HOME มรดกโลก
มรดกโลก

มรดกโลก

Last updated: 8 มิ.ย. 2560

ในประเทศญี่ปุ่นมีจุดที่น่าเยี่ยมชมหลายแห่งมากมาย หนึ่งในนั้นก็คือ
มรดกโลกซึ่งเป็นจุดท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด วัดและศาลเจ้าเก่าแก่ก็เป็นสถานที่ที่รู้สึกได้ถึงความเป็นญี่ปุ่น
ดังนั้นแม้จะเป็นผู้ที่ไม่ค่อยมีความสนใจในของเก่าแก่ ก็อยากจะให้ลองมาเยี่ยมชมดูสักครั้ง

มรดกโลกของญี่ปุ่น

มรดกโลกของญี่ปุ่น

ญี่ปุ่นมีมรดกโลกที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม 15 และมรดกทางธรรมชาติ 4
รวมเป็นมีมรดกโลกทั้งหมด 19 อย่าง ตั้งแต่ทางเหนือจากฮอกไกโด ทอดยาวผ่าน 26 จังหวัด
จนถึงทางใต้คือจังหวัดโอกินาว่า มีมรดกทางวัฒนธรรมที่รู้สึกได้ถึงความเป็นมาของยุคสมัย
เช่น สิ่งก่อสร้างทางศาสนาพุทธ หรือปราสาท ซึ่งมีประวัติศาสตร์อันเก่าแก่
ที่โดดเด่นเป็นพิเศษแบบญี่ปุ่นอยู่มากมาย มีจำนวนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
แยกตามประเทศอยู่ในอันดับที่ 11 ซึ่งในเอเชียจะอยู่อันดับที่ 2 รองจากจีน
กล่าวได้ว่าเป็นความเจริญทางวัฒนธรรมเฉพาะตัวของญี่ปุ่น และความงามของธรรมชาติที่ถูกหลงเหลืออยู่

จุดสำคัญและกฏระเบียบในการเที่ยวชมมรดกทางธรรมชาติ

จุดสำคัญและกฏระเบียบในการเที่ยวชมมรดกทางธรรมชาติ

มรดกทางธรรมชาติของญี่ปุ่นคือเกาะ Yakushima เกาะที่อยู่ห่างไกลออกไปของจังหวัดคาโกชิม่า
เทือกเขาชิราคามิที่คาบเกี่ยวจังหวัดอาโอโมริและจังหวัดอากิตะ คาบสมุทร Shiretoko ที่อยู่ที่ฮอกไกโด
หมู่เกาะ Ogasawara ที่อยู่ห่างไกลออกไปจากโตเกียว รวมทั้งหมด 4 แห่ง
ที่ Yakushima มีชื่อเสียงในการเดินป่าที่สามารถชม Jomon Sugi
ซึ่งเป็นต้นไม้ที่มีอายุมากกว่า 2,000 ปีได้ แต่คอร์สนี้ที่เริ่มสตาร์ทจากปากทางปีนเขา Arakawa
ต้องใช้เวลาถึง 8 ชั่วโมงในการเดินไปกลับ และมักจะมีฝนตกโดยไม่เกี่ยวกับฤดู
ดังนั้นจึงต้องสวมใส่เสื้อกันฝนและรองเท้าให้เหมาะสม มาเตรียมตัวให้พร้อมกับทุกสถานการณ์กันเถอะ

มรดกทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่น

มรดกทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่น

"พุทธสถานในเขตโฮริวจิ" ที่จังหวัดนาราเป็นกลุ่มอาคารไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ซึ่งถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 607
ทั้งยังมี Todaiji Daibutsuden (ศาลาหลวงพ่อโตแห่งวัดโทได) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จังหวัดนาราถือว่าเป็น "ทรัพย์สินทางวัฒนธรรมของเมืองเก่านารา" ด้วย
อีกทั้งตั้งแต่ปี ค.ศ. 794 จนถึงปี ค.ศ. 1868 ที่จังหวัดเกียวโต ซึ่งเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่นในตอนนั้น
มีตั้งแต่ Kinkakuji และ Ginkakuji, Kiyomizudera ฯลฯ
ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีประวัติศาสตร์ยังคงหลงเหลืออยู่จำนวนมาก
เป็น "ทรัพย์สินทางวัฒนธรรมของเมืองเก่าเกียวโต" ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
นอกเหนือไปจากนั้นยังมีปราสาทฮิเมจิที่จังหวัดเฮียวโกะ ศาลเจ้าและวัดของนิคโคในจังหวัดโทจิกิ
ศาลเจ้า Itsukushima ในจังหวัดฮิโรชิมา ฯลฯ อีกด้วย

มรดกทางวัฒนธรรมยุคใหม่

มรดกทางวัฒนธรรมยุคใหม่

มรดกทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่นมีสิ่งที่ให้ความรู้สึกถึงยุคสมัยอยู่มากมาย
แต่ก็มีมรดกทางวัฒนธรรมยุคใหม่ด้วยเช่นกัน
"มรดกด้านการปฏิวัติอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นสมัยเมจิ อุตสาหกรรมการผลิตเหล็ก, เหล็กกล้า, ต่อเรือ, ถ่านหิน"
เป็นมรดกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรม เกาะ Gunkanjima ในจังหวัดนางาซากินั้น
แม้แต่ปัจจุบันนี้ก็ยังคงบอกเล่าถึงสมัยที่ญี่ปุ่นเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
"โรงงานผ้าไหม Tomioka และมรดกทางอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับผ้าไหม"
ในจังหวัดกุนมะก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งในยุคสมัยนั้น
รวมถึง "Atomic Bomb Dome (อนุสรณ์สันติภาพฮิโระชิมะ)" ที่จังหวัดฮิโรชิมะ
ซึ่งยังคงหลงเหลือให้เห็นสภาพจากการทิ้งระเบิดปรมาณูในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ยังถือได้ว่ายังใหม่อยู่

จุดสำคัญและกฏระเบียบในการเที่ยวชมมรดกทางวัฒนธรรม

จุดสำคัญและกฏระเบียบในการเที่ยวชมมรดกทางวัฒนธรรม

วัดและศาลเจ้า หรือสวนขนาดใหญ่ จะมีทั้งที่ที่ไม่เก็บค่าเข้าชม และที่ที่ต้องจ่ายค่าเข้าชม
กรณีที่ต้องจ่ายค่าเข้าชมนั้น ไม่ได้บังคับ แต่ควรจ่ายค่าเข้าชมให้เรียบร้อย
ส่วนภูเขาไฟฟูจิที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรม แม้จะไม่บังคับ แต่ค่าเข้าไปในบริเวณภูเขาไฟจะอยู่ที่ 1,000 JPY
ซึ่งเงินจะถูกนำไปใช้เพื่อรักษาสภาพแวดล้อมของภูเขาไฟฟูจิให้คงอยู่เอาไว้
นอกจากนี้ขอให้ระวังการใช้ห้องน้ำเล็กๆ ที่อยู่บนภูเขาไฟฟูจิ บางแห่งจะมีการเรียกเก็บค่าใช้บริการด้วย

มรดกโลกของญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมในคนญี่ปุ่น

มรดกโลกของญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมในคนญี่ปุ่น

"ทรัพย์สินทางวัฒนธรรมของเมืองเก่าเกียวโต" เป็นจุดท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในคนญี่ปุ่น
ฤดูใบไม้ผลิมีซากุระ, ฤดูร้อนมีเทศกาล Gion, ฤดูใบไม้ผลิมีใบไม้เปลี่ยนสี ทรัพย์สินทางวัฒนธรรมเหล่านี้
แสดงถึงความแตกต่างของแต่ละฤดูในสี่ฤดู
รวมทั้งภูเขาไฟฟูจิที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรม
ก็ได้รับความนิยม การปีนภูเขาไฟฟูจิ จะนิยมปีนในเวลากลางดึก เพื่อไปดูพระอาทิตย์ยามเช้าบนยอดเขา
จึงมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่ไปเยี่ยมเยียนในช่วงเวลานี้
เนื่องจากช่วงฤดูในการปีนภูเขาไฟฟูจิจะอนุญาตให้ปีนเขาได้ช่วงเดือนกรกฎาคม - เดือนกันยายน
ช่วงหน้าร้อน ในบริเวณใกล้ ๆ ยอดเขา จึงมีผู้คนแออัดคับคั่งเป็นจำนวนมาก

*This information is from the time of this article's publication.
*Prices and options mentioned are subject to change.
*Unless stated otherwise, all prices include tax.

แชร์บทความนี้

 
บทความใหม่
ค้นหา