ใช้เวลาเดิน 4 นาทีจากสถานีโอคาจิมะจิสายJR
ก็จะถึงโรงอาบน้ำสาธารณะ "ซึบะเมะยุ"
ตัวอาคารถูกบันทึกให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒธรรมแห่งหนึ่งของโตเกียว
ที่มีลักษณะบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์
ตกแต่งด้วยม่านสีขาวสะอาดและดอกไม้อย่างงดงาม
สามารถสัมผัสได้ถึงจิตใจที่ต้อนรับแขก
ในบรรดาโรงอาบน้ำสาธารณะส่วนมากที่เปิดให้บริการตอนเย็นนั้น
"ซึบะเมะยุ"เป็นโรงอาบน้ำที่เปิดตั้งแต่ 6 โมงเช้า
เพื่อให้บริการการอาบน้ำอุ่นยามเช้าที่ให้ความรู้สึกดี

ที่ประตูมีแผ่นป้ายที่เขียนว่า "วะ" แขวนอยู่
"วะ"กับ "อิตะ" รวมกันเป็น "วายตะ" หมายถึง น้ำอุ่นที่กำลังเดือดอยู่ เปิดให้บริการอยู่
เมื่อถึงเวลาที่ร้านปิดก็จะกลายเป็นตัวอักษร "นุ"
"นุ" กับ "อิตะ" รวมกันเป็น "นุยตะ" หมายถึง ได้ทิ้งน้ำอุ่นไปแล้ว
เป็นผลงานของคุณอุเอะฮาระ โยชิฮารุ ศิลปินด้านโรงอาบน้ำที่มีอารมณ์ขัน
และให้ความสนุกสนาน

ที่สะดุดตาเป็นสิ่งแรกเมื่อเข้าไปในห้องอาบน้ำ คือ หินภูเขาไฟที่อยู่บนบ่ออาบน้ำ
หินก้อนนี้ถูกสร้างขึ้นจากหินลาวาของภูเขาไฟฟูจิ
และถูกขึ้นทะเบียนเป็นทรัพย์สมบัติทางวัฒธรรมเช่นเดียวกับตัวอาคารของโรงอาบน้ำ
เมื่ออาบน้ำชำระร่างกายเสร็จ ก็ไปยังน้ำอุ่นที่ใสที่สุดในยามเช้า
น้ำร้อนให้ความรู้สึกดีจัง! ซึบะเมะยุมีชื่อเสียงที่น้ำอุ่นมีอุณหภูมิสูง
โดยอุณหภูมิเฉลี่ยทั้งวันจะอยู่ที่ 46 องศา
สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยควรราดตัวด้วยน้ำอุ่นให้เพียงพอก่อนจึงลงอ่างอาบน้ำ
เพื่อไม่ให้ร่างกายเกิดความตกใจ
อย่าลืมลงในบ่อฟองสบู่ด้วยเพื่อเพลิดเพลินกับการอาบน้ำร้อนตอนเช้าอย่างเต็มอิ่ม

เมื่อพูดถึงโรงอาบน้ำของญี่ปุ่น ก็จะนึกถึงน้ำผลไม้เย็น ๆ
ในตู้เย็นเล็กที่อยู่ข้างเคาท์เตอร์ทางเข้า จะมีกาแฟนมใส่ขวดหรือนมเปรี้ยววางเรียงอยู่
นมรสผลไม้ที่มีความหวานอ่อน ๆ จะซึมซาบเข้าไปในร่างกายที่กำลังร้อน
ขวดที่ดื่มเสร็จแล้วให้นำไปคืนที่ตะกร้าที่อยู่หน้าตุ๊กตาแมวกวัก
ที่ให้บรรยากาศแบบย้อนยุคเต็มที่

เนื่องจากเริ่มที่จะมีคนเยอะจึงออกมาด้านนอก
แล้วก็ได้พบกับวัยรุ่นที่ยืนมองตัวอาคารที่ให้บรรยากาศของโรงอาบน้ำซึบะเมะยุ
ดูเหมือนว่าจะเป็นนักศึกษาที่มาท่องเที่ยวจากเมืองนาโกย่า
ที่ได้เข้าไปแช่น้ำตอนเช้าแล้วเพิ่งออกมา
แน่นอนว่าลูกค้าที่เป็นคนในพื้นที่ก็มีจำนวนมาก
พอถีงเวลาประมาณ 7 โมง จะมีรถจักรยานจอดอยู่หน้าร้านเต็มไปหมด

หลังจากที่ทำให้ร่างกายอบอุ่นด้วยน้ำอุ่นยามเช้า ก็เดินไปที่ร้าน "คาเฟ่ เลอแปง"
เป็นร้านที่อยู่ห่างจากโรงอาบน้ำซึบะเมะยุไม่ถึง 1 นาที
ร้านจะติดกระจก และตกแต่งด้วยดอกไม้และต้นไม้ ที่นั่งด้านนอกก็น่าสนใจ
ภายในร้านถูกตกแต่งด้วยสีชาเข้ม ให้บรรยากาศสงบผ่อนคลาย
และได้รับแสงสว่างจากที่ส่องเข้ามาผ่านกระจกบานใหญ่อย่างเป็นธรรมชาติ

ที่นั่งบริเวณเคาท์เตอร์เป็นจุดแนะนำที่สามารถนั่งดื่มชา กาแฟตอนเช้าได้
จะได้สัมผัสกับเสียงกระทบของจาน เสียงน้ำ เสียงน้ำต้มที่กำลังเดือด
ไอน้ำร้อนและกลิ่นของกาแฟที่ตลบอบอวล
เป็นบรรยากาศของครัวที่มีชีวิตชีวาที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย

ชุดอาหารเช้าสามารถสั่งได้จนถึง 11 โมง
ได้ลองสั่งชุดขนมปังครัวซ็อง สลัดผักกาดหอมและผักกาดที่สด กรอบ รสชาติอร่อย
ส่วนชุดขนมปังปิ้งทาแยมทำเองก็เป็นที่นิยมเช่นกัน

และถึงอย่างไรก็ตาม กาแฟอร่อย! และก็น่าจะเป็นอย่างนั้น
จริงๆแล้วที่นี่เป็นร้านที่คั่วเมล็ดกาแฟเอง
ที่ทางเข้าหน้าร้านจะมีเครื่องคั่วเมล็ดกาแฟขนาดใหญ่วางอยู่
สามารถมองเห็นข้างในผ่านกระจกใสได้
หน้าตาและท่าทางของมาสเตอร์ที่ทำการตรวจสอบเมล็ดกาแฟ ช่างดูเคร่งครึมจริงจัง

ทางฝั่งตรงข้างกับเครื่องคั่วเมล็ดกาแฟจะมีเมล็ดกาแฟหลากหลายชนิดวางเรียงรายอยู่
ถ้าเป็นโรงกาแฟก็คงไม่แปลกที่จะมีงานยุ่ง
การที่สามารถซื้อเมล็ดกาแฟที่วางขายอยู่ที่ร้านได้ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี

กาแฟจะถูกชงทีละแก้วอย่างพิถีพิถันจนทำให้รู้สึกอร่อยแม้แต่ไอน้ำ
เปิดเพลงแจ๊สคลอไปเบา ๆ พร้อมกับสียงลูกค้าเปิดหนังสือพิมพ์
กลิ่นของกาแฟที่เสร็จใหม่ ๆล่องลอยเข้ามา พูดได้คำเดียวว่ามีความสุข

ที่นั่งหน้าเคาท์เตอร์ส่วนใหญ่จะเป็นเก้าอี้ที่ไม่มีพนักพิง
แต่ที่นี่เป็นเก้าอี้เหมือนกับเก้าอี่ที่ใช้นั่งที่โต๊ะ
ถึงแม้จะเป็นที่นั่งหน้าเคาท์เตอร์ก็สามารถนั่งได้นาน
เก้าอี้ถูกหุ้มด้วยผ้ากำมะหยี่สีเขียวมอสที่นุ่มและให้ความสบายในการนั่ง
ทำให้เกือบจะเผลอนั่งนานไปเลยทีเดียว

ในเคาท์เตอร์จะมีชั้นวางถ้วยและจานรองที่มีรูปแบบสวยงามวางเรียงอยู่
แต่ที่ทันสมัยคือ มีดีไซน์ที่แตกต่างกันทั้งหมด! แค่นั่งมองตรงนี้อย่างเดียวก็รู้สึกเพลิดเพลิน
เมื่อออกมาจากร้านคาเฟ่ เลอแปง แล้วเดินไปอีกประมาณ 10 นาที
ก็จะถึงย่านร้าค้าอาเมะโยโกและสวนสาธารณะอุเอะโนะ
การเดินเล่นหลังจากกาแฟยามเช้าก็ดีไม่ใช่น้อย
อาบน้ำตอนเช้าที่โรงอาบและทานอาหารเช้า
ด้วยการใช้เวลาผ่อนคลายอย่างมีคุณภาพที่สุด
ก็น่าที่จะทำให้มีอารมณ์ทางสีหน้าที่แตกต่างไปจากปกติอย่างแน่นอน