จุดท่องเที่ยวสุดฮิตของทั้งชาวญี่ปุ่นและต่างชาติอย่าง “ฮาโกเนะ” ด้วยธรรมชาติ
ที่สวยงามและความสะดวกสบายในการเดินทาง เพียงแค่ 1 ชั่วโมง 50 นาที
จากสถานี “ชินจูกุ” โดยรถไฟสาย “โอดะคิว” และที่ขาดไม่ได้เลยคือวิวของ
ภูเขาไฟฟูจิที่จะแตกต่างกันไปตามแต่ละฤดู และบ่อน้ำพุร้อนอันเลืองชื่อ
ไปครั้งเดียวแน่นอนว่า ไม่พอ!

เพียงแค่ 50 นาทีจากสถานี “ชินจูกุ” โดยรถไฟสาย “ไซเคียว” มาลงที่สถานี
“คะวะโกเอะ” ก็จะได้พบกับเมืองเก่าแก่ที่มีประวิติศาสตร์ยาวนานถึง 400 ปี
เพียงแค่ได้มาเดินเล่นที่นี่ ก็เหมือนได้สัมผัสญี่ปุ่นในยุค “เอโดะ”

ฤดูใบไม้ผลิของญี่ปุ่นนั้นมีไฮไลท์อื่นอย่างนึงนอกจาก “ซากุระ” นั่นก็คือ
“ชิบะซากุระ” หรือ Pink Moss นั่นเอง ไม่ต้องกลัวว่าใกล้ๆโตเกียวจะไม่มีให้ดู
เพียงแค่นั่งรถไฟExpress สาย “เซย์บุอิเคะบุคุโระ” สถานี “อิเคะบุคุโระ”
มุ่งหน้าสู่สถานี “เซย์บุจิจิบุ” ใช้เวลาเพียงแค่ 90 นาที และที่นี่เองคือจุดชม
“ชิบะซากุระ” ชื่อดัง ที่จะทำให้เราต้องตะลึง

สำหรับชาวโตเกียวแล้ว แน่นอนว่าถ้าพูดถึงทะเลหน้าร้อน สถานที่ที่จะนึกถึงเป็น
ที่แรกเลยก็คือ ชายหาด “โชนัน” และเกาะเอโนะชิมะ ด้วยการเดินทางที่
แสนสะดวกสบาย และรวดเร็ว สามารถเดินทางโดยรถไฟได้หลากหลายเส้นทาง
จากสถานี“ชินจูกุ”ไปจนถึงสถานี“ เอโนชิมะ”ซึ่งใช้เวลาเพียงแค่ 70 – 90 นาที

คามาคุระแต่ละที มีแต่ไปดูพระใหญ่ อยากจะดูอะไรใหม่ๆ แต่ไม่รู้ว่าที่นี่มีอะไร
ร้อนนี้ได้ที ต้องนี่เลย เส้นทางปั่นจักรยาน กินลมชมวิว เลียบทะเลแถบคามาคุระ
รับรองได้เจออะไรใหม่ๆแน่นอน เดินทางก็สะดวก จากสถานี “ชินากะวะ”
นั่งรถไฟสาย “โยโกซึกะ” เพียงแค่ 50 นาที ก็ถึงคามาคุระแล้ว

คำว่า “นิกโก้” จะต้องเป็นที่คุ้นหูใครหลายๆคนแน่ๆ แต่จะมีซักกี่คนที่รู้ว่า
ที่นี่มีมรดกโลก “ศาลเจ้านิกโก้โทโช” ตั้งอยู่ ซึ่งจะจัดเทศกาลที่ยิ่งใหญ่
ประจำฤดูใบไม้ผลิของทุกปี แถมยังเป็นจุดชมใบไม้แดงที่สวยที่สุดที่นึง
ของญี่ปุ่นอีกด้วย การเดินทางก็ง่าย เพียงแค่ประมาณ 2 ชั่วโมงจากสถานี
“อาซาคุสะ” โดยรถไฟสาย “โทบุนิกโก้” ไปลงที่สถานี “โทบุนิกโก้”

นี่ยังเป็นแค่น้ำจิ้มเพราะยังมีที่เราไม่ได้พูดถึงอีกเยอะแยะมากมาย
ไม่ว่าจะมาฤดูไหนก็สนุกกับการท่องเที่ยวญี่ปุ่นได้แน่นอน เพราะที่นี่
มีอะไรให้เที่ยวทุกฤดู แถมการเดินทางโดยรถไฟก็แสนจะสบาย
มาญี่ปุ่นครั้งหน้าลองออกนอกโตเกียวดูสิ รับรองว่าญี่ปุ่นที่เคยรู้จัก
จะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง