แม้จะเป็นของที่ซื้อด้วยความตั้งใจตัวเอง
แต่ในกรณีที่เกิดปัญหาจากฝ่ายผู้ซื้ออย่างชัดเจน
เช่น "ไม่เหมาะเลย" หรือ "แค่จัดเก็บแรงนิดหน่อยก็แตกแล้ว" เป็นต้น
ส่วนใหญ่จะเป็นกรณีที่ไม่สามารถคืนสินค้าได้ในญี่ปุ่น

ในกรณีที่คืนสินค้า จำเป็นที่จะต้องแสดงใบเสร็จ
ช่วงเวลาที่สามารถคืนสินค้าได้จะแตกต่างกันไปตามแต่ละร้านหรือประเภทของสินค้า
โดยมีตั้งแต่ การคืนสินค้าหลังจากที่ซื้อภายใน 1 สัปดาห์
ไปจนถึงภายในช่วงเวลาหลายๆเดือน

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลของความชอบที่ว่าลองทานแล้วไม่อร่อย
หรือจะเป็นการจัดการดูแลที่ไม่ดีของตัวเอง เช่น ไข่แตกในระหว่างเดินทางกลับบ้านนั้น
โดยส่วนใหญ่แล้วเหตุผลเหล่านี้จะเป็นที่ยอมรับในการคืนสินค้า
ซึ่งแต่ละร้านหรือแต่ละบริษัทก็จะมีการรับมือที่แตกต่างกัน

จะเห็นได้มากในกรณีของการเปลี่ยนขนาด โดยมีเหตุผลในการคืนสินค้าว่าขนาดไม่พอดี
นอกจากนี้ ด้วยเหตุผลในด้านอนามัยสำหรับชุดชั้นในหรือชุดว่ายน้ำ เป็นต้น
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็มีกรณีที่ไม่สามารถคืนสินค้าได้

กรณีนี้รวมถึงการเปลี่ยนขนาดสินค้าที่ส่วนใหญ่
จะมีเงื่อนไขในการลองสวมใส่แค่ในห้องเท่านั้น
หากใส่ออกไปข้างนอกแล้วครั้งหนึ่งจะไม่สามารถคืนได้เลย

ยกเว้นกรณีที่สินค้าผิดปกติตั้งแต่แรก
โดยส่วนใหญ่ การคืนสินค้าหลังจากต่อเข้าไฟฟ้าแล้วจะไม่สามารถทำได้
นอกจากนี้ แม้จะยังไม่ต่อเข้าไฟฟ้า
ก็อาจมีกรณีที่ถูกปฎิเสธการแลกเปลี่ยนสินค้าหรือการคืนสินค้าที่แกะแล้วด้วยเช่นกัน

คือระบบที่หลังจากที่ทำสัญญาการซื้อสินค้าแล้ว
จะสามารถขอยกเลิกสัญญาได้ภายในระยะเวลาหนึ่ง
แต่ว่า เนื่องจากจะสามารถใช้ได้กับเฉพาะกับสัญญา
ที่เกิดขึ้นในสภาพที่มีความเป็นไปได้ที่จะขาดดุลพินิจสุขุมชั่วคราว
เช่น การชักชวนทางโทรศัพท์หรือการขายตรงที่เกิดขึ้นโดยคาดไม่ถึง เป็นต้น
ไม่สามารถใช้กับการค้าขายหน้าร้านได้ จึงควรระมัดระวังในจุดนี้ด้วย

จากกฎหมายแพ่งของญี่ปุ่น สำหรับสินค้าที่ทำการซื้อขายแล้วครั้งหนึ่ง
ทางร้านค้าไม่มีหน้าที่อำนาจทางกฏหมายในการรองรับการแลกเปลี่ยนและการคืนสินค้า
ควรคิดว่า การรองรับการเปลี่ยนหรือคืนสินค้านั้นเป็นความเห็นชอบจากทางร้านค้า