โดยปรกตินอกจากวันหยุดปรกติแล้วยังเพิ่มวันหยุดนักขัตฤกษ์เข้าไปด้วย ใน1ปีมีทั้งหมด16วัน อย่างเช่นวันหยูดโอบ้ง วันปีใหม่ แต่ร้านค้าส่วนมากจะเปิดทุกวันไม่เว้นวันหยุด บางร้านเปิด24ชั่วโมงตลอด365วัน ซึ่งนับว่าสะดวกมาก โรงเรียนจะปิดเทอมหน้าร้อนที่ยาวนานตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคมจนถึงปลายเดือนสิงหาคม อีกทั้งปิดเทอมฤดูหนาวประมาณ1สัปดาห์ ส่วนปิดเทอมฤดูใบไม้ผลิ ช่วงเดือนมีนาคมหรือเดือนเมษายน

ที่ญี่ปุ่นการศึกษาใหม่จะเริ่มต้นเดือนเมษายน ซึ่งแตกต่างจากชาติตะวันตก ซากุระจะเริ่มบานในช่วงเดือนเมษายนในช่วงเริ่มปีการศึกษาใหม่ การทำงานใหม่ ปฏิทินหรือสมุดไดอารี่ก็เริ่มจากเดือนมกราคมใหม่ ซึ่งแบบที่เริ่มจากเดือนเมษายนก็มีเพิ่มขึ้น

ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การจัดกิจกรรมที่สุด คือช่วงฤดูร้อนระหว่างเดือนกรกฏาคมจนถึงเดือนสิงหาคม โรงเรียนจะปิดเทอมฤดูร้อน มีการจัดงานดอกไม้ไฟทั่วทุกภูมิภาคในญี่ปุ่น ช่วงวันหยุดติดต่อกันในเดือนพฤษภาคม “โกลเด้นวีค” “โอบ้ง”ประมาณกลางเดือนสิงหาคมและยังมีช่วงวันว่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ช่วงนี้เองที่โรงแรมที่พักมีราคาสูง รถไฟแออัดไปด้วยคน ทางด่วนก็ติด อีกทั้งแหล่งท่องเที่ยวก็แออัดไปด้วยนักท่องเที่ยว

ถ้าจะเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวควรไปช่วงฤดูท่องเที่ยว ตั้งฤดูใบไม้ผลิจนถึงฤดูร้อน อย่างช่วงโกลเด้นวีคในวันจันทร์ที่3ของเดือนกรกฎาคม “วันท้องทะเล” หรือถ้าหากมีความสนใจในสกี การท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาวตั้งแต่วันจันทร์ที่2ของเดือนมกราคม “วันบรรลุนิติภาวะ” เป็นต้นไปเหมาะแก่การท่องเที่ยวที่สุด

“วันชุมบุนโนะฮิ”(วันแบ่งฤดูใบไม้ผลิ)คือ วันที่20หรือ วันที่21เดือนมีนาคม เป็นวันสำหรับขอบคุณในธรรมชาติ เมื่อหมดวันชุมบุนโนะฮิแล้วก็จะเข้าสู่ช่วงโกลเด้นวีค

ในสมัยก่อนวันนี้คือวันประสูติขององค์จักรพรรดิ ซึ่งจะเรียกว่า “วันสีเขียว”หรือ"วันเกิดของจักรพรรดิ”
วันที่3 เดือนพฤษภาคม “วันรัฐธรรมนูญ”
เป็นวันทีระลึกถึงวันที่มีรัฐธรรมนูญในวันที่3 พฤษภาคม ปี 1947 หลังสงครามโลกครั้งที่2
วันที่ 4 พฤษภาคม “วันแห่งธรรมชาติ”
เป็นวันอนุรักษ์ต้นไม้และขอบคุณธรรมชาติ
วันที่ 5 พฤษภาคม วันเด็ก
เป็นวันเฉลิมฉลองการเจริญเติบโตสำหรับเด็กชาย ในวันนี้ บ้านที่มีเด็กผู้ชายจะมีการปักธงปลาคาร์พ ออกมาประดับ

จันทร์ที่3ของเดือนสิงหาคม คือ”วันแห่งท้องทะเล” ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ล้อมรอบด้วยทะเล ฉะนั้นในวันนี้ชาวญี่ปุ่นจะทำพิธีขอขมาและขอบคุณต่อท้องทะเล
อีกทั้งในช่วงหน้าร้อน ยังมี”วันภูเขา” (วันที่11 สิงหาคม) ซึ่งเป็นวันที่ขอบคุณต่อเทพเจ้าแห่งขุนเขา

ฤดูใบไม้ร่วงเป็นช่วงเวลาของวันหยุดแห่งชาติที่มีเยอะ สามารถเพลิดเพลินไปกับท้องฟ้าฤดูใบไม้ร่วง นอกจากนี้เมือสิ้นสุด “วัน๙บุนโนะฮิ” (วันแบ่งฤดูใบไม้ร่วง) ก็ยังมีวันสำคุญทางวัฒนธรรมต่อๆกันมาอีก

จันทร์ที่3ของเดือนกันยายน “วันผู้สูงอายุ”
เป็นวันแสดงความเคารพต่อผู้สูงอายุ โดยในวันนี้ ลูก หลานจะส่งของขวัญ คำอวยพรไปยังปู่ ย่า ตา ยาย อีกทั้งผู้สูงอายุมี่จะมีอายุครบ100ปี ทางรัฐบาลจะได้จัดส่งของขวัญให้ด้วย
จันทร์ที่2 ของเดือนตุลาคม “วันกีฬา”
เป็นวันที่รำลึกถึงการจัดงานกีฬาโอลิมปิกที่กรุงโตเกียว เมือปีคศ. 1964 ในวันนี้เองทางโรงเรียนส่วนใหญ่จะจัดงานกีฬาภายในโรงเรียน
วันที่23 พฤศจิกายน “วันขอบคุณผู้ใช้แรงงาน”
หลายศตวรรษก่อนวันนี้เป้นวันที่เฉลิมฉลองการเก็บเกี่ยว แต่พอหลังสงครามโลกครั้งที่2 ก็ได้เปลี่ยนเป็นวันขอบคุณผู้ใช้แรงงานแทน

ต่อจากฤดูใบไม้ร่วง เข้าสู่ฤดูหนาวซึ่งวันหยุดเฉลิมฉลองของญี่ปุ่น ก็มีด้วยเช่นกัน โดยที่ฤดูหนาวเป็นฤที่เหมาะกับการแช่น้ำพุร้อนเป็นอย่างยิ่ง

วันที่ 23 พฤศจิกายน “วันคล้ายวันประสูติสมเด็จพระจักรพรรดิ” เป็นวันหยุดเพื่อเฉลิมฉลองให้กับสมเด็จพระจักรพรรดิ ซึ่งในปัจจุบันคือสมเด็จพระจักรพรรดิ อะกิฮิโตะ
วันที่1 มกราคม “วันขึ้นปีใหม่” สันปีใหม่ของญี่ปุ่นตามปฎิทินเกรโกเรียน(ตามชาติตะวันตก)คือวันที่ 1 มกราคม แต่การเฉลิมฉลองนั้นใช้เวลาหลายวันอาจเป็นอาทิตย์เลยก็ว่าได้
จันทร์ที่2 ของเดือมกราคม “วันบรรลุนิติภาวะ” เป็นวันที่เฉลิมฉลองให้กับหนุ่มสาวที่มีอายุครบ20ปี ซึ่งพิธีจัดกันตามแต่ละท้องถิ่น โดยจะสวมชุดสูทหรือกิโมโน
วันที่11 กุมภาพันธ์ “วันสถาปนาประเทศ” เมื่อ660 ปีก่อนคริสตกาล จักรพรรดิ Jinmu ได้ทำการก่อตั้งสถาปนาญี่ปุ่นให้เป็นประเทศเมื่อวันที่11 กุมภาพันธ์ ซึ่งวันนี้ตรงกับวันขึ้นปีใหม่ตามปฏิทินจันทรคติ