โซนสถานีชินจูกุฝั่งประตูตะวันออกเคยได้ชื่อว่าเป็นแหล่งรวมราเม็งของชินจุกู ในทางกลับกัน
ทางฝั่งประตูตะวันตกมีเพียงแค่ร้านชื่อดัง 2 ร้านคือ “Manrai” และ “Wakatsuki” ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆ
กับตัวสถานี แต่สิ่งที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นก็คือ ร้านราเม็งเจ้าจากเขตอาโอยามะ
“Menya-Musashi” ได้มาเปิดสาขาใหม่เมื่อปี 1998 เนื่องจากเป็นร้านที่ต้องต่อคิวนานทำให้
ถูกแนะนำผ่านรายการทีวีหลายต่อหลายครั้ง แถมบริเวณรอบๆก็เริ่มมีร้านราเม็งมาเปิดร้าน
มากมาย จนถนน “Otakibashi-douri” กลายเป็นที่รู้จักในชื่อ “สนามรบของร้านเราเม็ง”

ในปี 2000 ร้านราเม็งเจ้าเด็ดได้เริ่มถือกำเนิดขึ้นมาในย่านนี้มากมาย ทั้งร้าน “Nagi” ที่สร้างชื่อด้วย
นิโบชิราเม็ง (ราเม็งที่ใช้น้ำซุปที่ได้จากการต้มจากปลาตากแห้งมากกว่า 20 ชนิด) ร้านราเม็งรสแซ่บ
“Nakamoto” ร้านราเม็งชื่อดังจากฮอกไกโด “Furaikyo” และร้านที่เน้นใช้วัถุดิบจากทะเลอย่าง
“Mochimochi no ki” และ “Kobushi” และไม่ใช่แค่ราเม็งเท่านั้นที่ว่าเด็ด ยังมีร้านซึเคะเม็งเจ้าเด็ด
เปิดอยู่มากมาย เรียกได้ว่าเป็นเอกลักษณ์อย่างนึงของย่านนี้เลยทีเดียว ถ้าพูดถึงซึเคะเม็งแล้วล่ะก็
สุดยอดร้านซึเคะเม็งที่ทำให้ “ซึเคะเม็งบูม” เกิดขึ้นในญี่ปุ่นอย่างร้าน “Yasube-e” สาขาแรก
ก็อยู่ในย่านนี้เหมือนกัน และจากทั้งหมดทั้งปวงที่ว่ามานี้ เราขอแนะนำ 3 สุดยอดร้านราเม็งจาก
สมรภูมิอันดุเดือด ที่แม้แต่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติยังต้องยอมมาต่อแถวเพื่อรอชิม

“Menya-Musashi” หนึ่งในร้านราเม็งที่ทำให้ราเม็งของญี่ปุ่นเกิดการเปลี่ยนแปลงร้านนี้
ได้ถือกำเนิดขึ้นที่อาโอยามะในปี 1996 ด้วยนโยบาย “ความแปลกใหม่และคุณภาพที่ดี”
ทำให้ที่ร้านมักมีเมนูพิเศษใหม่ๆที่จะขายแค่เฉพาะตามช่วงฤดูกาลออกมาเสมอ ที่เด็ด
ไปกว่านั้นคือ สาขาทั้งหมดในโตเกียวทั้ง 14 สาขา ต่างก็มีเมนูราเม็งและซึเคะเม็งในแบบ
ที่ตัวเองถนัดเฉพาะสำหรับสาขานั้นๆ ร้าน “Menya-Musashi” ยังมีสาขาในต่างประเทศด้วยนะ

“Fu-unji” ได้เปิดตัวขึ้นในปี 2007 ในขณะนั้น ร้านราเม็งที่ขาย “Tori Paitan” (ซุปกระดูกไก่)
ยังมีไม่กี่แห่ง ทำให้ร้านได้รับความนิยมและมีแถวยาวเหยียดแทบทุกวัน น้ำซุปของร้านได้จาก
การเคี่ยว ไก่ทั้งตัว กระดูไก่ สาหร่อยคอมบุ คัตสึโอะบุชิ ปลาอุรุอิวาชิตากแห้ง ฯลฯ เป็นเวลา
1 วันเต็มๆ เพื่อให้ได้น้ำซุปรสชาติกลมกล่อม นุ่มลึก ที่ไม่มีใครเหมือน

ราเม็งในรูป (ไข่ต้มปรุงรสต้องสั่งแยกต่างหาก) มาพร้อมกับน้ำซุป Tori Paitan ที่จะแผ่ซ่าน
ความอร่อยไปทั่วปาก ยิ่งซดยิ่งอร่อย และไข่แดงยางมะตูมของไข่ต้มปรุงรสที่รสชาติจะยิ่ง
ทวีคูณเมื่อได้ดูดซึมน้ำซุปเข้าไป และเมนู E-seiซึเคะเม็ง (ซึเคะเม็งพิเศษ เพิ่มไข่ หมูชาชู
ต้นหอม สาหร่าย และหน่อไม้ดองเมนมะ) ที่มาพร้อมน้ำซุปรสเด็ดที่เพิ่มความเข้มข้นด้วย
ผงปลาป่นที่จะมาทำให้รสชาติในทุกๆคำเปลี่ยนไป กินยังไงก็ไม่เบื่อ และเส้นขนาดกลาง
เหนียวหนุบหนับเคี้ยวเพลิน ที่ไม่ว่าจะเป็น “ราเม็ง” หรือ “ซึเคะเม็ง” ก็เข้ากันได้แบบสุดๆ

“Tatsunoya” ได้เปิดร้านแรกขึ้นที่เมือง “คุรุเมะ (Kurume)” และมาเปิดสาขาที่ถนน “Otakibashi-douri”
ในปี 2009 เป็นร้านโด่งดังมาจากน้ำซุปกระดูกหมุรสชาติเข้มข้นที่ได้จากการเคี่ยวหัวหมูและกระดูกหมู
เท่านั้น
ในรูปคือเมนู “โคคุมิราเม็ง” ราเม็งที่มาพร้อมกับน้ำซุปกระดูกหมูรสเข้ม ที่เมื่อกินเส้นแล้วจะทำให้
“Kou-yu (น้ำมันหอม)” และพริกกระจายไปทั่วน้ำซุป ทำให้สามารถเพลิดเพลินไปกับน้ำซุปรสเข้ม
ได้โดยไม่เลี่ยน แต่ที่เด็ดไปกว่านั้นคือเมนู “ซึเคะเม็งโมะซึ” ที่ได้รับความนิยมแบบสุดๆจนแซงหน้า
ราเม็งไปแล้ว และมีขายแค่เฉพาะสาขาในโตเกียวเท่านั้น ด้วยน้ำซุปกระดูกหมูรสเข้ม แต่งกลิ่นด้วยโชยุ
จนจอมน่ากิน บวกกับไส้ย่างที่ย่างสุกกำลังดี เสริฟพร้อมกับเส้นขนาดกลาง แถมถ้ากินเส้นหมดแล้ว
ยังมีบริการทำ “วาริคายุ (Warigayu) หรือข้าวต้มจากน้ำซุปที่เหลือให้อีกด้วย

การเดินทางที่สะดวกของชินจูกกุทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเที่ยวโตเกียวต่างก็พากันมาที่ย่านนี้
แถมร้านราเม็งทั้งร้านดังและร้านใหม่ต่างก็พากันมาเปิดร้านที่นี่ จนทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ
บางส่วนเดินทางมาที่ชินจูกุเพื่อชิมราเม็งโดยเฉพาะ ถ้ามีโอกาสแล้วล่ะก็ ต้องไม่พลาดที่จะไปชิม
ร้านที่เราได้นำมาแนะนำในครั้งนี้ แล้วคุณจะได้สัมผัสถึงความลึกซึ้งของราเม็งญี่ปุ่น

Written by:
山本剛志（YAMAMOTO Takeshi）

เกิดในปี 1969 ในปัจจุบันได้เป็นนักวิจารณ์ราเม็งที่ได้เดินทางไปชิมและเรียนรู้ราเม็งทั่วเกาะญี่ปุ่น
และยังได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับราเม็งผ่านทาง เวป mrgazine “Ramaga” บล็อค “Ramania Kyowakoku”
และนิตยสาร “Mecicolle” รวมถึงพยายามผลักดันให้ราเม็งกลายเป็นการศึกษาในด้านวิชาการ