พระราชวังอันเป็นที่นิยมแม้ในหมู่ชาวต่างชาติ ในปี 2018 มีผู้แวะมาชมถึงประมาณ 1 แสน2 หมื่น 8 พันคน ซึ่งกว่าครึ่งเป็นชาวต่างชาติ และก็มีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่มาแถวสถานีโตเกียวมารุโนะอุจิโดยมีพระราชวังซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของญี่ปุ่นเป็นจุดหมาย และปีหลัง ๆ มานี้ก็ได้มีการพัฒนาย่านมารุโนะอุจิซึ่งแต่เดิมเป็นย่านธุรกิจอีกครั้ง ทำให้มีอาคารค้าขายและร้านค้าเปิดใหม่ และการปรับปรุงร้านเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จึงเป็นจุดเด่นตรงที่มีผู้คนมาเพื่อชอปปิงหรือมาออกเดทเพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ของกินอร่อย ๆ อย่างอาหารกล่องเบนโตะและขนมหวาน, ร้านค้าที่มีสินค้ายอดฮิต ฯลฯ　ในสถานีก็ทำให้ความนิยมของสถานีโตเกียวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว　นอกเหนือจากพระราชวังซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดแล้ว ย่านนี้ยังมีของดีให้ชมอีกมาก เป็นย่างที่เต็มไปด้วยเสน่ห์มากมาย

ย่านมารุโนะอุจิที่มีตึกระฟ้าใหม่ ๆ เกิดขึ้นต่อกันเรื่อย ๆ จากการพัฒนาเมืองอีกครั้ง　มีศูนย์การค้าทันสมัยเกิดขึ้นเยอะมาก จากบรรยากาศที่มีแต่คนทำงานใส่สูทเดินไปมา ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นมีผู้คนที่เพลิดเพลินกับการชอปปิงเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ถึงอย่างนั้นมารุโนะอุจิก็ยังคงเป็นศูนย์กลางทางการเงินและเศรษฐกิจของญี่ปุ่นอย่างไม่เปลี่ยนแปลง พูดได้ว่าเป็นย่านธุรกิจที่มีร้านค้ามารวมตัวกันและได้กลายเป็นย่านออกเดทของผู้ใหญ่

ในย่านมารุโนะอุจิมีโรงแรมหรูที่เป็นที่นิยมในหมู่ชาวต่างชาติอยู่มากมาย ภายในโรงแรมเหล่านั้นก็มีโรงแรมที่เชื่อมกับสถานีอย่างเช่น "แชงกรีล่าโตเกียว", "โฮเต็ลเมโทรโพลิตันมารุโนะอุจิ" และ "โตเกียวสเตชั่นโฮเต็ล" ซึ่งเดินทางง่ายไม่ใช่แค่เพียงในเมือง แต่สะดวกที่จะเดินทางไปทุกที่ในญี่ปุ่น โลเคชั่นเหมาะที่จะเป็นจุดปักหลักสำหรับการท่องเที่ยว แถมยังใกล้กับสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่นอย่างพระราชวังโดยเดินเท้าเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้น

สิ่งที่อยากแนะนำเป็นพิเศษในย่านมารุโนะอุจินั้น ได้แก่ ถนนมารุโนะอุจินากะโดริแสนสวยที่เป็นพื้นหิน　มีต้นไม้เรียงราย ถนนมารุโนะอุจินากะโดริเป็นถนนที่เชื่อมต่อไปยังยูรากุโจอันเป็นที่รู้จักกันในฐานะเมืองผู้ใหญ่ ระหว่างทางมีร้านค้า, โรงแรม และอาร์ตสป็อตเรียงรายเช่น "อาคารมารุโนะอุจิ" และ "อาคารชินมารุโนะอุจิ" เป็นย่านที่ได้รับความนิยมมากเนื่องจากสามารถไปสนุกได้หลายรูปแบบ　ทั้งชอปปิง, ทานอาหาร และชมงานศิลปะ ฯลฯ ท่ามกลางบรรยากาศสงบสุข

เมื่อเดินจากสถานีโตเกียวผ่านพ้นย่านตึกของมารุโนะอุจิมาแล้วก็จะพบกับพระราชวังที่ห้อมล้อมด้วยธรรมชาติอุดมสมบูรณ์แผ่ขยายกว้างราวกับโอเอซิสกลางเมืองใหญ่ พระราชวังแต่เดิมเป็นปราสาทเอโดะที่โชกุนโทกุกาว่าเคยอาศัยอยู่เมื่อราว 400 ปีก่อน　ในปัจจุบันเป็นสถานที่ประทับของพระจักรพรรดิ พระที่นั่งในเขตพระราชวังยังใช้เป็นที่จัดงานสำคัญต่าง ๆ ด้วย ภายในสวนนอกพระราชวังสามารถเดินเล่นได้ตามใจชอบ ดังนั้นไปเดินเล่นชิล ๆ สัมผัสบรรยากาศที่หลงเหลืออยู่ของปราสาทเอโดะและสวนอันสวยงามของญี่ปุ่นกันเถอะ

โดยเฉพาะจุดยอดนิยมอย่างสะพาน "นิจูบาชิ" ที่เชื่อมระหว่างลานกว้างหน้าพระราชวังถึงประตูหน้าวัง ซึ่งเป็นจุดถ่ายภาพอันโด่งดังด้วย แม้ไม่สามารถที่จะเข้าออกพระราชวังได้ในตอนปกติ แต่ประตูวังจะเปิดต้อนรับผู้มาเยือนคนธรรมดาทั่วไปให้ได้เข้าไปในพระราชวังเพื่อเข้าเฝ้าฟังพระราชดำรัสเนื่องในโอกาสเทศกาลปีใหม่ในวันที่ 2 มกราคม และในวันคล้ายวันพระราชสมภพคือวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ทั้งนี้หากลงชื่อผ่านทางสำนักราชวังไว้ล่วงหน้า ก็จะสามารถเข้าร่วมทัวร์พระราชวังสำหรับคนทั่วไปได้ด้วย นอกจากภาษาญี่ปุ่นแล้วก็ยังมีไกด์เสียงภาษาอังกฤษ, จีน, เกาหลี, ฝรั่งเศส และสเปนเตรียมเอาไว้ให้ด้วยจึงพบเห็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

สถานีโตเกียวที่เป็นเสมือนประตูหน้าบ้านของโตเกียว เป็นสถานีเทอมินอลขนาดใหญ่ที่มีรถไฟเข้าจอดและออกเดินทางเป็นจำนวนมากที่สุดในญี่ปุ่น อาคารสวยงามสร้างด้วยอิฐประมาณ 8 แสน 5 หมื่นก้อนที่คุ้นเคยกันในชื่อ "สถานีอิฐแดง" ได้ถูกกำหนดให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศด้วย ตอนกลางคืนไลท์อัพก็สวยงามไปอีกแบบหนึ่ง ได้เพลิดเพลินกับภาพที่เห็นสวยงามราวกับเป็นภาพลวงตา มีให้ชมหลายอย่างทั้งเพดานหลังคาโดม หรือโรงแรมโตเกียวสเตชั่นที่กลมกลืนไปกับวิวสถานีโดยรอบก็สวยงามมาก ๆ

นอกจากนี้ในสถานีโตเกียวยังมีศูนย์การค้าครบครันทั้ง "GRANSTA" และ "ecute Tokyo" ร้านอาหารและร้านขนม ซีเล็คต์ช็อปที่โดดเด่นก็มีพร้อม ข้าวกล่องเบนโตะจากทุกพื้นที่ในญี่ปุ่นมีวางขายมากกว่า 200 ชนิดให้เลือก เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวทั้งชาวต่างชาติและชาวญี่ปุ่นเอง ข้าวกล่องเมนูหลัก, ของดีประจำแต่ละท้องถิ่นสุดอร่อย และข้าวกล่องที่มีดีไซน์เฉพาะตัวก็เยอะ แค่ประเภทของสินค้าที่มีเยอะขนาดนี้ก็อึ้งแล้ว　ยังสามารถหาทานเนื้อวากิวได้ง่าย ๆ ด้วยข้าวกล่องเมนูสเต็กเนื้อวากิวอย่างโกเบกิวหรือเซ็นไดกิว, และข้าวปูคานิเมชิ ที่อัดเนื้อปูซูไวแบบเน้น ๆ แน่น ๆ นั้นก็เป็นที่ชื่นชอบของหลาย ๆ คน

นอกจากนี้ขอแนะนำถนนราเมงหรือ "โตเกียวราเมงสตรีท" ที่มีร้านราเมงดัง ๆ อร่อย ๆ ของโตเกียวมารวมอยู่ และ "โตเกียวคาแรคเตอร์สตรีท" ที่ซึ่งสามารถหาซื้อสินค้าเกี่ยวกับคาแรคเตอร์ชื่อดังของญี่ปุ่นอย่างคิตตี้, ริลัคคุมะและโปเกมอน ฯลฯ ได้ จุดเด่นของสถานีโตเกียวก็คือ แม้ไม่ได้มาขึ้นรถไฟแต่แค่มาเพื่อทานอาหารหรือชอปปิงก็คุ้มค่าแล้ว

"Station concierge Tokyo" (อินฟอร์เมชั่น) ที่ใต้ดินชั้น 1 นั้น นอกจากข้อมูลเกี่ยวกับสถานีแล้วก็ยังมีบริการแนะนำข้อมูลการท่องเที่ยวทั้งในโตเกียวและต่างจังหวัดให้อีกด้วย

สถานีโตเกียวสามารถเดินทางได้สะดวกจากทุกพื้นที่ทั่วประเทศ นอกจากจะมีชินกันเซ็นไปสู่โอซาก้า, อาโอโมริ, คานาซาว่าแล้ว ก็ยังมีรถทัวร์ที่วิ่งระหว่างโตเกียวกับแต่ละจังหวัดอยู่ด้วย แน่นอนว่าสามารถเดินทางไปในเมืองอย่างชินจูกุ, ชิบูย่า, อุเอโนะ, อากิฮาบาระ ฯลฯ ได้สะดวกมากด้วย จึงเหมาะที่จะเป็นจุดปักหลักสำหรับตั้งต้นเดินทางมาก เมื่อมาจากสนามบินฮาเนดะสามารถต่อโมโนเรลหรือรถไฟมาได้ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ส่วนจากสนามบินนาริตะนั่งนาริตะเอ็กซ์เพรสใช้เวลาประมาณ 50 นาที หรือจะนั่งรถบัสวิ่งตรงใช้เวลาประมาณ 60 นาทีก็ได้ ดังนั้นแม้จะมาทางเครื่องบินก็ยังเดินทางสะดวก

สำหรับรถไฟนั้นก็มีหลากหลายสายตัดผ่าน ไม่ว่าจะเป็น JR สายโทไกโด, JR สายยามาโนเตะ, JR สายเคฮิงโทโฮขุ, JR สายโยโกสึกะ, JR สายโซบุฮงเซ็น, JR สายเคโย, JR สายชูโอ, JR สายชูโอฮงเซ็น, JR สายอุเอโนะโตเกียว, โตเกียวเมโทรสายมารุโนะอุจิ, JR โทโฮขุชินกันเซ็น, JR โจเอตสึชินกันเซ็น, JR โฮคุริคุชินกันเซ็น และ JR โทไคโดชินกันเซ็น ฯลฯ

ดังที่กล่าวไปแล้ว ย่านมารุโนะอุจิและพระราชวังเป็นแอเรียที่แผ่ขยายออกไปโดยมีสถานีโตเกียวเป็นศูนย์กลาง เป็นย่านที่สามารถสัมผัสกับวัฒนธรรมญี่ปุ่น และเป็นแหล่งรวมความหลากหลาย แค่มาเที่ยวหรือทานอาหารหรือชอปปิงแค่ในแอเรียนี้แอเรียเดียว ก็มีของให้ดูมากมายจนสนุกได้ทั้งวันแล้ว กล่าวได้ว่าเป็นย่านที่มากี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อเลยจริง ๆ