เมืองที่ชื่อว่าอากิฮาบาระนั้น กล่าวกันว่าเริ่มมาจากการเป็นตลาดมืดที่มีร้านค้าแผงลอยมารวมตัวกันมากมายในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ส่วนสาเหตุที่เป็นที่รู้จักกันในฐานะเมืองแห่งอุปกรณ์ไฟฟ้าก็เพราะที่นี่เคยเป็นที่ตั้งของโรงเรียนเฉพาะสายอาชีพทางด้านเทคนิค และเมื่อเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนอย่างวิทยุและโทรทัศน์เริ่มใช้กันอย่างแพร่หลายตามบ้านเรือน อากิฮาบาระก็ยิ่งคึกคักขึ้นในฐานะเมืองแห่งอุปกรณ์ไฟฟ้า

ในช่วงปี 1990 สินค้าสำหรับแฟนๆ ที่คลั่งไคล้ในสินค้าเฉพาะด้านก็เริ่มเพิ่มมากขึ้น พร้อมๆ กับความแพร่หลายของคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต และในปัจจุบันอากิฮาบาระที่เริ่มเน้นการขายโปรแกรมเกี่ยวกับเกมและแอนิเมชั่น ที่นี่จึงได้กลายเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิของป๊อปคัลเจอร์

ในระยะหลังมานี้อากิฮาบาระยังมีการพัฒนาไปในฐานะย่านสำนักงาน อีกทั้งมีการพัฒนาพื้นที่ใต้ทางยกระดับ จึงมีร้านค้าที่ตกแต่งอย่างสวยงามเพิ่มขึ้นมากมาย ทำให้เป็นเมืองที่มีผู้คนหลากหลายกลุ่มมาเยือนมากขึ้น

อากิฮาบาระเป็นเมืองที่ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติรองลงมาจากอาซากุสะ เป็นที่รู้จักของผู้คนทั่วโลกในชื่อ “อากิบะ” และในการจัดอันดับ “เมืองที่ได้รับการไปเยือนมากที่สุดในโตเกียว” ในปี 2017 ของนักท่องเที่ยวแต่ละชาติ ก็ติด 1 ใน 10 อันดับแรกจากชาวเอเชีย, ยุโรป และอเมริกา และยังได้อันดับ 2 ของเมืองที่ได้รับความคาดหวังมากที่สุดอีกด้วย

นอกจากนี้อากิฮาบาระยังโดดเด่นในฐานะสถานที่ชอปปิงสินค้าเกี่ยวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน, แอนิเมชัน, หนังสือการ์ตูน และเกม เป็นสถานที่ที่สามารถแต่งคอสเพลย์ถ่ายรูปได้ นอกจากนี้ยังมีร้านค้าที่มีลักษณะเฉพาะอย่างเมดคาเฟ่มากมาย ที่ได้รับการจับตามองจากชาวต่างชาติในแง่ของสถานที่ที่สามารถมาสัมผัสกับวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นได้

อากิฮาบาระ เป็นเมืองที่รุ่งเรืองในฐานะเมืองแห่งอุปกรณ์ไฟฟ้า โดยย่านนี้รุ่งเรืองขึ้นในช่วงหลังสงคราม มีร้านขายอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งใหญ่และเล็กรวมกันอยู่กว่า 500 ร้าน นอกจากอุปกรณ์ไฟฟ้าทั่วไปที่ใช้ในครัวเรือนแล้ว ยังมีร้านค้าเฉพาะทางสำหรับแฟนพันธุ์แท้ที่อยากจะเลือกสินค้าอย่างพิถีพิถัน, ชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้าหรือสินค้าหายากจากโรงงานผู้ผลิตสำหรับช่างเทคนิค ความครบครันของสินค้านั้นเรียกได้เลยว่าเป็นที่ 1 ในประเทศญี่ปุ่น เป็นที่ที่แฟนพันธุ์แท้จะต้องพึงพอใจ เพราะไม่ว่าอยากจะได้อะไร หากมาที่นี่ก็สามารถหาได้ทุกอย่าง

เมื่อพูดถึงอากิฮาบาระ สิ่งที่จะขาดไม่ได้เลยก็คือ “วัฒนธรรมโอตาคุ” หรือ “วัฒนธรรมโมเอะ” อย่างเกม, หนังสือการ์ตูน, แอนิเมชัน หรือไอดอล ที่นี่มีร้านสินค้าตัวการ์ตูนและไอดอลมากมาย ซึ่งไม่ใช่แค่ในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น อากิฮาบาระยังเป็นที่รู้จักดีในหมู่แฟนคลับต่างๆทั่วโลกในฐานะดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของแอนิเมชันและเกมอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีเมดคาเฟ่และพื้นที่จัดกิจกรรมของเหล่าไอดอล ซึ่งได้รับความนิยมในฐานะสถานที่ที่สามารถสัมผัสกับ “วัฒนธรรมโมเอะ” ได้อีกด้วย

ที่อากิฮาบาระมีร้านอาหารมากมาย โดยในบรรดาร้านอาหารต่างๆ เหล่านั้น ร้านอาหารทานง่าย, ราคาถูกและอร่อย มักจะได้รับความนิยมจากชาวต่างชาติจึงมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด นอกจากจะมีร้านอาหารยอดนิยม อย่างแกงกะหรี่ของ “CoCo ICHIBANYA” หรือ “C&C Curry Shop” หรือราเมงของร้าน “Kyushu Jangara Ramen”, “Menya Musashi” และสึเคเมง “Mita-Seimenjo” อีกทั้งยังมีร้านที่เสิร์ฟเมนูที่มีเฉพาะในอากิฮาบาระอยู่มากมายอีกด้วย

อากิฮาบาระมีศูนย์กลางอยู่ที่สถานี JR “Akihabara” แบ่งออกได้เป็น 2 ทางออกใหญ่ๆ คือทางออกฝั่ง Electric Town Gate และ Central Gate โดยทั้ง 2 ทางออก จะอยู่ในทิศตรงข้ามกัน แต่เชื่อมกันด้วย “East and West Walkway” ซึ่งสามารถเดินไปมาถึงกันได้อย่างอิสระ โดยแต่ละพื้นที่ที่ถัดมาจากทางออกทั้งสองนั้นประกอบไปด้วยย่านเหล่านี้ค่ะ

＜สถานี JR Akihabara ย่าน Electric Town North Gate＞
หากออกมาทาง Electric Town Gate ของสถานี JR “Akihabara” ด้านหน้าจะเป็นตึกของสถานีที่มีชื่อว่า “atré Ueno” และเมื่อออกมาทางขวามือ ด้านนอกก็คือย่าน North Gate ค่ะ

ด้านหน้าลานกว้างมีร้านกาแฟและร้านค้าของ “AKB48” กรุ๊ปไอดอลซึ่งเป็นความภูมิใจของญี่ปุ่น และยังมี “AKB Theater” “กันดั้มคาเฟ่” และ “Akihabara UDX” ซึ่งมีครบครันทั้งร้านอาหาร พื้นที่จัดงานกิจกรรม และโรงภาพยนตร์ 3D อีกด้วย

หากเดินไปตามถนนที่เชื่อมกับถนนใหญ่ จะมีตึกที่ชื่อว่า “Akihabara Denpa Kaikan” ซึ่งมีร้านค้าเฉพาะทางอย่างร้านขายอุปกรณ์ไฟฟ้า, อุปกรณ์ไร้สาย และสินค้าตัวละครอีกด้วย

＜<สถานี JR Akihabara ย่าน Electric Town South Gate>＞
JR「秋葉原」駅の電気街口改札を出て、向かって左側が南口エリアです。パソコンに特化した「ヤマダ電機 LABI秋葉原パソコン館」、プラモデルやフィギュア、アイドル関連グッズのテナントが多く入る「ラジオ会館」、神田駅方面へつながる万世橋もこのエリアです。

＜ย่าน Chuo-dori＞
สามารถออกมาได้จากทั้งทาง Electric Town North Gate และ South Gate Chuo-dori เป็นย่านที่รวมสถานที่ท่องเที่ยวหลักของอากิฮาบาระเอาไว้ หากเดินไปตามถนนจะเจอร้านขายอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่าง “Laox”, “ONODEN”, “Bic Camera” และร้านที่ขายสินค้าตัวละครและแอนิเมชันอย่าง “Animate”, “Sofmap”, “Mandarake” หรือ “Toranoana” เรียงรายอยู่ตลอดทาง เป็นย่านซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของอากิฮาบาระ

ทุกวันอาทิตย์จะมีการปิดถนนใหญ่ให้เป็นสวรรค์ของคนเดินเท้า เป็นช่วงที่จะคึกคักไปด้วยผู้คนมากเป็นพิเศษค่ะ

＜ย่านสถานี JR Akihabara Central Gate & Showa-dori Gate＞
Central Gate และ Showa-dori Gate อยู่ฝั่งตรงข้ามกับ Electric Town Gate โดยรถไฟสาย Tsukuba Express และ Tokyo Metro Hibiya Line จะใช้ประตูทางออกนี้ เมื่อออกจาก Central Gate ไปทาง North Gate จะเจอกับ “Yodobashi-Akiba” หนึ่งในแลนด์มาร์คของอากิฮาบาระ ซึ่งเป็นตึกสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่ไม่ได้มีเพียงเครื่องใช้ไฟฟ้าเท่านั้น ยังมีร้านหนังสือ, ร้านเสื้อผ้า ไปจนถึงร้านอาหารรวมอยู่ด้วย และถ้าหากออกจาก Central Gate ไปทาง South Gate ก็จะเจอกับสถานี “Iwamotocho” สาย Toei Shinjuku Line ซึ่งสามารถเดินไปถึงได้ในเวลา 5 นาที

อากิฮาบาระเป็นฐานที่มั่นของเมืองรอบนอกที่ผู้คนในเมืองนิยมไปอยู่อาศัย เช่น ไซตามะ, ชิบะ หรืออิบารากิสามารถมาเปลี่ยนรถได้ เนื่องจากมีทางรถไฟสายสำคัญมารวมกันหลายสายจึงสามารถเดินทางได้สะดวก บริเวณรอบนอกสถานีก็เจริญรุ่งเรืองมาก โดยสถานีอากิฮาบาระเป็นสถานีที่ได้รับการจัดอันดับว่าเป็นสถานีที่มีคนขึ้นลงมากเป็นอันดับที่ 15 ของประเทศญี่ปุ่น โดยใน 1 วันจะมีผู้คนใช้บริการมากถึง 4 แสน 8 หมื่นคน (จากข้อมูลของกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น ปีงบประมาณ 2017)

＜รถไฟ＞
ที่อากิฮาบาระสามารถใช้บริการรถไฟได้ถึง 5 สาย ซึ่งเป็นของบริษัทการเดินรถไฟหลัก 3 บริษัท ในการเดินทาง จากสนามบินนาริตะ สามารถใช้บริการ Keisei Skyliner โดยเปลี่ยนรถที่สถานี “Nippori” โดยใช้เวลาประมาณ 52 นาที, จากชินจูกุใช้เวลาประมาณ 13 นาที (เปลี่ยนรถ 1 ครั้ง) ถึง 20 นาที (ไม่เปลี่ยนรถ), จากสถานีโตเกียวใช้เวลาประมาณ 5 นาที, จากสถานีอุเอโนะใช้เวลาประมาณ 3 นาที ส่วนจากสนามบินฮาเนดะจะใช้เวลาประมาณ 40 นาที และนอกจากนี้ยังสามารถไปยังชิบูยะได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนรถ หากใช้รถไฟ JR สาย Chuo-Sobu Line ก็สามารถไปยังชิบะได้ หากนั่ง Tsukuba Express ก็สามารถไปยังอิบารากิได้โดยไม่ต้องต่อรถ เรียกว่าเป็นสถานีศูนย์กลางซึ่งสามารถเดินทางไปยังย่านต่างๆ ในคันโตได้ค่ะ

●สายรถไฟที่สามารถใช้บริการได้
JR…Yamanote Line, Keihin-Tohoku Line, Sobu Line
Tokyo Metro…Hibiya Line
Metropolitan Intercity Railway Company…Tsukuba Express

※สถานี “Suehirocho” สาย Tokyo Metro และสถานี “Iwamotocho” สาย Toei Shinjuku Line ก็สามารถเดินไปถึงได้ หากใช้บริการสายรถไฟ 2 เส้นนี้ด้วยก็จะสามารถไปยังบริเวณต่างๆ ได้มากขึ้นอีกค่ะ

＜รถประจำทาง＞
หากใช้บริการ Toei Bus สามารถไปยังบริเวณใกล้เคียงอย่าง JR สถานี “Komagome” หรือ Tokyo Metro สถานี “Kasai” ได้ แต่ไม่ได้ครอบคลุมไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ จึงไม่มีนักท่องเที่ยวใช้บริการมากนัก นอกจากนี้ยังมีรถประจำทางความเร็วสูงที่มุ่งหน้าไปยังภูมิภาคคันไซและโทโฮคุได้ด้วย