"โอวาริยะ" เป็นร้านโซบะที่เปิดขึ้นตั้งแต่ปีมันเอ็นปีแรกหรือปี 1860 เมื่อก่อนหรือในปัจจุบันก็ยังได้รับความนิยมจากทั้งนักท่องเที่ยวและลูกค้าประจำชาวท้องถิ่นอย่างไม่ขาดสาย

มีร้านอยู่ทั้งฝั่งตะวันตกและตะวันออกของคามินาริมงอยู่ข้างละ 1 ร้านร้านฝั่งตะวันตกทางไปย่านบันเทิง "อาซากุสะเขต 6" คือร้านสาขาใหญ่ ส่วนสาขาใกล้ ๆ แม่น้ำสุมิดะเป็นสาขาย่อยทั้ง 2 สาขามีเมนูเด็ดยอดนิยมคือ "เทมปุระโซบะ" ที่ใส่กุ้งเทมปุระตัวยักษ์ ตัวนึงยาว 20 เซนติเมตร (ราคา 1,600เยน รวมภาษีแล้ว)

กุ้งที่ใช้ก็เป็นกุ้งชั้นดีอย่างกุ้งกุลาลายราคา 1,600 เยน เทียบกับร้านอื่นแล้วราคาถูกจนต้องตกใจคุณทานากะ ฮิเดโนริ ญาติของเจ้าของร้านรุ่นที่ 5 กล่าวถึงราคาแสนถูกนี้ไว้ว่า "เพราะโซบะเป็นของทุก ๆ คน(เหตุผลที่ตั้งราคานี้) คงเพราะด้วยความรู้สึกอยากให้ทุกคนได้ทานเต็มอิ่มโดยที่จ่ายน้อยที่สุดล่ะมั้งครับ"

"เทนด้ง" ที่มีกุ้งเทมปุระวางบนข้าว ราดด้วยซอสเบสโชยุรสชาติหวาน ๆ เค็ม ๆ (ราคา 1,700 เยน รวมภาษีแล้ว) ก็จะได้กุ้งยักษ์ที่ใหญ่จนเลยออกมานอกถ้วยเช่นกัน
ลูกค้าที่มา 2 ท่าน ส่วนใหญ่นิยมสั่งคนละอย่างแล้วนำมาแบ่งกัน

ในวันที่ขายดี กุ้งเทมปุระจะถูกทอดวันละ 1,000 ตัว ทอดโดยใช้น้ำมันงา "ไทฮาคุโกมะอาบุระ" น้ำมันงาบริสุทธิ์ที่ผลิตขึ้นอย่างพิถีพิถัน กัดเข้าไปคำแรกก็จะได้กลิ่นหอมของงาและรสชาติที่เข้มข้นของน้ำมันงานและความหวานของกุ้งที่อบอวลอยู่ภายในปาก

กุ้งเนื้อเด้งทานอร่อยมากพออยู่แล้ว คุณทานากะยังเสริมอีกด้วยว่า "เราคัดสรรแต่กุ้งที่ตัวใหญ่ ๆ เท่านั้น ดังนั้นหน้าตาอาหารจึงดูเตะตามากและเพื่อให้รับประทานกันได้อย่างสบาย ๆ เราจึงพิถีพิถันกับเรื่องน้ำมันที่ใช้

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่เป็นผู้สูงอายุก็สามารถรับประทานได้อย่างสบาย ๆ เลยครับ"

ทำให้รู้สึกได้ถึงความพิถีพิถันและความใส่ใจแม้รายละเอียดเล็กน้อยของผู้เชี่ยวชาญที่สืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น กลายเป็นเมนูเด็ดที่รับประทานทุกวันก็ไม่มีวันเบื่อนี้

โซบะที่ร้านใช้ เป็นผงโซบะจากจังหวัดอากิตะ นำมาโม่ใหม่ที่ร้านทุก ๆ วันด้วยเครื่องโม่พิเศษโดยเฉพาะ
เส้นนุ่มลื่นคอ และตอนที่สูดเส้นก็จะได้กลิ่นหอมของโซบะที่หอมขึ้นจมูกด้วย
คาเคทสึยุใช้คัทสึโอะบุชิจากเมืองมาคุระซากิจังหวัดคาโกชิมะ มาตุ๋นเป็นเวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง จนได้น้ำซุปที่อร่อยเข้มข้น จากนั้นปรุงรสด้วย "คาเอชิ" สูตรของทางร้านที่สืบทอดมาลงไปในซุป
กลิ่นหอมน้ำมันงาจากเทมปุระ และกลิ่นหอมของโซบะเข้ากันได้อย่างดี เป็นรสชาติที่เข้มข้นกลมกล่อม
ไปลิ้มรสโซบะอร่อย ๆ พลางกัดกุ้งเทมปุระกรอบ ๆ ไปด้วยกันนะ

เมนูแนะนำยังมีอีกหนึ่งเมนูคือ "คาชิวะนัมบัง" (ราคา 1,100 เยน รวมภาษีแล้ว)
เป็นเมนูไก่ผัดกับต้นหอมวางบนโซบะ น้ำมันที่อร่อยด้วยรสจากวัตถุดิบ ช่วยทำให้ตัวด้งร้อนอร่อย

เนื้อไก่ฟู ๆ กับต้นหอมที่ซับน้้ำซุปทสึยุจนอร่อย ยิ่งรับประทานความอร่อยก็จะยิ่งกระจายไปทั่ว ภายในปาก เหมาะกับการรับประทานในหน้าหนาวมาก

ร้านมี 2 ชั้นมีทั้งที่นั่งแบบโต๊ะเก้าอี้ และแบบนั่งเสื่อญี่ปุ่น
ภายในร้านมีภาพพิมพ์ลายมือและลายเซ็นของนักซูโม่ชื่อดังที่รู้จักกับทางร้านนอกจากนี้ยังมีรูปที่ถ่ายในร้านของนักเขียนผู้เกิดในยุคเมจิ คุณนากาอิ คะฟู ที่เป็นลูกค้าประจำจนถึงช่วงบั้นปลายชีวิตของเขาทำให้รู้ได้ว่าร้านนี้มีประวัติศาสตร์และเป็นที่รักของทั้งนักเขียน, นักแสดงตลกที่เล่าเรื่องโดยคนคนเดียว และนักกีฬา ชื่อดังมาเนิ่นนาน

คุณทานากะ ซึ่งในอนาคตจะเป็นผู้รับสืบทอดร้านต่อเป็นรุ่นที่ 6 บอกอย่างถ่อมตัวอีกว่า
"ยังอยู่ในช่วงเรียนรู้อยู่เลยครับ ตอนนี้รับหน้าที่คิดเงิน ยังต้องเรียนรู้อะไร ๆ อีกหลายอย่างเลยครับ"
พร้อมกับแสดงให้เห็นความตั้งใจที่จะมอบการบริการที่ทันสมัยให้แก่ลูกค้าทุกคน โดยกล่าวเพิ่มเติมว่า "เนื่องจากลูกค้าชาวต่างชาติมาที่ร้านเราเยอะก็เลยเตรียมเมนูภาษาอังกฤษไว้ด้วยครับ อยากให้ทุกคนได้ทานเทมปุระโซบะของเราก่อนครับ"

ภัตตาคาร 3 ชั้น ที่ตั้งอยู่ตรงสี่แยก โดยเดินจากคามินาริมงมาทางแม่น้ำสุมิดะ คือ "คามิยะบาร์" ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1880
เป็นบาร์แห่งแรกในประเทศญี่ปุ่นที่เปิดขึ้นที่นี่ และจะตอนนี้หรือเมื่อก่อนก็ยังเต็มไปด้วยของอร่อยไม่มีเปลี่ยนแปลง ที่นี่คือ "สถานที่สมาคมของชาวเมือง"

หน้าต่างครึ่งวงกลมสวยเรียงกัน 3 บาน เป็นเอกลักษณ์ของด้านนอกอาคารซึ่งก่อสร้างเสร็จในปี 1921 และได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมเมื่อปี 2011 เป็นแลนด์มาร์กแห่งหนึ่งของอาซากุสะ

เมื่อเข้าไปจากทางเข้าที่มีตัวอย่างเมนูแสดงอยู่ จะพบว่าชั้น 1 เป็นบาร์นั่งสบายๆ สามารถสั่งอาหารได้โดยใช้เครื่องออกตั๋ว
ชั้น 2 เป็นภัตตาคาร "เรสเตอรองท์คามิยะ" เหมาะกับผู้ที่มาเป็นครอบครัวหรือมาเป็นกลุ่มรับประทานอาหารฝรั่งและดื่มแอลกอฮอล์ มีอาหารคอร์สด้วย
ชั้น 3 "คัปโป คามิยะ" ที่เสิร์ฟอาหารญี่ปุ่นอย่าง ซาชิมิ, เทมปุระ, อาหารประเภทตุ๋น และวากิวอาบุริยากิ เป็นต้น แต่ละชั้นก็จะแตกต่างกันไป

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบดั้งเดิมของที่นี่คือ "เดงกิบรัน" (ราคา 280 เยน รวมภาษีแล้ว) ซึ่งสั่งมาดื่มได้ที่ทุกชั้น

เมนูดัง "เดงกิบรัน" เป็นค็อกเทลที่มีรสบรั่นดีเป็นหลัก ที่ผู้ก่อตั้งร้าน คุณคามิยะ เดงเบเอะ เริ่มชงขึ้นในปี 1882เหล้า 45 ดีกรีกับความรู้สึกชาในปากเป็นความรู้สึกราวกับกระแสไฟฟ้า จึงเป็นที่มาของชื่อเดงกิ(ไฟฟ้า)ปัจจุบันมีแบบโอลด์ไทป์ 40 ดีกรี,และเดงกิบรันแบบปกติจะอยู่ที่ 30 ดีกรี ซึ่งได้ลดดีกรีลงมาแล้วแต่ความหวานกลมกล่อมกับกลิ่นสมุนไพรหอม ๆ ก็ยังคงทำให้แฟน ๆ คอมติดตามอยู่เสมอจะดื่มก่อนอาหารก็ดีหรือจะดื่มแกล้มอาหารก็อร่อยใครที่อยากจะค่อยไปดื่มแนะนำให้สั่งแบบผสมโซดา "เดงกิโซดา" (ราคา 480 เยน รวมภาษีแล้ว)

สำหรับกับแกล้มก่อนอื่นสั่งอันนี้เลย "จามันโปเตโต้" (ราคา 570 เยน รวมภาษีแล้ว)
ด้วยรสชาติหวานเข้มข้น รับประทานแบบร้อน ๆ เมนูนี้ใช้มันฝรั่ง "คิตะอาคาริ"ใส่เบคอน หัวหอม ปรุงด้วยวูสเตอร์ซอส เป็น 1 จานที่รสชาตินั้นเรียบง่ายแต่อร่อยเข้มข้น
ลูกค้าประจำมักจะสั่งคู่กับเดงกิบรันหรือเบียร์เป็นประจำ
วันนี้ก็เช่นกัน เราสามารถมองเห็นลูกค้ามากมายสั่งจามันโปเตโต้มานั่งทานแกล้มเบียร์เย็น ๆ หรือเดงกิโซดา ตั้งแต่ช่วงกลางวัน

ใครที่อยากทานอิ่ม ๆ! ต้องนี่เลย "ฟิเลคัตทสึ" (ราคา 800เยน รวมภาษีแล้ว)
ซึ่งเนื้อจะถูกตัดมาเป็นชิ้นเล็ก ๆ พอดีคำ สามารถรับประทานด้วยตะเกียบได้ง่ายมีเอกลักษณ์ คือเสิร์ฟโดยราดซอสสูตรลับเฉพาะมาแล้ว
ทุก ๆ วันเชฟจะทุบเนื้อเตรียมไว้เพื่อให้เนื้อนุ่มชุบกับเกล็ดขนมปังละเอียด ๆ แล้วทอด เมื่อรับประทานแล้วจะสัมผัสได้ถึงความกรุบกรอบอร่อยมาก ๆ
พอกัดลงไปน้ำจากเนื้อฉ่ำ ๆ ที่แสนอร่อยจะกระจายในปาก ปริมาณใหญ่ได้คะแนนเต็มไปเลย

นอกจากนี้ก็ยังมีเมนูทอดอย่างอื่นอีก เช่น โคโรเกะ, เอบิฟราย (กุ้งทอด) และ มินจิคัตทสึ （เนื้อสับชุดแป้งทอด） ลองดูเมนูภาษาอังกฤษกันนะ