เดินตามแหล่งซื้อของท้องถิ่นประมาณ 3 นาที ก็จะพบทางเข้าหุบเขาที่
ด้านข้าง "สะพานกอล์ฟ" ประวัติความเป็นมาของ "สะพานกอล์ฟ" นี้คือ
แต่เดิมเคยมีสนามกอล์ฟขนาดใหญ่อยู่ที่โทโดโรคิ ในสมัยช่วงเริ่มต้นของ
ปีโชวะ พอลงไปจนถึงแม่น้ำยาซะวะแล้วก็จะพบกับทิวทัศน์เขียวขจีกว้างขวาง
หุบเขานี้เป็นรอยแยกที่ล่วงล้ำเข้าไปในที่ราบสูงมุซาชิโนะไดอิจิ บริเวณใกล้ ๆ
สะพานกอล์ฟจะมีสถานที่สามารถชมชั้นดินได้ด้วย

เลียบแม่น้ำเย็นชื่นใจจนลืมไปเลยว่าที่นี่อยู่ภายในตัวเมืองหลวง
ต้นคาชิ (ต้นโอ๊ค) กับต้นเคยากิ (ต้นเอล์ม) เติบโตสูงจนบดบังท้องฟ้า
และเงาของต้นไม้กินพื้นที่ไปกว่าครึ่ง ในหุบเขามีแหล่งน้ำบาดาลมากกว่า
30 แห่งและมีพืชพันธุ์เขตชื้นปลูกกระจายอยู่โดยรอบนั้น ไม่ว่าจะเป็น
ป่าไม้ในส่วนทางลาดของผา หรือไม่ว่าจะเป็นลำธาร ก็คงความสวยงาม
ของธรรมชาติไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม

ผ่อนคลายกับลำธารสายเล็กของแม่น้ำและความเงียบสงบที่คิดไม่ถึงเลยว่าจะมี
ถนนผ่านอยู่ใกล้ ๆ เพราะไม่จำเป็นต้องคุยเสียงดังเลยเพิ่มความผ่อนคลายได้ไป
อีกขั้น ช่างน่าดีใจที่สามารถใช้มือแตะผิวน้ำได้ด้วย ทะลุผ่านถนนทางด้านล่าง
ไปยัง "อุโมงค์แห่งที่สามของหุบเขาโทโดโรคิ" ช่างน่าตกใจที่ตรงนี้มีกระทั่ง
สุสานโบราณด้วย สามารถข้ามจากสะพานธรรมดาได้ แต่ถ้าไปจากสะพานข้าม
แม่น้ำ(สะพานโคเอ็น) แล้วจะสามารถสัมผัสได้ถึงความเย็นชื่นใจมากขึ้นไปอีก

"อุโมงค์แห่งที่สาม" เป็นหนึ่งในร่องรอยทางประวัติศาสตร์ของโตเกียว
อุโมงค์นี้ถูกสร้างขึ้นโดยใช้เวลาตั้งแต่ปลายสมัยโคะฟุงจนถึงสมัยนารา
และใช้เป็นสุสานของผู้มีอิทธิพลในสมัยนั้น จากด้านนอกจะมองเห็นด้านใน
ไม่ค่อยชัด แต่ลึก เข้าไปข้างในมีรูปร่างเหมือนกับขวดเหล้าที่แตกไป
ครึ่งหนึ่ง บริเวณใกล้ ๆ อุโมงค์จะมีบึงและเป็นจุดพักผ่อนเบา ๆ ซึ่งมี
ห้องน้ำในบริเวณลานกว้างเล็ก ๆ ด้วย

พอเดินเลียบแม่น้ำไปอีกจะเห็นจิโกะ ไดชิโดอยู่ด้านในทางขวามือห่าง
ออกมาจากแม่น้ำ จิโกะไดชิคือชื่อเรียกของโคโบไดชิในสมัยเด็กซึ่งเป็น
คนที่ทำให้พุทธศาสนามีอิทธิพลต่อญี่ปุ่นเป็นอันมาก ตามแผ่นศิลาจารึก
แล้ว ไดชิโดนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อลำรึกครบรอบ 1200 ปีที่โคโบไดชิก่อกำเนิดมา

ประวัติความเป็นมาของชื่อพื้นที่ "โทโดโรคิ" คือตั้งตามเสียงของน้ำตกที่
"ดังกึกก้อง" ได้ยินว่าในปัจจุบันนี้ก็ยังมีนักปฏิบัติธรรมไปฝึกสมาธิใต้น้ำตก
ที่นี่ด้วย แต่นอกเหนือจากนักปฏิบัติธรรมแล้วได้ถูกห้ามเข้า

มีขั้นบันไดลาดชันต่อเนื่องจากที่นี่ไปจนถึงโทโดโรคิ ฟุโดซง และแวะไปไหว้
พระกันสักหน่อยเถอะ โทโดโรคิ ฟุโดซงเป็นวัดที่โคเคียวไดชิของชินกงชูสร้าง
ขึ้น รู้จักกันในฐานะสถานที่ที่มีชื่อเสียงในการชมซากุระ และสามารถเพลิดเพลิน
กับซากุระบานเต็มที่ได้ในฤดูใบไม้ผลิ และใบไม้แดงในฤดูใบไม้ร่วง

พักสักหน่อยที่ "เซทสึเกคคะ (setsu gekka)" ร้านขนมหวานซึ่งอยู่ในบริเวณ
ที่เดินไปประมาณ 1 กิโลเมตรจากจุดเริ่มต้น

เพราะมีพื้นที่สำหรับดื่มกินด้านนอกของร้านด้วย ดังนั้นถ้ากินข้างนอกในวันที่
อากาศสดใสก็คงจะผ่อนคลายดี แล้วก็ "เซทสึเกคคะ" จะไม่เปิดทำการแต่
เช้าตรู่ ดังนั้นโปรดระวังด้วย ลงหุบเขาจากเซทสึเกคคะอีกครั้งไปยังปลายน้ำ
จะกลับมาค่อย ๆ ดูสวนกว้างใหญ่สไตล์ญี่ปุ่นทางฝั่งขวาทีหลัง ตอนนี้ปีนบันไดด้านข้างของสวนญี่ปุ่น และลองแวะไปสุสานโบราณโนเกะโอซึกะที่ห่างประมาณ 500 เมตรกันก่อนเถอะ

"สุสานโบราณโนเกะโอซึกะ" เป็นสุสานขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงต้น
ศตวรรษที่ 5 ถ้ามองจากด้านบนจะเห็นเป็นรูปร่างเหมือนกับหอยเชลล์ สิ่งที่เห็น
เป็นสีน้ำตาลรอบสุสานคือเครื่องปั้นดินเผาฮานิวะและฮาจิกิซึ่งคนญี่ปุ่นในสมัย
แรกเริ่มได้ทำขึ้น ที่ตรงนี้มีความสูง 104 เมตรสมกับเป็นสุสานของประมุขใหญ่
สูงสุดของตระกูลที่มีอำนาจของนัมบุโซ เห็นว่ามีการค้นพบของที่ฝังร่วมกันอย่าง
เช่นอาวุธอันยอดเยี่ยมด้วย ฮานิวะและฮาจิกิที่เรียงรายอยู่ไม่ใช่ของในสมัยนั้น
แต่เป็นของที่นำมาฟื้นฟูใหม่

ถึงจะเป็นสวนเล็ก ๆ แต่ก็มีบรรยากาศที่ผ่อนคลายมาก ทานอาหารกลางวันที่
ม้านั่งของห้องหนังสือด้านบนกันเถอะ น่าจะรู้สึกดีไปกับอากาศที่สดใส หุบเขา
โทโดโรคิเป็นสถานที่อยู่ห่างจากใจกลางเมืองเพียงแค่นิดเดียวและยังเป็น
กระทั่งสถานที่ให้พลังที่จะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายไปกับลำธารน้ำสายเล็กและ
ความเขียวชอุ่มอีกด้วย มาได้อย่างง่ายดายโดยไม่จำเป็นต้องแต่งตัวมาปีนเขา
อย่างจริงจัง ดังนั้นต้องลองแวะมาสถานที่ธรรมชาติแห่งสำคัญในตัวเมืองให้ได้