อนิเมชั่นเรื่องนี้เริ่มเรื่องจากทาคิหนุ่มมัธยมปลายผู้อาศัยในเมืองหลวง กับมิซึฮะสาวมัธยมปลายที่อาศัยในหุบเขาชนบท ได้สลับร่างกันในเช้าวันหนึ่งทั้งที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน วิวทิวทัศน์ซึ่งมีอยู่จริงที่เป็นต้นแบบของผลงาน เช่น โตเกียว และอำเภอฮิดะ จังหวัดกิฟุ ได้ถูกวาดออกมาอย่างสวยงามสมจริง ถือเป็นหนึ่งในจุดขายของเรื่องนี้
นอกจากนั้นศาลเจ้าต้นแบบที่ในเรื่องไม่แจ้งชื่อซึ่งตั้งอยู่ในเมืองโตเกียวก็ยังมีผู้คนไปอย่างล้นหลาม ทำให้การท่องเที่ยวเล็กๆตามรอยสถานที่ในภาพยนตร์กำลังบูมมากในตอนนี้

สะพานลอยที่ปรากฏหลายต่อหลายครั้งในภาพยนตร์แห่งนี้ ตั้งอยู่ถัดไปด้านซ้ายของสถานี JR ชินาโนะมาจิ ที่นี่เป็นสถานที่ที่ ทาคิกับรุ่นพี่โอคุเดระแยกกันหลังเดท รวมทั้งอยู่ในฉากตอนที่ที่มิซึฮะมาโตเกียวแล้วพยายามโทรหาทาคิ ถนนบริเวณรอบๆ ซึ่งมีต้นแปะก๊วยเรียงตัวกัน ดูผ่อนคลายราวกับไม่ใช่เมืองหลวง เหมาะกับการเดินเล่นอย่างมาก

สิ่งที่ปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัดในวิวโตเกียวในภาพยนต์คืออาคารที่มีลักษณะเฉพาะตัว ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่โดยมีพระอาทิตย์ยามเช้าเป็นแบล็กกราวด์ อาคารที่ทุกคนเรียกกันว่า โดโคโมะทาวเวอร์แห่งนี้ คือตึกที่ NTT docomo หนึ่งในบริษัทโทรศัพท์รายสำคัญในญี่ปุ่นสร้างขึ้น มีความสูงเป็นอันดับที่ 4 ในโตเกียวเลยทีเดียว
นอกจากนั้นถึงแม้ตัวตึกนี้จะตั้งอยู่ใกล้ๆ กับสถานีโยโยงิ แต่ฉากในภาพยนตร์ คือวิวที่เมื่อออกจากสถานี JR ชินาโนะมาจิแล้ว ขึ้นสะพานลอยที่อยู่ตรงหน้าและมองไปทางขวามือ ซึ่งเมื่อดูภาพ คุณจะเห็นว่า ทั้งตึกรอบๆ ทั้งป้ายถนน ทั้งต้นไม้ริมทางวาดออกมาได้เหมือนของจริงอย่างไม่มีที่ติ เมื่อเห็นแล้วความประทับใจที่ได้ดูภาพยนต์ต้องย้อนกลับมาอีกครั้งอย่างแน่นอน

อาคารซึ่งเป็นฉากหลังในฉากกลับบ้านของพวกทาคิ คือ “หอศิลป์เซโตคุคิเนง”ซึ่งตั้งอยู่บริเวณจินกูไกเองใกล้ๆ กับสถานีJRชินาโนะมาจิ สำหรับหอศิลป์แห่งนี้ตัวอาคารเองก็ถือว่าเป็นศิลปะทางวัฒนธรรมสำคัญแห่งชาติ ภายในหอศิลป์จัดแสดงภาพฝาพนังแสนล้ำค่าซึ่งแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงยุคสมัยใหม่ของญี่ปุ่นตั้งแต่ปลายเอโดะจนถึงสมัยเมจิ ภาพฝาพนังนี้เป็นช่วงสมัยที่เครื่องแต่งกายของคนญี่ปุ่นเปลี่ยนจากกิโมโนมาเป็นชุดแบบตะวันตก การผสมผสานกันของวัฒนธรรมตะวันตกกับวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่นน่าสนใจอย่างมาก มีค่าคู่ควรแก่ผู้สนใจใฝ่รู้เรื่องญี่ปุ่นในสมัยก่อน
เปิดบริการ 9:00-17:0 (เข้าได้ถึง 16:30)
ช่วงปีใหม่(30 ธ.ค.-2 ม.ค) 10:00-17:00 (เข้าได้ถึง16:30)
ค่าเข้า　500 เยน (สำหรับการดูแลหอศิลป์)
วันหยุด(ไม่กำหนดแน่นอน)

เอาล่ะ เดินจนเหนื่อยท้องคงหิวกันแล้ว ลองแวะมาที่ “พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติ”กันดูหน่อยมั้ย ที่นี่คือสถานที่ที่ทาคิมาเดทกับรุ่นพี่โอคุเดระสาวที่แอบปลื้มในที่ทำงานพิเศษ ทั้งสองคนทานข้าวกันที่ “Salon de The ROND”ซึ่งตั้งอยู่บนชั้น2 คาเฟ่ที่ดูเตะตาบนกรวยลอยอยู่กลางอากาศแห่งนี้ มีของหวานชั้นเลิศยอดฮิต อย่าง เค้ก และมาการอง แถมที่นี่ยังมีเมนูพิเศษที่เปลี่ยนไปตามหัวข้อของนิทรรศการที่จัดภายในพิพิธภัณฑ์อีกด้วย นอกจากนั้น ภายในอาคารยังมีร้านขายของที่ระลึกที่เข้าได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งหากกำลังหาของฝาก ที่นี่ก็มีสินค้าหัตถกรรมของญี่ปุ่นจากศิลปินยุคปัจจุบันอยู่ด้วย
เวลาทำการ 10:00 – 18:00 (เข้าได้ถึง17:30)
วันศุกร์ 11:00-20:00 (เข้าได้ถึง 19:30)
วันปิดทำการ วันอังคาร (หากเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์หรือวันหยุดชดเชย จะเปิดทำการ) วันหยุดปีใหม่

Salon de The ROND11:00- 18:00 (สั่งได้ถึง17:30)
วันศุกร์ 11: 00-19:00 (สั่งได้ถึง 18:30)
วันหยุด : ทุกวันอังคาร

ภาพยนตร์เปรียบเทียบระหว่างเมืองชนบทของอำเภอฮิดะ ที่เวลาไหลอย่างเชื่องช้า กับโตเกียวอันเร่งรีบด้วยการบรรเลงเพลงไปพร้อมๆกับแสดงภาพวิวทิวทัศน์ต่างๆ ซึ่งถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของผลงานชิ้นนี้ ซึ่งหนึ่งในนั้น ฉากที่ปรากฏในเพลง “zenzenzenze” ที่RADWIMPS ร้องก็ได้รับความชื่นชอบจากแฟนๆอย่างมาก ในวิวทิวทัศน์เมืองใหญ่ซึ่งปรากฏออกมาในฉากที่ว่านี้ มีอยู่ฉากนึงที่ดึงดูดสายตาเป็นอย่างมากคือ สี่แยกด้านหลังของสำนักงานตำรวจชินจุกุ สัญญานไฟจราจรหลายต่อหลายอันที่ติดเรียงกันบนคานวงกลม เป็นรูปร่างที่แสดงถึงความเป็นญี่ปุ่นยุคปัจจุบันได้อย่างชัดเจน แถม บริเวณรอบๆ ยังมีตึกสูงที่มีรูปร่างเฉพาะตัวดูทันใหม่อีกมากมาย เช่น อาคารสำนักงานบริหารมหานครโตเกียว ดังนั้นผู้ที่มีความสนใจด้านสิ่งก่อสร้างจึงไม่ควรพลาด

หากพูดถึงฉากที่ดูเป็นโตเกียวยุคปัจจุบันที่ปรากฏในภาพยนตร์ ต้องที่นี่ ทิวทัศน์ถนนในเมืองใหญ่ที่ตั้งอยู่ในย่านชินจุกุ สถานที่แห่งนี้ จะพบเมื่อออกจากทางออกตะวันออกของสถานีชินจุกุ มุ่งหน้าต่อไปทางคาบุกิโจเมืองแห่งแสงสีที่มีชื่อเสียงระดับโลก และเดินเรียบไปตามถนนยาสุคุนิซึ่งอยู่ก่อนเข้าคาบุกิโจ คุณจะรู้ความเคลื่อนไหวของญี่ปุ่นได้จากสกรีนขนาดใหญ่ 3 ด้านแห่งนี้ ซึ่งจะฉายทั้งมิวสิควิดีโอเพลงใหม่ล่าสุด ข่าว และโฆษณา อยู่ตลอดเวลา หากอยากเห็นมุมเดียวกับภาพยนตร์ ลองมองขึ้นจากด้านหน้าสถานีเซบุชินจุกุซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าของอุโมงค์(เขตแดนกั้นระหว่างทิศตะวันตกและทิศตะวันออกของชินจุกุ)กันดู

Writer: Sumiko Kodama