อีเวนท์งานศิลปะนานาชาติ “Design Festa”นั้น เริ่มต้นเมื่อปี 1994 โดยมีจุดประสงค์ต้องการจัดสรรพื้นที่โชว์ผลงานให้แก่ศิลปิน มีนโยบายตั้งแต่เริ่มว่า ให้เป็นพื้นที่ที่ศิลปินสามารถขายผลงานทางศิลปะ รวมถึงจัดแสดงผลงานได้โดยไม่ต้องเสียค่าคอมมิชชั่น ไม่ว่าจะเป็นงานอีเวนท์ งานจัดแสดงภาพ ที่นี่ก็เปิดรับศิลปะทุกแขนง ทุกศาสตร์ ไม่จำกัดชาติหรืออายุ และมีนิทรรศการแสดงผลงานศิลปะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปตามศิลปินต่างประสบการณ์ ดังนั้น สำหรับผู้เช้ามาชมผลงาน มาเมื่อไหร่ก็ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ เสมอ

“Design Festa Gallery”แบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ ตึก EAST และตึก WEST ที่นี่ไม่ได้มีแค่จิตกรรมฝาผนังเท่านั้น ภายในอาคารยังเปิดเป็นพื้นที่จัดแสดง ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของ Gallery แห่งนี้ ทางด้านตึก WEST ปกคลุมไปด้วยท่อเหล็กสีดำ ที่ผนังด้านนอกของชั้น 2 สามารถชมโปรเจคศิลปะลายฉลุ (Stencil art project) ที่กำลังอยู่ในระหว่างจัดทำได้ ทางเชื่อมระหว่าง 2 ตึกนี้ตกแต่งด้วยภาพเพนท์ติ้งของศิลปินชาวไทย เป็นพื้นที่นำแฟชั่น เข้ากันกับฮาราจูกุเป็นอย่างยิ่ง

ฉันคิดว่าเสน่ห์ของ “Design Festa Gallery”นั้นอยู่ตรงที่บรรยากาศสบายๆ นี่แหละค่ะ ห้องจัดแสดงส่วนมาก ก็เป็นพื้นที่เล็กๆ สำหรับศิลปิน 1 – 2 คน ซึ่งผู้ชมก็สามารถใกล้ชิดผลงานได้ ผลงานจากคุณชินยะ นิชิกาตะนั้น มีลักษณะเด่นอยู่ตรงการใช้สีสดใส ทั้งภาพวาดและงานอ็อปเจคอื่นๆ ชวนให้นึกถึงลายสเกตบอร์ดของอเมริกาบ้านเกิดฉันเลยล่ะค่ะ

โดยมากที่ Design Festa Gallery จะมีศิลปินยืนอยู่บริเวณพื้นที่จัดแสดงด้วยค่ะ ฉันเองก็มีโอกาสได้พบกับศิลปินหลายๆ ท่านในครั้งนี้ด้วย
หนึ่งในนั้นก็คือคุณ ชีโกะ (C-ko) ที่นอกจากจะนำผลงานศิลปะหลากหลายชนิดมาโชว์แล้ว ยังเป็นนางแบบสวมชุดแฟชั่นแบบโลลิต้าด้วยล่ะค่ะ

ที่งานจัดแสดง “Happy Colors Market” เธอก็นำของกระจุกกระจิก เสื้อผ้าและเครื่องประดับที่เธอออกแบบเองมาจัดแสดงและวางจำหน่ายด้วย วันนี้เธอสวมชุดเดรสลายจุด เธอบอกกับฉันว่า “ดีใจมากๆ ที่ได้เจอลูกค้าทั้งญี่ปุ่น และต่างชาติที่แกลลอรี่แห่งนี้” กุ้งเครย์ฟิชที่เธอออกแบบให้เป็นรูปตัว C นั้นก็สื่อถึงชื่ออันเป็นเอกลักษณ์ของเธอ ตัวจริงของคุณชีโกะสดใสร่าเริงเหมือนผลงานของเธอเลยล่ะค่ะ

อีกนิทรรศการหนึ่งที่ฉันรู้สึกว่า เป็นอะไรที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากๆ เลยก็คือ “Makyaberi meets CAT x Instagram” โดยคุณนัตสึกิ ฮามามูระ เธอจัดแสดงภาพถ่ายของเจ้าแมว “มาเคียเบอร์รี่” ที่เธอเลี้ยงไว้ นอกจากงานแสดงภาพถ่ายแล้ว ยังจัดจำหน่ายเครื่องเล่นแมว หนังสือ “Nyanstagram” ที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างคำว่า “Neko” และ “instagram” ไว้ด้วยกัน
ฉันชอบโปสเตอร์แนวล้อเลียนแบบนี้มากเลย แต่ว่าเจ้ามาเคียเบอร์รี่คงจะชอบเต้นท์แมวสุดพิเศษที่วางอยู่ตรงมุมห้องมากที่สุดล่ะนะ!

ที่ Design Festa Gallery ฉันรู้สึกเหมือนหลงอยู่ในวังวนของศิลปะเลยล่ะค่ะ ศิลปะหลากสไตล์มีอยู่ทุกที่เลยจริงๆ แม้แต่ในห้องน้ำ ฉันก็รู้สึกชอบดีไซด์ของผนังตรงบันไดที่เล่นสีขาวกับสีดำออกมาได้อย่างซับซ้อนมากๆ เลย

ฉันได้ขึ้นไปดูที่ชั้น 3 ด้วยล่ะค่ะ ผนังของชั้นนี้ก็แต่งแต้มไปด้วยจิตกรรมฝาผนังเช่นกัน ที่นี่ปกติใช้เป็นห้องรับรองแขก แต่ว่าบางครั้งก็ใช้เป็นที่สำหรับจัดงานอีเวนท์ต่างๆด้วย ก่อนหน้านี้ก็ใช้เป็นสถานที่แสดงไลฟ์สดของเว็บไซต์“Niconico Douga” ซึ่งที่ชั้น 3 หรือที่แกลลอรี่แห่งนี้ หากใครโชคดีก็จะมีโอกาสได้ชมการแสดงต่างๆ อย่างเช่นแฟชั่นโชว์ด้วยนะ
ส่วนชั้น 1 ของ Art space มีของกระจุกกระจิกวางเรียงรายมากมาย เห็นแล้วอยากได้กลับเป็นไปของฝากมากๆ ซึ่งค่าใช้จ่ายสำหรับพื้นที่นี้ สนนราคาอยู่เพียงแค่ 540 เยน/1 วันเองค่ะ

หลังจากที่เยี่ยมชม Gallery อย่างจุใจแล้ว ก็สามารถรับประทานอาหารได้ที่นี่เช่นกัน ที่ร้าน “Design Festa Food & Café” (แนะนำให้ลองวานิลลากับอโวคาโดปั่นล่ะ!) หรือไม่ก็ร้าน “Sakura Tei” โอโคโนมิยากิ

ที่ Design Festa Gallery แห่งนี้ ในแต่ละวันจะมีผู้มาเยือนมากกว่า 100 คนต่อวันเลยทีเดียว (ซึ่ง 30% เป็นชาวต่างชาติ) แต่ละท่านก็คงอยากจะมาชมผลงานศิลปะสุดครีเอทที่ส่งตรงจากโตเกียว ที่นี่เป็นแกลลอรี่ที่มีความหลากหลายของงาน และบรรยากาศโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ตั้งแต่ไปแกลลอรี่หลายๆแห่งมา ฉันว่าที่นี่เป็นที่ที่ไม่เหมือนใครเลยจริงๆ ตื่นเต้นมากๆ ว่ามาครั้งหน้าจะได้พบกันงานแบบไหน ใครที่ชอบงานศิลปะหรือใครที่อยากสัมผัสกับวัฒนธรรมแบบฮาราจูกุของจริงล่ะก็ต้องลองมาสักครั้งให้ได้นะคะ!