหญ่" สิ่งที่ต้องดูให้ได้
ในสิ่งก่อสร้างจำนวนมากนี้คือ พิพิธภัณฑสถานด้านธรรมชาติและวิทยาศาสตร์แห่งชาติ
ซึ่งเป็นตัวแทนของพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์รวมของญี่ปุ่น ที่ตึกญี่ปุ่นจะมีการจัดแสดงสุนัข
ที่ถูกสตาฟไว้ ซึ่งเป็นโมเดลสุนัขในภาพยนต์เรื่อง "HACHI"
สนับสนุนภาพโดย : พิพิธภัณฑสถานด้านธรรมชาติและวิทยาศาสตร์แห่งชาติ

พื้นที่ทั้งหมดของสวนอุเอโนะถูกเรียกว่าชิตะมะจิ แม้แต่ในญี่ปุ่นเองก็ถือว่าเป็นเมืองที่มี
เอกลักษณ์เฉพาะที่มีรากฐานแน่น
เมืองที่ประชาชนทั่วไปอาศัยอยู่นั้นเรียกว่าชิตะมะจิ ประชาชนมีสัดส่วนในการทำธุรกิจ
การค้าสูง ในเมืองจะเต็มไปด้วยเสียงของพ่อค้าก้องกังวาลอย่างครึกครื้น
ที่ที่จะได้รู้จักชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนเหล่านั้นคือ "Shitamachi Museum(พิพิธภัณฑ์
ชิตะมะจิ)" บ้านเรือนญี่ปุ่นแบบโบราณที่ถูกนำมาจัดแสดงนั้นสามารถเข้าไปชมข้างในได้
ท่านจะได้รับประสบการณ์ที่มีค่าได้ที่นี่

เกาะที่ลอยอยู่ในบึงชิโนบาสุมีชื่อว่า "นากาโนะชิมะ" ปัจจุบันมีสะพานทอดข้ามไป แต่เมื่อ
ช่วงปี
ค.ศ. 1630 เป็นสถานที่ที่สามารถข้ามไปได้ด้วยเรือเท่านั้น
หอเบนเทนโดที่อยู่เกาะเบนเทนจิมะนั้นมีการเซ่นไหว้ "เบนไซเทน" ซึ่งให้พรด้านวิทยาศาสตร์
หรือศิลปะ ทรัพย์สมบัติหรือผูกดวงความรัก

สวนสัตว์แห่งแรกในญี่ปุ่นที่ถือกำเนิดขึ้นในปี ค.ศ. 1882 คือ "สวนสัตว์อุเอโนะ"
แต่เดิมถือกำเนิดขึ้นเพื่อเป็นสิ่งก่อสร้างในความควบคุมของพิพิธภัณฑ์สถานของทำเนียบ

สนามเบสบอลที่อยู่ในสวนสาธารณะมีชื่อว่า "Masaoka Shiki Memorial Stadium
(สนามกีฬาอนุสรณ์มาซาโอกะ ชิกิ)" เป็นสถานที่ที่ มาซาโอกะ ชิกิ นักเขียนโคลงกลอน
"ไฮกุ(บทกวีที่มีตัวอักษร 3 วรรค ยาว 5-7-5)" ที่ได้รับความนิยมในญี่ปุ่นมาเล่นเบสบอล
อย่างสนุกสนานที่สวนสาธารณะอุเอโนะ ทำให้มีการสร้างสนามเบสบอลขึ้นมา

ที่ Ueno Toshogu Shrine (ศาลเจ้าอุเอโนะโทโชงู) มีตัวทะนุกิ(จิ้งจอกแรคคูนญี่ปุ่น)
ที่ได้รับการสักการะเซ่นไหว้ในฐานะเป็นเทพเจ้า
ที่นี่มีชื่อเสียงจากการที่นักเรียนเตรียมสอบหรือคนที่อยากชนะในการแข่งขันมักจะมาไหว้
ขอพรที่นี่ หากถามว่าทำไมตัวแรคคูนถึงเป็นเทพเจ้า ในภาษาญี่ปุ่น คำว่า ทะนุกิ มีวิธีอ่าน
ที่ซ้ำซ้อนกับคำว่า "ทะ โอะ นุกินเดะหรุ (ยอดเยี่ยมกว่าใคร)" ซึ่งถือเป็นโชคลางที่ดี
หากเป็นคนที่จะเข้าสอบหรือเตรียมตัวเข้าแข่งขันละก็ ลองมาไหว้ขอพรดูสิ