ชินจูกุสำหรับมือใหม่: รวมกว่า 30 กิจกรรมสุดฮิตในย่านเอนเตอร์เทนเมนต์ใจกลางโตเกียว
- Written by: Himanshi Shah
หลังจากวางแผนมาหลายสัปดาห์ เก็บเงินอย่างตั้งใจ และดูคลิปรีลท่องเที่ยวมานับไม่ถ้วน เสียงประกาศบนรถไฟว่า “ต่อไป สถานีชินจูกุ” ก็ดังขึ้นเหมือนเสียงสวรรค์ต้อนรับคุณสู่ใจกลางมหานครโตเกียว ก้าวออกจากสถานีปุ๊บ ก็จะได้พบกับป่าป้ายไฟนีออนระยิบระยับ และบรรยากาศที่รวบรวม “ความเป็นโตเกียว” ไว้อย่างครบถ้วน เตรียมตัวไว้เลย เพราะคุณกำลังจะได้สัมผัสความวุ่นวายที่น่าหลงใหลที่สุดในเมืองนี้!
แม้ชินจูกุจะดูเหมือนย่านเล็ก ๆ แต่เมื่อเริ่มเดินลัดเลาะเข้าไปตามตรอกที่มีโคมไฟส่องสว่าง บรรยากาศจะค่อย ๆ เปลี่ยนไปอย่างน่าทึ่ง ชั่วขณะหนึ่งคุณอาจกำลังเบียดกับนักท่องเที่ยวใต้ซุ้มไฟคาบุกิโจ แต่พออีกนาทีต่อมากลับได้ยืนมองปลาคราฟแหวกว่ายอย่างสงบในสวนชินจูกุเกียวเอ็น ความวุ่นวายมีอยู่แน่ แต่เมื่อรู้เส้นทางออกจากสถานี ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเดินเล่น และมุมพักผ่อนต่าง ๆ แล้ว คุณจะเริ่มตกหลุมรักชินจูกุอย่างไม่รู้ตัว
เพื่อให้เข้าใจชินจูกุได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะสำหรับผู้มาเยือนครั้งแรก คู่มือนี้จึงจัดแบ่งตาม “ทางออกหลัก” ของสถานี พร้อมคำแนะนำว่าควรไปดู กิน และทำอะไรในแต่ละโซน ทางตะวันตกคือแหล่งตึกระฟ้าและความล้ำสมัย ทางตะวันออกเต็มไปด้วยแสงสีและชีวิตยามค่ำ ส่วนทางใต้รายล้อมด้วยคาเฟ่และสวนสงบ ๆ แต่ละฝั่งมีเสน่ห์ไม่เหมือนกัน และหากมีเวลาไม่มาก ตอนท้ายเรายังได้เตรียม “เส้นทางเที่ยว 1 วัน” ที่จะพาคุณตะลุยทุกมุมเด่นของชินจูกุไว้อีกด้วย
(บทความนี้มีลิงก์แนะนำสินค้าและบริการ ซึ่งอาจมีค่าคอมมิชชัน)
- Table of Contents
-
- การเดินทางสู่ชินจูกุ
- แผนผังทางออกสถานีชินจูกุฉบับเข้าใจง่าย
- คู่มือเที่ยวรอบย่านชินจูกุ
- ทางออกฝั่งตะวันตก: ตึกระฟ้า วิวฟรี และตรอกเรโทร
- ทางออกฝั่งตะวันออก (คาบุกิโจ / โกลเดนไก): แสงสีตระการตาและบาร์ลับในตรอกเล็ก
- ทางออกฝั่งใต้: ของกิน ช้อปปิ้ง และพื้นที่พักผ่อนเหมาะกับครอบครัว
- ย่านชินจูกุซันโจเมะ: สวนชินจูกุเกียวเอ็นและศาลเจ้าฮานาโซโนะ ใกล้ห้างใหญ่ใจกลางเมือง
- กินดื่มในชินจูกุ: ตัวเลือกแนะนำสำหรับมือใหม่
- ชีวิตยามค่ำในชินจูกุ
- ลิสต์ช้อปปิ้งห้ามพลาด
- พักที่ไหนดีในชินจูกุ
- หนึ่งวันในชินจูกุ
- FAQs
การเดินทางสู่ชินจูกุ

การเดินทางมาชินจูกุนั้นง่ายสุด ๆ เพียงแค่รู้เส้นทางที่เหมาะสม ก็ไปถึงได้แบบสบาย ๆ!
- จากสนามบินฮาเนดะ: นั่งรถไฟสาย Keikyu ไปยังสถานีชินางาวะ จากนั้นเปลี่ยนไปขึ้นสาย JR ยามาโนเตะ ใช้เวลาประมาณ 40 นาที
- จากสนามบินนาริตะ: รถไฟ Narita Express วิ่งตรงถึงสถานีชินจูกุ ใช้เวลาประมาณ 78 นาที หรือหากอยากเดินทางแบบสบาย ๆ รถบัสสนามบิน Limousine Bus ก็เป็นอีกทางเลือก ใช้เวลาราว 90 นาที (ขึ้นอยู่กับการจราจร) โดยรถบัสจะจอดที่โรงแรมหลัก ๆ อย่าง Hotel Sunroute Plaza Shinjuku、Hyatt Regency Tokyo、Keio Plaza Hotel、Shinjuku Washington Hotel、Hilton Tokyo และ Hotel Century Southern Tower
- จากสถานีโตเกียว: รถไฟ JR สาย Chuo Rapid เชื่อมต่อระหว่างสถานีโตเกียวกับสถานีชินจูกุ ใช้เวลาประมาณ 15 นาที
- โดยรถบัสระหว่างเมือง: Busta Shinjuku ซึ่งอยู่ทางฝั่งใต้ของสถานี (เหนือทางออก Koshu-kaido) เป็นจุดขึ้นรถหลักสำหรับเส้นทางระหว่างเมือง
สิ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่รู้สึกสับสนไม่ใช่การเดินทางมาชินจูกุ — แต่คือสิ่งที่เกิดขึ้น “หลังจากมาถึง” ต่างหาก! สถานีชินจูกุมีทางออกมากกว่าหลายเมืองรวมกัน และแต่ละทางก็พาไปยังย่านที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง มาดูกันดีกว่าว่าควรใช้ทางออกไหนถึงจะไปถึงจุดหมายได้ตรงที่สุด
แผนผังทางออกสถานีชินจูกุฉบับเข้าใจง่าย

ทางออกของสถานีชินจูกุแต่ละแห่งจะพาไปยัง “โลกคนละใบ” เลยก็ว่าได้ การรู้ทิศทางตั้งแต่แรกจึงช่วยประหยัดเวลาและลดความสับสนได้มาก ข่าวดีคือ เมื่อเข้าใจว่าควรใช้ทางออกไหน เส้นทางซับซ้อนราวใยแมงมุมของชินจูกุก็จะเริ่มเข้าใจง่ายขึ้นทันที
(หมายเหตุ: เวลาที่ระบุเป็นเวลาเดินโดยประมาณจาก “ทางออกของสถานีที่ใกล้ที่สุด” ไปยังจุดหมายแต่ละแห่ง ไม่ใช่ระยะระหว่างสถานที่)
ฝั่งตะวันออก / ตะวันออกตอนกลาง:
ฝั่งที่เต็มไปด้วยแสงสีและชีวิตชีวาที่สุดของชินจูกุ เดินออกมาก็จะเจอประตูคาบุกิโจ (ทางออก 8 ของ Subnade ใช้เวลาเดินประมาณ 6–8 นาทีจากชานชาลา) และล้อมรอบไปด้วยร้านเกม บาร์ หัวก๊อดซิลลาชื่อดัง และอาคารเอนเตอร์เทนเมนต์ Kabukicho Tower ป้ายแมว 3D ที่ Cross Shinjuku Vision (ทางออก B13) อยู่ห่างไปเพียง 3–5 นาที ส่วนร้าน BicCamera ขนาดใหญ่ (ทางออก A7) อยู่ราว 5–7 นาทีเท่านั้น
ฝั่งตะวันตก / ตะวันตกตอนกลาง:
ย่านนี้คือโซน “เส้นขอบฟ้าของชินจูกุ” จุดชมวิวฟรีของอาคารรัฐบาลมหานครโตเกียวอยู่ห่างจากสถานีประมาณ 12–15 นาที ส่วนตรอกเก่าบรรยากาศเรโทร “โอโมอิเดะโยโกะโจ (Memory Lane)” (ทางออก D1) ใช้เวลาเดินเพียง 2–4 นาที สำหรับคนรักกล้องหรือแกดเจ็ต กลุ่มร้าน Yodobashi ก็อยู่ในรัศมีเดินเพียง 5–8 นาทีจากทางออกฝั่งตะวันตก
ฝั่งใต้ / ตะวันออกเฉียงใต้:
โซนนี้คือศูนย์รวมของคาเฟ่ ร้านอาหาร และความสะดวกสบาย NEWoMan Food Hall และสถานีรถบัส Busta Shinjuku อยู่แทบจะตรงหน้าสถานี (เดิน 0–3 นาที) ส่วนสวนชินจูกุเกียวเอ็นสามารถเดินถึงได้ภายในประมาณ 10–15 นาทีจากฝั่งนี้
คู่มือเที่ยวรอบย่านชินจูกุ
ทางออกฝั่งตะวันตก: ตึกระฟ้า วิวฟรี และตรอกเรโทร

ฝั่งตะวันตกของชินจูกุคือจุดที่ “สองโตเกียว” มาบรรจบกัน ตอนเช้า เหล่าพนักงานออฟฟิศในชุดสูทเนี้ยบเดินเรียงแถวตรงไปยังที่ทำงาน โดยมีเงาสะท้อนของพวกเขาแวววาวอยู่บนกระจกของอาคารรัฐบาลมหานครโตเกียว จุดชมวิวฟรีที่ต้องไปให้ได้ โดยเฉพาะในฤดูหนาวเมื่อมองเห็นโตเกียวทอดยาวสุดสายตา
ใต้โลกแห่งระเบียบและตึกสูงนั้น ซ่อนย่านเล็ก ๆ ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงมากว่าหลายทศวรรษ — โอโมอิเดะโยโกะโจ (Omoide Yokocho) ยามค่ำคืนตรอกแคบ ๆ แห่งนี้จะคึกคักไปด้วยเสียงพูดคุย เสียง “คัมไป” kampai และกลิ่นหอมของไก่ย่างที่ลอยออกมาจากเตายากิโทริ
ไม่ไกลกันคือสวนสาธารณะชินจูกุเซ็นทรัลพาร์ก ที่ให้ความสงบท่ามกลางความจอแจ รอบเที่ยงมักมีพนักงานมานั่งพักกินข้าว ส่วนตอนเย็นก็จะเห็นคนท้องถิ่นพาสุนัขมาเดินเล่นใต้ร่มไม้หนาทึบ ด้านตะวันตกถัดไปยังมี “Electric Town” แห่งชินจูกุ ที่สะท้อนพลังของอากิฮาบาระไว้ครบถ้วน ถนนเต็มไปด้วยร้านขายกล้องและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เรียงซ้อนกันหลายชั้น ทั้ง BicCamera และร้าน Yodobashi ที่เปิดยาวถึงค่ำดึงดูดเหล่านักช้อปและคนรักเทคโนโลยีให้แวะเวียนไม่ขาดสาย
ย่านนี้คือส่วนผสมระหว่างความเรียบหรู ความดิบ และการช้อปปิ้งสุดเพลิน—ทั้งหมดอยู่ใต้แสงไฟเดียวกัน ถือเป็น “สามเสน่ห์” ที่ลงตัวที่สุดถ้าถามเรา!
เคล็ดลับ: เก้าอี้ในร้านของโอโมอิเดะโยโกะโจมีขนาดเล็กและพื้นที่ค่อนข้างจำกัด แนะนำให้พกของน้อยและมาทานช่วงหัวค่ำ ส่วนช้อปปิ้งค่อยไปต่อทีหลังจะสะดวกกว่า
ทางออกฝั่งตะวันออก (คาบุกิโจ / โกลเดนไก): แสงสีตระการตาและบาร์ลับในตรอกเล็ก

โตเกียวในแบบที่คุณฝันไว้ระหว่างนั่งเครื่องบินกำลังรออยู่ตรงหน้าทางออกฝั่งตะวันออกของชินจูกุ บริเวณชิตะมาจิแห่งนี้เต็มไปด้วยแสงนีออนสีแดงสด ป้ายไฟกระพริบ และซุ้มประตูคาบุกิโจที่เปล่งประกายราวกับสัญญาณเรียกของโตเกียวในยามราตรี
กลางวัน ผู้คนหลั่งไหลไปยังเกมเซ็นเตอร์และคาเฟ่ต่าง ๆ แต่พอแสงอาทิตย์ลับฟ้า ทั้งย่านจะเปลี่ยนโฉมราวกับฉากในภาพยนตร์ เสียงเพลงลอดออกมาจากประตูบาร์ ป้ายไฟเล็กใหญ่ส่องแสงระยิบระยับ และฝูงชนเดินคดเคี้ยวไปตามตรอกแคบ ๆ เหมือนนักแสดงในหนังที่ไม่มีวันจบ
เริ่มต้นจากบริเวณ Hotel Gracery แล้วเงยหน้ามอง “หัวก๊อดซิลลา” ที่โผล่จากดาดฟ้า มันจะคำรามทุกชั่วโมงตั้งแต่เที่ยงวันถึงสองทุ่ม เสียงคำรามนั้นคือเอกลักษณ์เฉพาะตัวของไคจูชื่อดังของญี่ปุ่น และแน่นอนว่าฟังฟรี แถมเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ไม่ควรพลาด!
เดินต่ออีกไม่นานก็จะถึง โกลเดนไก (Golden Gai) ตรอกเล็ก ๆ เพียง 6 เส้นแต่แน่นขนัดไปด้วยบาร์เกือบ 200 แห่ง แต่ละร้านจุคนได้เพียงไม่กี่ที่นั่ง บางร้านเปิดเพลงแจ๊ซ บางร้านเงียบสงบให้ลูกค้าจิบวิสกี้แก้วที่สี่พร้อมพูดคุยสบาย ๆ ร้านยอดนิยมได้แก่ Deathmatch in Hell, The Open Book และ Albatross หากอยากได้ที่นั่งควรมาให้ถึงก่อนสองทุ่ม เพราะหลังจากนั้นจะเต็มไวมาก
บนถนนใหญ่ คุณจะเห็นอาคาร Tokyu Kabukicho Tower ที่เปรียบเสมือนสวนสนุกแนวตั้งของย่านนี้ และยังมีโชว์สุดอลังการอย่าง Samurai Restaurant ที่เต็มไปด้วยแสงเลเซอร์และเสียงกลองสุดเร้าใจเข้ากับบรรยากาศของคาบุกิโจได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ปิดท้ายค่ำคืนด้วยการแวะที่ Thermae-Yu เพื่อแช่น้ำร้อนผ่อนคลายให้ร่างกายได้รีเซ็ตก่อนกลับที่พัก
มารยาทและความปลอดภัย: แม้คาบุกิโจจะถือว่าปลอดภัยเมื่อเทียบกับย่านกลางคืนทั่วโลก แต่ก็ควรระวังตัว ไม่ควรพูดคุยหรือตามคนแปลกหน้าเข้าบาร์หรือสถานที่ที่ไม่รู้จัก บาร์ขนาดเล็กหลายแห่งจะมีค่าเข้า (ประมาณ 500–1,500 เยน) และรับเฉพาะเงินสด ควรถามก่อนนั่ง และหลีกเลี่ยงการถ่ายรูปภายในร้านหากไม่ได้รับอนุญาต
เคล็ดลับ: หากต้องการไปคาบุกิโจหรือโกลเดนไก ให้ใช้ทางออกฝั่งตะวันออกของสถานีชินจูกุ บาร์ส่วนใหญ่ในย่านนี้รับเฉพาะเงินสด จึงควรพกเงินเยนไว้ล่วงหน้า หากตั้งใจจะ “บาร์ฮอป” แนะนำให้เริ่มตั้งแต่หัวค่ำ เพราะช่วงนั้นเงียบกว่าและมีเวลาพูดคุยกับบาร์เทนเดอร์ได้มากขึ้น
ทางออกฝั่งใต้: ของกิน ช้อปปิ้ง และพื้นที่พักผ่อนเหมาะกับครอบครัว

ทางออกฝั่งใต้ของชินจูกุจะพาคุณสู่ด้านที่สงบและเดินสบายกว่าฝั่งอื่น ทางเดินกว้างขวางเหมาะสำหรับรถเข็นเด็ก และไม่ต้องเบียดกับผู้คนมากมาย ถือเป็นโซนที่เหมาะสำหรับครอบครัวที่สุดในย่านนี้ เต็มไปด้วยลานเปิด ระเบียงพักผ่อน และร้านอาหารบรรยากาศสบาย ๆ ให้แวะเติมพลังระหว่างการเดินทางหรือทริปช้อปปิ้ง
อยากจิบกาแฟหรือหาของว่าง แนะนำแวะที่ NEWoMan Food Hall ซึ่งเปิดตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำ ข้ามถนนไปอีกฝั่งจะเจอ Takashimaya Times Square ที่เชื่อมกับร้าน Hands แหล่งรวมของใช้ญี่ปุ่นน่ารัก ๆ ตั้งแต่เครื่องเขียน ของเล่น อุปกรณ์เดินทาง ไปจนถึงของฝากเก๋ ๆ เหมาะสำหรับซื้อของขวัญกลับบ้าน
ใกล้กันคือ Don Quijote สาขา Shinjuku Tonanguchi (อยู่ตรงข้ามทางออก JR Shinjuku South East Exit) ที่มีเสียงเพลงประจำร้านเรียกลูกค้าให้กลับเข้าสู่ความคึกคักอีกครั้ง ภายในเต็มไปด้วยของกินเล่น ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ ของฝาก และสารพัดสินค้าที่ใครเข้าไปแล้วมักจะออกมาพร้อมถุงเต็มมือ (รับส่วนลดพิเศษได้จาก คูปอง Don Quijote ที่นี่
)
เคล็ดลับ: หากต้องการไปยังโซนนี้ ให้ใช้ทางออกฝั่งใต้หรือฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของสถานี จะเดินทางสะดวกที่สุด บริเวณคอนคอร์สมีล็อกเกอร์เก็บของให้บริการมากมาย และโรงแรมหลายแห่งในชินจูกุยังมีบริการส่งกระเป๋าในวันเดียว ช่วยให้เที่ยวได้อย่างคล่องตัวโดยไม่ต้องหอบของ
ย่านชินจูกุซันโจเมะ: สวนชินจูกุเกียวเอ็นและศาลเจ้าฮานาโซโนะ ใกล้ห้างใหญ่ใจกลางเมือง

พักสายตาจากแสงไฟนีออน แล้วมาสัมผัสอีกมุมที่นุ่มนวลของเมืองในย่านชินจูกุซันโจเมะ ป้ายโฆษณาเริ่มจางหายแทนที่ด้วยร่มไม้เขียวชอุ่ม ศาลเจ้าเก่าแก่ซ่อนตัวอยู่ตามตรอกเล็ก ๆ และภาพของคู่รักที่เดินกลับบ้านหรือพนักงานออฟฟิศที่มาพักสูบบุหรี่ให้บรรยากาศชวนฝันราวฉากหนึ่งในอนิเมะ
ตลอดเส้นทางจะพบร้านราเม็งเล็ก ๆ แทรกอยู่ระหว่างบาร์เก่าแก่ ร้านอาหารที่โชว์สติกเกอร์มิชลินอย่างภาคภูมิ และคาเฟ่แนวย้อนยุคสไตล์ยุค 80 ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์เฉพาะตัว
สุดปลายย่านคือ สวนชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen) โอเอซิสสีเขียวใจกลางเมืองที่คุ้มค่าค่าเข้าชมเพียงเล็กน้อย พื้นหญ้ากว้างขวางเหมาะกับการปูเสื่อนั่งพักผ่อน ฤดูใบไม้ผลิเต็มไปด้วยซากุระบานสะพรั่ง เดือนพฤศจิกายนใบไม้จะเปลี่ยนเป็นสีแดงสด และไม่ว่าจะฤดูไหน ที่นี่ก็ชวนให้ใช้เวลาช้า ๆ อย่างผ่อนคลาย
หากมาในเดือนพฤศจิกายน อย่าพลาดแวะที่ ศาลเจ้าฮานาโซโนะ (Hanazono Shrine) ที่เปิดให้เข้าฟรี โดดเด่นด้วยเสาโทริอิสีแดงเรียงราย รูปปั้นสุนัขจิ้งจอก และเสียงระฆังสวดมนต์แผ่วเบา โดยเฉพาะช่วงเทศกาล Tori-no-Ichi ที่ทางเดินจะสว่างไสวด้วยโคมไฟและร้านค้าขายเครื่องรางนำโชค
เคล็ดลับ: หนึ่งในกิจกรรมที่คนท้องถิ่นนิยมคือ “ปิกนิกดีปะชิกะ” (Depachika Picnic) เพียงแวะห้าง Isetan หรือ Takashimaya แล้วเลือกซื้อเบนโตะ ขนมปัง หรือแซนด์วิชผลไม้แพ็กสวยจากชั้นใต้ดิน จากนั้นนำไปนั่งรับประทานบนสนามหญ้าในสวนชินจูกุเกียวเอ็น เพลินทั้งรสชาติและบรรยากาศ
กินดื่มในชินจูกุ: ตัวเลือกแนะนำสำหรับมือใหม่
สนามรบราเม็งแห่งชินจูกุ
ชินจูกุเต็มไปด้วยร้านราเม็งที่ต่างก็มั่นใจว่าตัวเองเสิร์ฟชามที่อร่อยที่สุดในเมือง จนคนท้องถิ่นถึงกับเรียกกันว่า “สนามรบราเม็ง” เพราะเดินไปไม่กี่ก้าวก็เจอร้านใหม่พร้อมกลิ่นน้ำซุปหอมลอยมาเย้ายวนใจ ไม่ว่าคุณจะเลือกร้านไหน โอกาสผิดหวังมีน้อยมาก
ถ้าอยากลิ้มรสชามเด็ด แนะนำ Ramen Hayashida หรือ Fuunji ใกล้ทางออกฝั่งใต้ สำหรับคนที่อยากลองอะไรไม่เหมือนใคร ลอง Gyumon Kabukicho ที่เสิร์ฟราเม็งวากิวฮาลาล หรือจะไปที่ Afuri สาขา Shinjuku Lumine และ Subnade ซึ่งมีเมนูมังสวิรัติและวีแกนให้เลือกด้วย
ช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดคือบ่ายสามถึงห้าโมงเย็น เพราะคนจะน้อย สามารถนั่งซดราเม็งอย่างสบายโดยไม่ต้องรีบ
ยากิโทริ 101 ที่โอโมอิเดะโยโกะโจ
ปล่อยให้กลิ่นหอมของควันและไก่ย่างนำทางคุณไปยังร้านที่ใช่ใน โอโมอิเดะโยโกะโจ (Omoide Yokocho) ตรอกแคบ ๆ ที่อบอวลด้วยกลิ่นเบียร์และไขมันไก่ย่างอันเป็นเอกลักษณ์ของชินจูกุยุคเก่า แค่หาที่นั่งว่างได้ก็ถือว่าโชคดี แล้วสั่งเมนูคลาสสิกอย่าง เนกิมะ (Negima) ไก่ย่างสลับต้นหอม หรือ สึคุเนะ (Tsukune) ลูกชิ้นไก่ย่าง
เคาน์เตอร์ไม้เหนียวจากซอสย่าง เตาที่กำลังลุกโชน และพนักงานออฟฟิศข้าง ๆ ที่อยู่ในช่วงเบียร์แก้วที่สี่—all เหล่านี้คือประสบการณ์ญี่ปุ่นแท้ ๆ ที่ควรสัมผัสอย่างน้อยสักครั้ง คืนนี้เสื้อคุณอาจจะมีกลิ่นควันติดกลับบ้าน แต่รับรองว่ามันจะทำให้คุณอยากกลับมาซ้ำอีกแน่นอน
ร้านคาราโอเกะยอดนิยม

คาราโอเกะคือกิจกรรมยอดฮิตของคนญี่ปุ่น และ Big Echo คือหนึ่งในร้านที่เหมาะที่สุดสำหรับใครอยากปลดปล่อยเสียงร้องในโตเกียว เพียงเช่าห้อง ปิดประตู แล้วร้องให้สุดใจเหมือนไม่มีใครได้ยิน!
ร้านคาราโอเกะชื่อดังส่วนใหญ่มีเพลงภาษาอังกฤษให้เลือกมากมาย พร้อมบริการเครื่องดื่มและของกินเล่น ทำให้สามารถอยู่ร้องเพลงยาวหลายชั่วโมงโดยไม่ต้องออกจากห้อง หากอยากประหยัดและเลี่ยงเสียงดังรอบข้าง แนะนำไปช่วงกลางวัน เพราะราคาจะลดครึ่งหนึ่งและคนจะน้อยกว่าช่วงค่ำ
ดีปะชิกะ (Depachika)
ชั้นใต้ดินของห้างสรรพสินค้าโตเกียวคืออีกหนึ่งโลกที่ควรสัมผัส โดยเฉพาะ Isetan และ Takashimaya ที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารสุดประณีตเรียงรายตลอดแนว ไม่ว่าจะเป็นเบนโตะจัดกล่อง ของทอดน่าทาน หรือขนมหวานหน้าตาสวยจนอยากถ่ายรูปก่อนกิน
ชาวโตเกียวเรียกสวรรค์ใต้ดินแห่งนี้ว่า “ดีปะชิกะ (Depachika)” และหนึ่งในธรรมเนียมยอดนิยมคือการซื้ออาหารจากที่นี่ไปปิกนิกในสวน ชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen) ซึ่งเป็นกิจกรรมเรียบง่ายที่ผสมผสานความอร่อยกับบรรยากาศของโตเกียวได้อย่างลงตัว
ชีวิตยามค่ำในชินจูกุ

โกลเดนไก (สไตล์เรโทร)
ตรอกเล็ก ๆ เพียงหกสายที่ส่องแสงด้วยโคมไฟญี่ปุ่นเรียงราย เต็มไปด้วยบาร์จิ๋วเกือบ 200 ร้าน ลองสั่งเครื่องดื่มสักแก้วในแต่ละร้านแล้ว “บาร์ฮอป” ไปเรื่อย ๆ จะได้สัมผัสเสน่ห์ของย่านนี้ให้ครบทุกมุม อย่าลืมรักษามารยาท เคารปป้าย “เฉพาะลูกค้าประจำ” และเช็กค่าเข้าให้แน่ใจก่อนนั่ง เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิด
ชินจูกุนิโจเมะ (ย่านแห่งความหลากหลาย)
ย่าน LGBTQ+ ของโตเกียวอย่างชินจูกุนิโจเมะ ใกล้กับชินจูกุซันโจเมะ เปิดต้อนรับทุกคนด้วยบรรยากาศอบอุ่นและเป็นมิตร แวะเข้าบาร์สักสองสามแห่ง อ่านป้ายหน้าร้านเพื่อดูรายละเอียดค่าเข้า แล้วปล่อยใจให้สนุกไปกับค่ำคืนแห่งมิตรภาพ ที่นี่เป็นหนึ่งในย่านที่ทำให้รู้สึก “เป็นตัวเองได้เต็มที่” มากที่สุดในโตเกียว และคนแปลกหน้าก็มักกลายเป็นเพื่อนใหม่ได้อย่างรวดเร็ว
คาบุกิโจ (วัฒนธรรมป๊อป)
ย่านคาบุกิโจเต็มไปด้วยความบันเทิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเกมเซ็นเตอร์ โรงภาพยนตร์ ร้านปาจิงโกะ หรือเครื่องคีบตุ๊กตาที่ตั้งเรียงรายข้างบาร์ค็อกเทล ทั้งหมดอยู่ภายใต้สายตาของ “หัวก๊อดซิลลา” ที่มองลงมาจากด้านบนอาคาร
นอกจากนี้ยังมี Tokyu Kabukicho Tower ที่รวมอาหาร เกม และแหล่งแฮงก์เอาต์ยามดึกไว้อย่างครบครัน เหมาะสุด ๆ สำหรับคืนที่ยังไม่อยากกลับที่พัก
ปาร์ตี้กลางคืนในชินจูกุ
ชีวิตไนต์ไลฟ์ของชินจูกุหมุนรอบย่านคาบุกิโจที่เต็มไปด้วยพลังและเสียงเพลง สนามหลักของคนรักปาร์ตี้มีทั้ง T2 Shinjuku、Atom Tokyo、Tide Tokyo และ Warp Shinjuku ซึ่งเปิดเพลงต่อเนื่องยาวจนดึกดื่น แต่ละคลับมีสไตล์เฉพาะตัว ตั้งแต่ฟลอร์ EDM สุดมัน ลาวน์จฮิปฮอป ไปจนถึงแสงไฟล้ำอนาคตที่ไม่แพ้ย่านดังอย่างชิบูยะหรือรปปงงิ
ถ้าอยากได้บรรยากาศที่เป็นกันเองมากขึ้น แนะนำให้ไปโซนชินจูกุซันโจเมะ ที่นี่มีบาร์ดนตรีเล็ก ๆ ซ่อนอยู่ในตรอกแคบ ๆ หลายร้าน เปิดเพลงหลากหลายแนวตั้งแต่โซล ฟังก์ อินดี้ ไปจนถึงร็อก ร้านยอดนิยมของคนในพื้นที่ได้แก่ Music Fashion Bar RUN, Bar rpm, Soul Stream, Reggae & Dub Club OPEN, Disco Devil และ DJ Bar Bridge
ลิสต์ช้อปปิ้งห้ามพลาด
อิเซตัน ชินจูกุ

ห้างอิเซตัน ชินจูกุ คือแหล่งช้อปปิ้งระดับตำนานที่เป็นผู้นำเทรนด์แฟชั่นของโตเกียวมาหลายยุค ชั้นใต้ดินดีปะชิกะเต็มไปด้วยอาหารน่าลองทุกชนิด ส่วนชั้นดาดฟ้า “I-Garden” ก็เป็นมุมสงบเหมาะกับการพักหายใจระหว่างทริปช้อปปิ้ง
NEWoMan
ศูนย์การค้า NEWoMan ตั้งอยู่ติดกับสถานีชินจูกุโดยตรง รวมแฟชั่นดีไซน์ ร้านอาหารคุณภาพ และร้านของแต่งบ้านไว้ในพื้นที่เดียวอย่างมีสไตล์ ภายในเต็มไปด้วยแบรนด์อิสระและคาเฟ่สุดเก๋ที่ทั้งหน้าตาและรสชาติของอาหารดีไม่แพ้กัน
BicCamera
แหล่งรวมทุกอย่างเกี่ยวกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ กล้อง และของฝากสุดแปลกในที่เดียว
Sekaido
สวรรค์หลายชั้นของคนรักเครื่องเขียน ที่นี่มีตั้งแต่สมุดสเก็ตช์ไปจนถึงปากกาหลากหลายชนิด เดินเข้ามาเพื่อหาของใช้ แต่สุดท้ายมักออกไปพร้อมของฝากน้ำหนักเบาแต่มีเอกลักษณ์แบบโตเกียวแท้ ๆ
พักที่ไหนดีในชินจูกุ

โรงแรมเคโย พลาซ่า (Keio Plaza Hotel)
เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 1971 ในฐานะหนึ่งในโรงแรมตึกระฟ้าแห่งแรกของโตเกียว Keio Plaza Hotel ใกล้ทางออกฝั่งตะวันตกของชินจูกุยังคงเป็นหนึ่งในโรงแรมขนาดใหญ่ที่สุดของย่านนี้ ด้วยจำนวนห้องพักกว่าพันห้อง ร้านอาหารหลายแห่ง และบริการรถบัสตรงจากสนามบิน
การตกแต่งของโรงแรมผสมผสานระหว่างสไตล์ธุรกิจกับความหรูหราอย่างลงตัว ชั้นบนเปิดรับวิวเมืองโตเกียวแบบกว้างสุดสายตา และหากอากาศแจ่มใสยังสามารถมองเห็นภูเขาฟูจิได้อีกด้วย
โรงแรมโฮเทล เกรซเซอรี ชินจูกุ (Hotel Gracery Shinjuku)
โรงแรมที่มองข้ามไม่ได้เพราะมี “หัวก๊อดซิลลา” โผล่ออกมาจากดาดฟ้า จุดเด่นล่าสุดคือห้องธีม GODZILLA VS. KING GHIDRAH ROOM บนชั้น 30 ที่แฟนก๊อดซิลลาตัวจริงไม่ควรพลาด
บุ๊กแอนด์เบด ชินจูกุ (Book & Bed Shinjuku)
โฮสเทลกึ่งห้องสมุดที่ให้คุณได้นอนหลับท่ามกลางชั้นหนังสือจริง ๆ Book & Bed Shinjuku โดดเด่นด้วยดีไซน์เก๋ ราคาเป็นมิตร และมุมถ่ายรูปสุดชิค เหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักเดินทางคนเดียวที่หลงใหลในหนังสือและบรรยากาศอบอุ่นสไตล์โตเกียว
พาร์ค ไฮแอท โตเกียว (Park Hyatt Tokyo)
โรงแรมระดับตำนานที่กลายเป็นสัญลักษณ์จากภาพยนตร์ Lost in Translation Park Hyatt Tokyo) ยังคงเป็นหนึ่งในที่พักที่หรูหราและมีชื่อเสียงที่สุดในชินจูกุ ขณะนี้โรงแรมอยู่ระหว่างการปรับปรุงครั้งใหญ่ และมีกำหนดเปิดให้บริการอีกครั้งในวันที่ 9 ธันวาคม 2025 เมื่อกลับมาเปิดใหม่ จะกลับมาพร้อมเอกลักษณ์เดิมทั้งบริการระดับพรีเมียม ความหรูหราเหนือระดับ และวิวเมืองโตเกียวสุดตระการตาจากมุมสูง
หนึ่งวันในชินจูกุ
หากมีเวลาเที่ยวชินจูกุเพียงหนึ่งวัน เส้นทางนี้จะพาคุณเดินชมครบทุกจุดเด่น ตั้งแต่สวนสวยสงบไปจนถึงถนนนีออนสุดคึกคัก โดยไม่พลาดสถานที่ไฮไลต์สำคัญเลยแม้แต่แห่งเดียว
เช้า — เริ่มต้นวันอย่างเงียบสงบ
เริ่มวันของคุณที่ สวนชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen) สูดอากาศสดชื่นพร้อมชมผู้คนเดินผ่านไปมา สำหรับคนชอบถ่ายภาพ แนะนำให้ไปถึงตั้งแต่ช่วงเปิดสวนเพื่อเก็บภาพบรรยากาศก่อนที่ผู้คนจะเริ่มหนาแน่น จากนั้นแวะดื่มกาแฟหรือทานอาหารเช้าเบา ๆ ได้ที่ NEWoMan หรือดีปะชิกะของ Takashimaya ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสวน
สายหน่อย — ชมวิวเมืองโตเกียว
มุ่งหน้าไปยังอาคารศาลาว่าการมหานครโตเกียว (Tokyo Metropolitan Government Building) เพื่อขึ้นจุดชมวิวฟรีจากชั้นบนสุด หากต้องการชมวิวตอนค่ำให้ไปที่หอคอยฝั่งเหนือ แต่ช่วงเช้า โดยเฉพาะในฤดูหนาว จะเห็นท้องฟ้าใสและวิวที่ชัดเจนที่สุด
เคล็ดลับ: ถ่ายภาพย้อนกลับไปทางสถานีชินจูกุ วิวเส้นขอบฟ้าจากมุมนั้นสวยโดดเด่นและเหมาะสุด ๆ สำหรับอัปลงอินสตาแกรม
เที่ยง — มื้อกลางวันแบบง่ายแต่โดน
แวะซื้ออาหารพร้อมทานจาก Isetan หรือ Takashimaya แล้วจัดมื้อกลางวันสไตล์ปิกนิกในสวน หากฝนตก เปลี่ยนบรรยากาศไปชมงานศิลป์ที่ พิพิธภัณฑ์ SOMPO หรือเดินเล่นในอาคารเกมหลายชั้นของชินจูกุก็สนุกไม่แพ้กัน
บ่าย — เดินเล่นตรอกเก่าและลิ้มลองยากิโทริ
แวะที่ โอโมอิเดะโยโกะโจ (Omoide Yokocho) เพื่อชิมยากิโทริรองท้องในช่วงบ่าย ร้านส่วนใหญ่มีที่นั่งแบบเคาน์เตอร์ขนาดเล็ก เหมาะสำหรับมาคนเดียวหรือสองคนมากกว่ากลุ่มใหญ่
เย็น — เลือกบรรยากาศที่ใช่สำหรับค่ำคืนนี้
เดินเล่นย่านนีออน: เริ่มจากซุ้มประตูคาบุกิโจ ฟังเสียงคำรามของก๊อดซิลลาทุกชั่วโมง แล้วเดินต่อไปที่ Tokyu Kabukicho Tower เพื่อหาอาหารอร่อยหรือเล่นเกมในอาร์เคด
บาร์ฮอปเรโทร: เดินเล่นในย่าน โกลเดนไก (Golden Gai) ที่บาร์แต่ละร้านมีเพียง 5–10 ที่นั่งเท่านั้น ส่วนใหญ่มีค่าเข้าเล็กน้อย (ประมาณ 500–1,500 เยน) และรับเฉพาะเงินสด หากอยากได้นั่งสบาย ๆ แนะนำไปช่วง 1 ทุ่มถึง 3 ทุ่ม
ค่ำคืนแห่งความเป็นมิตร: สำหรับใครที่อยากสัมผัสบรรยากาศเป็นกันเอง แนะนำให้ไปย่านนิโจเมะ (Nichōme) ที่มีบรรยากาศอบอุ่นและผู้คนเปิดรับอย่างเป็นมิตร อย่าลืมตรวจสอบใบปลิวหน้าร้านก่อนเข้าว่ามีค่าเข้าหรือไม่
FAQs
ชินจูกุปลอดภัยไหมในตอนกลางคืน?
โดยทั่วไปแล้ว ปลอดภัยค่อนข้างมาก ย่านนี้สว่าง คนพลุกพล่าน และยังคงคึกคักแม้หลังเที่ยงคืน เพียงแค่หลีกเลี่ยงพนักงานเชิญชวนหน้าร้าน เชื่อสัญชาตญาณของตัวเอง และเลือกเข้าบาร์ที่อยู่ริมถนนหลักหรือร้านที่มีชื่อเสียงก็สามารถสนุกได้อย่างสบายใจ
โกลเดนไก หรือ โอโมอิเดะโยโกะโจ ดีกว่ากัน?
ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของคุณในคืนนั้น ถ้าอยากบาร์ฮอปแบบชิล ๆ พร้อมจิบโชจูและฟังเพลงแจ๊ซเบา ๆ ให้ไปที่ โกลเดนไก (Golden Gai) แต่ถ้าอยากเริ่มต้นค่ำคืนด้วยอาหารญี่ปุ่นสไตล์บ้าน ๆ ให้นั่งกินที่ โอโมอิเดะโยโกะโจ (Omoide Yokocho) ก่อน แล้วค่อยไปดื่มต่อที่โกลเดนไกจะครบสูตรที่สุด
จุดชมวิวฟรีที่ดีที่สุดในชินจูกุ
อาคารศาลาว่าการมหานครโตเกียว (Tokyo Metropolitan Government Building) คือจุดชมวิวที่คนท้องถิ่นแนะนำมากที่สุด เพราะขึ้นได้ฟรี และหากโชคดี คุณอาจได้เห็นภูเขาฟูจิโผล่ขึ้นมาท่ามกลางเมฆบนขอบฟ้า
ฝากกระเป๋าไว้ที่ไหนได้บ้าง?
ภายในสถานีชินจูกุมีล็อกเกอร์ให้บริการอยู่แทบทุกจุด หากมีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ แนะนำใช้บริการขนส่งพัสดุ TA-Q-BIN เพื่อส่งกระเป๋าไปยังที่พักล่วงหน้า จะได้เที่ยวต่อได้อย่างคล่องตัว
ต้องใช้เวลากี่วันถึงจะเที่ยวชินจูกุได้ครบ?
ถ้ามีเวลาเพียงครึ่งวันก็ยังสามารถสัมผัสเสน่ห์หลัก ๆ ของชินจูกุได้ แต่ถ้ามีเวลาหนึ่งวันเต็ม คุณจะสามารถเก็บครบทั้งสวนสวย วิวเส้นขอบฟ้า มื้อยากิโทริแสนอร่อย และยังมีแรงเหลือพอจะเดินเล่นต่อในย่านโกลเดนไกยามค่ำคืน
Himanshi เป็นนักเขียนท่องเที่ยว ช่างภาพ และนักออกแบบกราฟิกผู้มีประสบการณ์ หลังจากจบการศึกษาจาก Ecole Intuit Lab ในปี 2015 เธอเริ่มออกแบบให้กับแบรนด์ระดับโลก ดึงดูดใจด้วยภูมิทัศน์และวัฒนธรรมของญี่ปุ่น เธอได้เดินทางอย่างกว้างขวาง ตั้งแต่ถนนที่สว่างไสวด้วยแสงนีออนในโตเกียวไปจนถึงยอดเขาของฮอกไกโด เธอยังเคยอาศัยอยู่ในทะเลเซโตะในและอาสาสมัครในฟุกุชิมะ ผ่านบล็อกของเธอ Nomadic Travelscapes Himanshi เผยเรื่องราวที่มีความแท้จริงแทนที่จะเป็นประสบการณ์ที่นำโดยผู้มีอิทธิพล เมื่อไม่นานมานี้ ผลงานของเธอได้ถูกจัดแสดงที่ Nox Gallery ในโตเกียว
- พื้นที่
- หมวดหมู่
*Prices and options mentioned are subject to change.
*Unless stated otherwise, all prices include tax.
Recommended places for you
-
Active AKIBA Batting Center
Other Activities
Akihabara
-
Ameyoko Shopping Street
Old Towns (Shitamachi)
Ueno
-
The Imperial Palace
Other Architecture
Tokyo Station
-
Ueno Zoo (Ueno Zoological Gardens)
Zoos, Aquariums & Botanical Gardens
Ueno
-
Shinjuku Gyoen National Garden
Gardens
Shinjuku
-
Kappabashi Street
Old Towns (Shitamachi)
Asakusa
-
[คู่มือท่องเที่ยวนิกโก้] ไม่ได้มีเพียงแค่ใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้น! ยังรวบรวมกิจกรรมและสถานที่ท่องเที่ยวแนะนำในแต่ละฤดูกาล
-
เส้นทางยอดนิยมสำหรับท่องเที่ยวอะตะมิ
-
สถานที่ห้ามพลาดเมื่อได้ไปเยือนนาริตะ 19 แห่ง รวบรวมไว้ทั้ง แหล่งท่องเที่ยว ที่ชอปปิ้ง และอาหารรสเด็ดไว้ให้คุณเรียบร้อยแล้ว
-
สามารถอร่อยกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และอาหารได้ง่ายๆ! ด้วยภาษาญี่ปุ่นที่ใช้บ่อยๆ ในร้าน “อิซากายะ” สถานที่ที่ควรไปเมื่อมาเที่ยวประเทศญี่ปุ่น
-
5 จุดแนะนำสำหรับท่องเที่ยวมือเปล่ารอบ ๆ นาริตะ เหมาะกับเวลาว่างก่อนหรือหลังขึ้นเครื่อง!
-
ไม่ต้องไปไกลถึงฟุคุโอกะ ก็ทานราเม็งซุปกระดูกหมูสูตรเด็ดในโตเกียวได้!
-
Enjoy Mt. Fuji from the Comfort of Your Room! Recommended Ryokan with Mt. Fuji View
-
Stay Near the Cherry Blossoms! Hotels for Cherry Blossom Viewing in Tokyo
-
Family-Friendly Hotels with Free Shuttle to Disneyland: Convenient Access for a Magical Stay
-
Top Ranked Hakone Hotels with Mt. Fuji View: Enjoy Stunning Scenery from Your Private Space
-
Convenient Tokyo Hotels with Airport Shuttle: Ideal for Families and Heavy Luggage
-
Stunning Tokyo Tower View Hotels: Enjoy Spectacular Scenery from Your Private Space
-
Convenient Asakusa Hotels with Kitchens: Ideal for Extended Family Visits
-
Experience Luxury: Hakone's 10 Best Five-Star Accommodations
-
Enjoy Mt. Fuji Autumn Leaves! Top Hotels Near the Popular Autumn Leaves Corridor
-
Experience Hakone Fall Foliage from Your Room with Stunning Views
-
วัฒนธรรมโอะฟุโระ (การแช่น้ำร้อนญี่ปุ่น) และวิธีการใช้โอะฟุโระ
-
โตเกียว รปปงหงิ แผนที่รอบสถานีรปปงหงิ&ข้อมูลท่องเที่ยว
-
วิธีใช้บริการโรงแรมแคปซูลอย่างชาญฉลาด
-
เผยหมดเปลือก ตลาดด้านนอกของซึกิจิ !
-
สิ่งของที่ควรพกติดตัวไปเวลาไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น
-
นั่งรถไฟจากสนามบินแค่ 10 นาที! เดินเล่นหน้าวัด “Naritasan Shinshoji”






































