ซากุระเทตั้งอยู่ห่างจากสถานี "ฮาราจูกุ" ของรถไฟ JR สายยามาโนเตะ　โดยเดินเท้าประมาณ 8 นาทีถึง มุ่งหน้าตรงผ่านถนนทาเคะชิตะไปเรื่อย ๆ เดินเลย "ดีไซน์เฟสต้าแกลลอรี่" ที่อยู่อุระฮาราจูกุไป เมื่อมองเห็นกอไผ่เรียงรายก็แสดงว่าถึงแล้ว ซากุระเทเป็นร้านอาหารที่มีธีมคือ "การหลอมรวมของอาหารกับศิลปะ" ซึ่งเราจะพบผลงานศิลปะมากมายทั้งภายในและภายนอกร้าน

ผลงานที่จัดแสดงอยู่ที่ทั้งด้านในและด้านนอกร้านว่าน่าทึ่งแล้ว ในร้านยังมีต้นทับทิมอยู่ถึง 3 ต้น　แล้วก็ยังมีต้นพลับที่เหลือเอาไว้ไม่ตัดทิ้งด้วย　ซากุระเทเป็นบ้านเก่าโบราณที่นำมาดัดแปลงรีโนเวทเป็นร้านอาหารในปัจจุบัน　ด้วยความแปลกแหวกแนวทั้งภายในและภายนอกร้านนี้ ทำให้เป็นที่นิยมมากในหมู่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และก็มีคนที่มาถ่ายรูปเยอะมาก

ภายในร้านนอกจากพื้นที่สำหรับนั่งทานที่กว้างขวางแล้วยังมีห้องแบบส่วนตัวด้วย

เมื่อเข้ามาจากทางเข้าแล้วเดินผ่านด้านในร้านไปก็จะพบกับอีกหนึ่งประตูเข้าออก　ซึ่งเมื่อออกไปแล้วก็จะพบกับศิลปะบนกำแพง

เมื่อออกจากทางออกแล้วตรงต่อไปทางด้านขวามือ จะมีคาเฟ่ & บาร์ ซึ่งที่นี่มีอาหารอย่างอื่นนอกจากโอโคโนมิยากิและมอนจายากิให้ทาน

สำหรับจุดถ่ายรูปยอดฮิตคือวอลล์เพ้นท์ที่อยู่ทางด้านซ้ายมือของทางเข้าร้าน ลูกค้าที่แวะเวียนมาที่ซากุระเทจะถ่ายรูปโดยมีวอลล์เพ้นท์เป็นฉากหลังแทบทุกคนเลย

อีกฝั่งหนึ่งก็มีวอลล์เพ้นท์น่ารัก ๆ แบบนี้ด้วย

ผลงานศิลปะที่นำมาจัดแสดงที่ซากุระเททุกชิ้นถูกสร้างขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่ว่า　"อยากให้ได้สัมผัสกับศิลปะในสถานที่ใกล้ตัว"　โดยศิลปินของแกลเลอรี่ที่บริหารโดยบริษัทในเครือ ผลงานที่จัดแสดงจะมีการเปลี่ยนแบบไม่ประจำ ทำให้อาจจะได้พบกับผลงานใหม่ทุกครั้งที่ไปเยือนก็เป็นได้

ซากุระเทมีเมนูเยอะมาก นอกจากโอโคโนมิยากิและมอนจายากิแล้วก็ยังมีหลากหลายไปจนถึงยากิโซบะ ยิ่งถ้ารวมพวกบริการท็อปปิ้งมากมายด้วยแล้วก็ยิ่งเยอะมากเลย

ที่แนะนำที่สุดจากเมนูทั้งหมดก็คือ "บุฟเฟ่ต์อาหารเที่ยง" บุฟเฟ่ต์อาหารเที่ยงของซากุระเทนั้นมีเวลา 90 นาที ในราคา 1500 เยน โดยมีท็อปปิ้ง 21 ชนิดให้เลือก ทานได้ไม่อั้นทั้งโอโคโนมิยากิ มอนจายากิ รวมทั้งกะหล่ำปลีราดซอสเกลือด้วย และอาหารเที่ยงยังมี เครื่องดื่มแถมให้ 1 แก้วด้วย !

ที่ซากุระเทมีเมนูเพื่อสุขภาพด้วย สามารถเลือกท็อปปิ้งเป็นหญ้าป่าสมุนไพรอย่างโยโมกิ, นาสึนะ, แดนดิไลออน และสึมิเระ ฯลฯ ได้ อาจจะมีคนที่สงสัยว่า "โอโคโนมิยากิกับมอนจายากิจะเข้ากับหญ้าป่าสมุนไพรเหรอ?"　ขอตอบเลยว่าอร่อยมากเข้ากับทุกอย่างเลย　มีทั้งหมด 10 ชนิด อย่างละ 100 เยน (ไม่รวมภาษี)

นอกจากท็อปปิ้งหญ้าป่าสมุนไพรแล้วก็ยังมีเครื่องดื่ม　"ชาหญ้าป่าสมุนไพรของฟาร์มโทโฮขุ" 400 เยน (ไม่รวมภาษี) เป็นอีกเมนูหนึ่งที่หาดื่มที่อื่นไม่ได้ เราได้ลองดื่มแล้วพบว่าดื่มง่ายมากจนน่าแปลกใจไม่คิดเลยว่าเป็นหญ้าป่าสมุนไพร ทั้งวัตถุดิบทั้งส่วนผสมถูกคัดสรรอย่างดี เป็นเมนูแนะนำอีกหนึ่งเมนูสำหรับผู้ที่เป็นสายรักสุขภาพ

เมนูมีจัดตามจุดเด่นของแต่ละฤดูกาล เมนูประจำร้านในปัจจุบันนี้ก็มีเมนูที่เคยเป็นเมนูเฉพาะฤดูกาลมาก่อน และหากเมนูไหนขายดีเป็นที่นิยมก็จะกลายมาเป็นเมนูประจำให้ได้ทานกันได้ตลอดทั้งปี เห็นว่าจะมีเมนูเฉพาะฤดูกาลเมนูใหม่ออกมาเร็ว ๆ นี้ด้วย เตรียมรอทานกันได้เลย

ซากุระเท　เป็นร้านโอโคโนมิยากิยอดนิยมในหมู่ชาวต่างชาติมาก ๆ จนพูดได้ว่าลูกค้ากว่าครึ่งหนึ่งเป็นชาวต่างชาติเลยทีเดียว ซึ่งสาเหตุหนึ่งที่ได้รับความนิยมขนาดนี้ก็คือ ทางร้านมี "การเตรียมการต้อนรับที่ทำให้ชาวต่างชาติสามารถเพลิดเพลินกับอาหารได้อย่างไร้กังวล"

มีพนักงานชาวต่างชาติอยู่ด้วย สามารถที่จะสื่อสารภาษาอังกฤษได้เมื่อจำเป็น เมนูก็ไม่ได้มีแค่ภาษาญี่ปุ่นแต่มีภาษาอังกฤษด้วย

สำหรับลูกค้าที่มีข้อจำกัดด้านอาหารหรือมังสวิรัติ ก็มีน้ำซุปปรุงรสที่ทำจากผักล้วน ๆ กับแป้งสาลีปราศจากกลูเตนไว้คอยให้บริการด้วย　(สำหรับบริการนี้ต้องแจ้งก่อนล่วงหน้า) ซากุระเทที่รับลูกค้าได้มากสุดถึง 220 คนนั้นสามารถรองรับคณะทัวร์ขนาดใหญ่ได้เป็นอย่างดีและยังมีบริการเหมาร้านสำหรับกรุ๊ปทัวร์ด้วย

นอกจากนี้อีกหนึ่งสาเหตุความฮิตในหมู่ชาวต่างชาติของซากุระเทก็คือ "การได้ลองย่างโอโคโนมิยากิด้วยตัวเอง" ดูเหมือนว่านักท่องเที่ยวที่มาที่ร้านซากุระเท นอกจากจะมาทานโอโคโนมิยากิซึ่งเป็นอาหารดั้งเดิมของญี่ปุ่นแล้ว ยังตั้งใจมาลองย่างโอโคโนมิยากิทานเองด้วย แต่ทว่าก็คงมีหลายท่านที่เพิ่งเคยไปร้านโอโคโนมิยากิเป็นครั้งแรกอาจจะรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจในการที่จะ "ย่าง" สำหรับท่านเหล่านั้นทางร้านซากุระเทได้เตรียมเมนูภาษาอังกฤษที่มีเขียนอธิบายลำดับวิธีย่างพร้อมภาพประกอบที่เข้าใจได้ง่ายไว้ให้ด้วย　แบบนี้ต่อให้เป็นชาวต่างชาติที่เพิ่งลองย่างโอโคโนมิยากิครั้งแรกก็สามารถย่างได้อย่างสบายใจเลยล่ะ

หลังจากสอบถามถึงเมนูยอดนิยมของชาวต่างชาติกับพนักงานแล้ว คำตอบก็คือ 3 เมนูยอดฮิตตลอดกาล ได้แก่ "ซากุระยากิ" โอโคโนมิยากิห่อไข่ใส่ไส้ 7 อย่าง, "สเปเชียลโมเดิร์น" ที่ได้รับรีวิวถึงปริมาณที่เยอะจุใจไม่มีผิดหวัง และ "โอโคโนมิยากิซีฟู้ด" ยอดฮิตนั่นเอง อันที่จริงเมื่อถามถึงเมนูที่พนักงานแนะนำ ก็ได้คำตอบที่เหมือนกับเมนูยอดฮิตของชาวต่างชาติก็คือ "ซากุระยากิ" และ "โอโคโนมิยากิซีฟู้ด"

พนักงานยังบอกอีกว่านอกจากนี้ก็มี "อาโวคาโดพอร์กโอโคโนมิยากิ" ที่ใส่อะโวคาโดก็เป็นที่นิยมมาก อาโวคาโดพอร์กโอโคโนมิยากินั้นตามชื่อเลย เป็นโอโคโนมิยากิที่ใส่อาโวคาโดซึ่งไม่ค่อยมีทั่วไป จึงเป็นเมนูที่ไม่ค่อยมีที่ร้านอื่น อาโวคาโดนั้นเป็นที่ชื่นชอบของชาวญี่ปุ่นและดูเหมือนว่าชาวต่างชาติก็นิยมสั่งเมนูนี้ด้วยเช่นกัน

คราวนี้เราได้เลือกสั่ง "โอโคโนมิยากิซีฟู้ด" 1200 เยน(ไม่รวมภาษี) เมนูที่ได้รับความนิยมจากชาวต่างชาติของซากุระเท มีทั้งกุ้ง, หนวดปลาหมึก, หอยเชลล์ ฯลฯ จะไม่อร่อยได้ยังไงกัน !

ที่ซากุระเทนั้นจะให้ลูกค้าเป็นคนย่างเองแต่ถ้าหากไม่มั่นใจก็สามารถขอให้พนักงานช่วยได้ อันที่จริงคราวนี้เราให้พนักงานช่วยย่างให้

ก่อนอื่นเลยก็ทาน้ำมันให้ทั่วกระทะ

หลังจากนั้นก็ใช้ช้อนคนส่วนผสมทั้งกุ้ง, หอยเชลล์ ฯลฯ เข้าด้วยกัน

เมื่อเช็คว่ากระทะร้อนดีแล้วก็เทส่วนผสมเมื่อสักครู่ลงไป

จัดให้ส่วนผสมอยู่ในรูปทรงกลมแล้วรอจนกว่าด้านล่างจะสุก

เมื่อเช็คดูว่าด้านล่างสุกได้ที่แล้วก็กลับด้านแล้วย่างแบบเดียวกับเมื่อสักครู่

เมื่อสุกได้ที่แล้วทั้งสองด้านก็โรยซอส, ปลาคัตสึโอะตากแห้ง, สาหร่าย, มายองเนสก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย !

สุดท้ายตัดเป็นชิ้นขนาดที่ทานง่าย พนักงานที่ย่างก็บอกว่าเป็น "ผลงานที่ภาคภูมิใจ" ซึ่งสมแล้วเพราะพนักงานย่างเก่งมากจริง ๆ !

แล้วก็ได้ทานโอโคโนมิยากิที่พนักงานย่างให้สวยงามอย่างเอร็ดอร่อยเป็นที่เรียบร้อย หากชาวต่างชาติท่านใดที่อยากลองทำโอโคโนมิยากิที่ฮาราจูกุก็ขอแนะนำร้านซากุระเทที่มีงานศิลปะให้ชมด้วย เป็นร้านที่เมื่อมาฮาราจูกุแล้วอยากให้ลองแวะไปเยี่ยมชมกัน