HOME พื้นที่โดยรอบมหานครโตเกียว โตเกียว สถานีโตเกียว นั่ง "สกายบัส" ทัวร์โตเกียวกัน! วิธีใช้บริการอย่างละเอียดตั้งแต่จองตั๋วไปจนถึงขึ้นรถ!
นั่ง "สกายบัส" ทัวร์โตเกียวกัน! วิธีใช้บริการอย่างละเอียดตั้งแต่จองตั๋วไปจนถึงขึ้นรถ!

นั่ง "สกายบัส" ทัวร์โตเกียวกัน! วิธีใช้บริการอย่างละเอียดตั้งแต่จองตั๋วไปจนถึงขึ้นรถ!

Last updated: 29 ธ.ค. 2563

เมื่อเดินแถวเมนสตรีทในโตเกียว อาจจะเคยพบเห็นรถบัส 2 ชั้นที่หลังคาเปิด ตัวรถสีแดงสดมีตัวอักษรสีฟ้าเขียนว่า SKY ตัวใหญ่ ๆ และที่นั่งสีเหลืองที่แค่เห็นก็ดูน่าสนุกแล้ว ซึ่งตัวตนของรถบัสนี้คือรถบัสท่องเที่ยว "SKY BUS (สกายบัส)" นั่นเอง คงมีหลายคนที่คิดว่าอยากจะลองนั่งดูสักครั้งหนึ่งใช่ไหมล่ะ

ว่าแต่ สกายบัสนี่เป็นยังไงกันแน่นะ ครั้งนี้เราเลือกขึ้นรถด้วยคอร์ส "โตเกียวทาวเวอร์-เรนโบว์บริดจ์" จากหลาย ๆ คอร์สที่มีให้เลือก โดยคอร์สนี้เป็นคอร์สที่สามารถทัวร์สถานที่ดัง ๆ ของโตเกียวได้ในเวลาเพียงประมาณ 1 ชม. จะขอนำเสนอตั้งแต่วิธีจองตั๋ว ไปจนถึงแนะนำคอร์สโดยละเอียดกันเลย

ก่อนอื่นก็จองสกายบัส ตั๋วต้องมาก่อน!

1. วิธีจองตั๋วสกายบัส
การจองตั๋วสกายบัสสามารถจองได้ที่ทางเว็บไซต์หรือทางโทรศัพท์ กรณีที่จองทางเว็บไซต์ ให้กดปุ่ม "จองออนไลน์" ที่อยู่ทางมุมขวาบนของหน้าแรก จากนั้นจึงเลือกคอร์สที่ต้องการ โดยระบุวัน เวลา ชื่อ และข้อมูลสำหรับติดต่อ ทั้งนี้แม้ในเว็บไซต์จะรองรับภาษาอังกฤษ, ภาษาสเปน, ภาษาฝรั่งเศส และภาษาจีน แต่สำหรับการจองออนไลน์นั้นรองรับเฉพาะภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น

03-3215-0008 (เวลาเปิดรับจอง 9:30-18:00)

คอร์สสกายบัสโดยปกติจะมีทั้งหมด 3 คอร์ส ได้แก่ "พระราชวัง-กินซ่า-มารุโนะอุจิ", "โตเกียวทาวเวอร์-เรนโบว์บริดจ์" และ "คอร์สโอไดบะยามค่ำคืน" ซึ่งอาจจะมีคอร์สเพิ่มหรือลดไปตามแต่ช่วงฤดูกาล ดังนั้นกรุณาตรวจสอบล่วงหน้าก่อนทำการจอง

(1) พระราชวัง-กินซ่า-มารุโนะอุจิ (ประมาณ 50 นาที) ผู้ใหญ่ 1600 เยน, เด็ก 700 เยน
(2) โตเกียวทาวเวอร์-เรนโบว์บริดจ์ (ประมาณ 60 นาที) ผู้ใหญ่ 1800 เยน, เด็ก 800 เยน
(3) โอไดบะยามค่ำคืน (ประมาณ 120 นาที) ผู้ใหญ่ 2100 เยน, เด็ก 1000 เยน
*ราคาเด็ก คือราคาสำหรับเด็กประถม
(เด็กก่อนวัยเรียนหากนั่งตักสามารถขึ้นได้ฟรี แต่หากต้องการนั่งที่นั่งจะคิดราคาเด็ก)
*ราคาดังกล่าวเป็นราคาปัจจุบัน เดือนตุลาคม ปี 2019

2. ซื้อตั๋วสกายบัส
ตั๋วสกายบัสสามารถซื้อได้ที่เคาน์เตอร์ชั้น 1 อาคารมิตซูบิชิซึ่งตั้งอยู่ที่มารุโนะอุจิ กรณีที่จองออนไลน์ไว้แล้วให้ไปรับตั๋วก่อนออกเดินทาง 20 นาที โดยบอกชื่อให้เจ้าหน้าที่ออกตั๋วให้ (ถ้าไม่ไปซื้อตั๋ว ที่จองไว้จะถูกยกเลิก) ที่นั่งนั้นเป็นแบบระบุที่นั่งอัตโนมัติโดยระบุหมายเลขที่นั่งมาในตั๋ว ดังนั้นเมื่อได้ตั๋วมาแล้วก็อย่าลืมเช็คดูด้วย และถ้ามีที่นั่งว่างเหลืออยู่ในวันนั้นก็สามารถซื้อตั๋วได้ทันที ลองโทรไปสอบถามได้เลย

สำหรับการไปทิคเก็ตเคาน์เตอร์ตึกมิตซูบิชิจาก JR สถานีโตเกียวนั้น ไปได้ด้วยเส้นทางดังต่อไปนี้
ภายในสถานีโตเกียว จะมีป้ายสีเหลืองเขียนด้วยตัวอักษรสีดำว่า "มารุโนะอุจิ มินามิกุจิ (ทางออกทิศใต้ มารูโนะอุจิ)" ให้เดินตามป้ายนั้นไปเลย

ภายในสถานีโตเกียว
ภายในสถานีโตเกียว

หันหน้าเข้าหาร้านค้า "KITTE" ที่อยู่ทางซ้ายมือ ข้ามทางม้าลายไปแล้วเลี้ยวขวา จากนั้นตรงไป ก็จะพบกับร้าน Apple Store "Apple มารุโนะอุจิ" อยู่ตรงหัวมุม และถัดไปทางซ้ายมือก็คือ "ตึกมิตซูบิชิ"

หน้าร้าน KITTE
หน้าร้าน KITTE
Apple Store ที่อยู่ติดกับอาคารมิตซูบิชิ
Apple Store ที่อยู่ติดกับอาคารมิตซูบิชิ

3. คำแนะนำในการขึ้นรถ
ที่นั่งบนชั้น 2 ของสกายบัสอาจมีลมแรงบ้าง ดังนั้นควรเลี่ยงกระโปรงสั้นหรือกระโปรงบาง ๆ ที่ลมพัดเปิดได้ง่ายจะสบายใจกว่า นอกจากนี้บนรถบัสไม่มีห้องน้ำจึงน่าจะเป็นการดีกว่าถ้าไปทำธุระให้เสร็จเรียบร้อยก่อนขึ้นรถ (มีห้องน้ำด้านในตึกมิตซูบิชิ ชั้น 1 ใกล้กับจุดขึ้นรถ) สัมภาระที่มีขนาดใหญ่และเบบี้คาร์สามารถเก็บที่ชั้น 1 ได้ รถบัสมีบริการระบบแนะนำสถานที่ด้วย GPS เป็นภาษาอังกฤษ, จีน, และเกาหลี (ยกเว้นบางคอร์ส) หากต้องการใช้บริการสามารถแจ้งเพื่อรับหูฟังมาใส่ได้

เอาล่ะ ขึ้นรถแล้วไปชมสถานที่ท่องเที่ยวของโตเกียวกันเลย!

เอาล่ะ ขึ้นรถแล้วไปชมสถานที่ท่องเที่ยวของโตเกียวกันเลย!

ครั้งนี้เราเลือกไปกับคอร์ส "โตเกียวทาวเวอร์-เรนโบว์บริดจ์" ในวันธรรมดา โดยเป็นคอร์สที่วิ่งตามเส้นทางดังนี้ "หน้าตึกมิตซูบิชิ" → "พระราชวัง" → "โตเกียวทาวเวอร์" → "เรนโบว์บริดจ์" → "โทโยสุ" → "สึคิจิ" → "กินซ่า" → "ฮิบิยะ" → "มารุโนะอุจิ" ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

เราได้ไปขึ้นรถบัสรอบ 10:30 ที่จอดรออยู่หน้าอาคารมิตซูบิชิ รัดเข็มขัดแล้วก็เริ่มมองไปรอบ ๆ พบว่ารู้สึกปลอดโปร่งดีมาก ๆ เพราะสามารถมองเห็นได้กว้างไกลจากมุมสูง

พอคุณไกด์เริ่มกล่าวทักทายด้วยความร่าเริง อารมณ์สนุกสนานเวลาออกเที่ยวก็มา นั่งมองสถานีโตเกียวที่อยู่ทางด้านขวามือจนรถเลี้ยวซ้ายไปสู่ถนนเกียวโค (ถนนราชดำเนิน) แล้วก็มุ่งหน้าสู่พระราชวัง โลเคชั่นกับวิวถนนเกียวโคนี้สวยมากจนมีคู่รักหลายคู่เลือกที่นี่เป็นสถานที่ถ่ายรูปแต่งงานด้วย

เพลิดเพลินไปกับวิวต้นไม้และอาคารสิ่งปลูกสร้างแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมที่พระราชวังแล้วก็ไปสู่ถนนฮิบิยะ เลาะผ่านด้านข้างอาคารเมจิเซเม ซึ่ง "อาคารเมจิเซเม" นี้สร้างเสร็จเมื่อเดือนมีนาคมปี 1934 เป็นสิ่งปลูกสร้างสมัยโชวะแห่งแรกที่ได้รับการลงทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญ ตัวอาคารที่สง่างามพร้อมทั้งงานแกะสลักด้วยมืออันแสนวิจิตรที่ประดับตกแต่งอาคารอยู่นั้นสวยตรึงตาตรึงใจมาก สามารถไปทัศนศึกษาภายในอาคารที่รอดจากสงคราม และยังมีเอกสารที่แสดงถึงการเปลี่ยนผ่านของยุคสมัยจัดแสดงไว้อยู่ด้วย

พอผ่านพ้นอาคารเมจิเซเมไปก็จะเริ่มมองเห็น "โรงแรมเพนนินซูล่าโตเกียว" และ "โตเกียวมิดทาวน์ฮิบิยะ" โตเกียวมิดทาวน์ฮิบิยะที่เปิดตัวขึ้นในปี 2018 นั้นถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางในการเพิ่มคุณค่าทางด้านวัฒนธรรมให้กับย่านฮิบิยะ ภายในมีร้านค้าที่มาเช่าเปิดอยู่ทั้งหมด 60 ร้าน และยังมี "TOHO ซีนีม่า ฮิบิยะ" โรงหนังที่ใหญ่ที่สุดในเมืองอยู่ด้วย

ในที่สุด สิ่งที่มองเห็นอยู่ทางด้านขวามือก็คือ "โตเกียวทาวเวอร์" สัญลักษณ์ของโตเกียว ซึ่งเป็นเสาสัญญาณที่เคยสูงที่สุดในโตเกียวก่อนจะมีสกายทรีและมีบทบาทสำคัญมากมาย ทั้งความสูง 333 เมตรและความสวยสดของสีขาวแดง (ความจริงคือสีแดงเหลืองที่เรียกว่า สีอินเตอร์เนชั่นแนลออเรนจ์) ทั้งโครงสร้างที่สวยงาม และที่สำคัญคือชื่อที่ตั้งอย่างตรงตัวเป็นสิ่งที่ทำให้มีนักท่องเที่ยวมากมายแวะมาเยี่ยมชมเรื่อยมาตั้งแต่ก่อสร้างเสร็จในวันที่ 23 ธันวาคม 1958 ยอดนักท่องเที่ยวที่มาเยือนโตเกียวทาวเวอร์ในปี 2018 ทะลุถึง 180 ล้านคนเลยทีเดียว

ถึงแม้ว่าตอนนี้หน้าที่ของเสาสัญญาณจะถูกส่งต่อไปให้กับโตเกียวสกายทรีแล้ว แต่วิวที่มองจากจุดชมวิวด้านบนและแสงไฟตอนไลท์อัพ ฯลฯ ก็ยังเป็นจุดเชิญชวนให้ผู้คนนิยมมาเยือนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมไม่ต่างจากเมื่อสมัยก่อนเลย

หลังจากนั้นรถบัสก็มุ่งหน้าไปยังเรนโบว์บริดจ์ ซึ่งตอนที่รถวิ่งบนทางด่วน เนื่องจากไม่มีหลังคาคุมทำให้เสียวป้ายบอกทางที่อยู่ใกล้มาก ๆ เหมือนนั่งรถไฟเหาะเลย เพราะฉะนั้นพวกร่มกันแดดหรือสิ่งที่อาจถูกพัดปลิวได้ง่ายจึงถูกห้าม เพื่อที่จะได้สนุกเพลิดเพลินกับลมแรง ๆ ได้อย่างเต็มที่

เมื่อมาถึงสะพานเรนโบว์บริดจ์แล้ว จะเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของอ่าวโตเกียวกับเหล่าตึกสูงเสียดฟ้าที่ผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ซึ่งเป็นสถานที่ที่ใช้ถ่ายทำภาพยนตร์และละครอยู่บ่อยๆ หนึ่งในตึกเหล่านั้นมีอาคารของสถานีโทรทัศน์ฟูจิเทเรบิ ที่มีจุดชมวิวทรงกลมอันโด่งดัง เป็นสิ่งปลูกสร้างในสไตล์แอ็บสแตร็กของโอไดบะ ผลงานการออกแบบของทังเกะ เคนโซ ที่ไม่ว่าจะมองดูกี่ครั้งก็เพลินตาดี

จากเรนโบว์บริดจ์เราจะมองเห็นตลาดโทโยสุอยู่ทางด้านซ้ายมือ ตลาดโทโยสุเป็นตลาดปลาและผักผลไม้แห่งใหม่ที่เปิดตัวขึ้นในปี 2018 เนื่องจากตลาดสึคิจินั้นเก่าแก่และเสื่อมโทรมไปมาก ในตลาดมี "ห้องโถงสำหรับทัศนศึกษา" โดยเฉพาะเพื่อที่ลูกค้าทั่วไปจะได้เข้าไปจับจ่ายในตลาดได้สะดวก และยังมี "ระเบียงทัศนศึกษาชมการประมูลมากุโร่" ที่สามารถชมการประมูลแย่งมากุโร่ได้ด้วย ภาพปลามากุโร่หลากหลายขนาดที่แขวนเรียงรายถูกประมูลปล่อยออกไปเรื่อย ๆ นั้นน่าทึ่งมาก หากมีโอกาสก็ลองแวะไปดูกันได้

เลยปลายตลาดโทโยสุไปจะสามารถเห็นสเตเดี้ยมและหมู่บ้านนักกีฬาที่กำลังก่อสร้างเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับโตเกียวโอลิมปิกปี 2020

หลังจากนั้นเมื่อข้ามผ่านสะพาน "คาจิโดกิ" ซึ่งเป็นสะพานข้ามแม่น้ำซูมิดะที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญในฐานะสะพาน "โจไคเคียว (สะพานเปิดได้)" ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ก็จะพบกับสถานที่ที่เมื่อก่อนเป็นด้านในตลาดสึคิจิ ซึ่งที่บริเวณนี้มีกำหนดจะทำเป็นถนนและลานจอดรถ แต่ทางด้านนอกตลาดยังคงมีร้านค้าเปิดตัวอยู่เยอะ ซึ่งยังคงมีลูกค้าเยอะมาก และช่วงเวลาแนะนำสำหรับไปเยือนตลาดนอกพื้นที่คือช่วง 9 โมงถึงประมาณบ่าย 2

หลังจากนั้นรถบัสก็มุ่งหน้าสู่กินซ่า สิ่งที่เห็นเป็นอย่างแรกทางด้านขวามือคือโรงละครคาบูกิสะ คาบูกิสะเปิดขึ้นเมื่อปีเมจิที่ 22 และได้รับการปรับปรุงหลายครั้ง ซึ่งปัจจุบันนี้เป็นอาคารรุ่นที่ 5 (ออกแบบโดยคุมะ เคนโกะ) อาคารที่สืบทอดสถาปัตยกรรมชายหลังคาแบบที่เรียกว่าคาระ ที่สวยงามน่าประทับใจนั้นกลายเป็นแลนด์มาร์คที่สวยงามที่ขาดไม่ได้ของย่านนี้ไปแล้ว ด้านหลังโรงละครมีหอคอยคาบูกิสะทาวเวอร์ ซึ่งที่บนชั้น 5 มี "แกลลอรี่คาบูกิสะ" ซึ่งจัดแสดงเครื่องแต่งกายและอุปกรณ์ประกอบฉาก และบางทีก็มีจัดอีเว้นท์ด้วย

ในที่สุดก็มาถึงกินซ่าย่งโจเมะ เรากำลังอยู่กึ่งกลางกินซ่าซึ่งเป็นย่านที่สวยงามที่สุดย่านหนึ่งในญี่ปุ่น มีทั้งอาคาร วาโคฮงคัง และร้านแบรนด์ไฮเอนด์ระดับโลกอย่าง Longchamp, Giorgio Armani, HERMES ฯลฯ เป็นสีสันแบบกินซ่ามากๆ วิวอันหรูหราของถนนใหญ่ที่เต็มไปด้วยร้านแฟล็กชิพสโตร์ที่มองจากบนชั้น 2 ของรถบัสเช่นนี้ คงหาดูที่ไหนไม่ได้อีกแล้วนอกจากบนสกายบัสเท่านั้น

เมื่อข้ามผ่านสี่แยกสึกิยะบาชิ โดยที่มองดูกินซ่าโซนี่ปาร์ค(Ginza Sony Park)และโตคิวพลาซ่ากินซ่า ที่อยู่ทางซ้ายมือไปด้วย บัสก็จะลอดใต้สะพาน ซึ่งเราก็จะรู้สึกเสียวอีกครั้งจนคิดในใจว่า "จะชนมั้ย?" แล้วก็เผลอหดคอหลบโดยไม่รู้ตัว

มุ่งสู่ปลายทางอย่างช้า ๆ กลับมาถึงมารุโนะอุจิอีกครั้ง ที่มารุโนะอุจินี้ก็มีอาคารอิฐสวย ๆ มากมายเรียงรายอยู่เช่นเดียวกับที่สถานีโตเกียว นึกไม่ถึงเลยว่าทัวร์รสบัสแค่ 1 ชั่วโมงจะทำให้รู้สึกฟินได้มากขนาดนี้

  • Marunouchi Naka-Dori Street
    • Address Around Marunouchi, Chiyoda-ku, Tokyo 2-3 chome, 100-0005
      View Map
    • Nearest Station Tokyo Station (Tokaido Shinkansen Line / Hokkaido Shinkansen Line / Tohoku Shinkansen Line / Akita Shinkansen Line / Yamagata Shinkansen Line / Joetsu Shinkansen Line / Hokuriku Shinkansen Line / JR Tokaido Main Line / JR Yokosuka Line / JR Sobu Main Line / JR Sobu Main Line (Rapid) / JR Keihin-Tohoku Line / JR Yamanote Line / JR Chuo Main Line / JR Keiyo Line / JR Ueno Tokyo Line / Tokyo Metro Marunouchi Line)
      1 minute on foot

เที่ยวสถานที่สำคัญในโตเกียวได้ในเวลาสั้น ๆ ด้วยสกายบัส เป็นทางเลือกที่สะดวกสบายและสนุกเหมาะสำหรับคนที่กำลังสับสนไม่รู้ว่าจะไปเที่ยวตรงไหนดี หรือคนที่อยากจะไปเที่ยวชมหลาย ๆ จุดแบบรวดเร็ว ถ้ามีเวลาว่างอยู่แถว ๆ มารุโนะอุจิประมาณ 1 ชมแล้วล่ะก็ลองไปนั่งดูก็ไม่เลวทีเดียว

  • เคาน์เตอร์ตั๋ว สกายบัสโตเกียว
    スカイバス東京チケットカウンター
    • Address ชั้น 1 อาคารมิตซูบิชิ 2-5-2 มารุโนะอุจิ, เขตจิโยดะ, โตเกียว
    • Nearest Station เดินเท้าประมาณ 3 นาทีจากทางออกมารุโนะอุจิใต้ ของสถานีโตเกียว
    • Phone Number 03-3215-0008
    • เวลาเปิดปิด : 9:00-18:00

*This information is from the time of this article's publication.
*Prices and options mentioned are subject to change.
*Unless stated otherwise, all prices include tax.

แชร์บทความนี้

 
บทความใหม่
ค้นหา