“Yokohama Landmark Tower” เป็นตึกซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองโยโกฮาม่า มีทั้งหมด 70 ชั้น สูง 296 เมตร เป็นอาคารอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ที่มีทั้งศูนย์การค้า, โรงแรม และสำนักงานต่างๆ อยู่ด้านใน นอกจากนี้ศูนย์การค้า “Landmark Plaza” ที่อยู่ติดกันยังมีสินค้าเฉพาะด้านกว่า 170 ร้าน เหมาะอย่างมากแก่การชอปปิง นอกจากนี้ที่อยู่ติดกันก็จะมี "Dockyard Garden" อู่ซ่อมเรือสินค้าที่สร้างจากหิน ซึ่งเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมของชาติ สามารถไปเที่ยวชมดูใกล้ๆ ได้เลย

ชั้น 69 เป็นชั้นชมวิวที่ชื่อว่า “Sky Garden” สามารถชมวิวได้แบบพาโนราม่า 360 องศา ในวันที่อากาศดีสามารถมองเห็นโตเกียวทาวเวอร์, โตเกียวสกายทรี หรือวิวอันกว้างใหญ่อย่างคาบสมุทรโบโซ, คาบสมุทรอิซุ หรือภูเขาไฟฟูจิได้อีกด้วย ในตอนกลางคืนมีย่านท่าเรือ Minato Mirai ที่ส่องประกายระยิบระยับ สามารถชมวิวยามค่ำคืนที่มีเรือสำราญแล่นไปมาได้ การที่สามารถชื่นชมทิวทัศน์ที่ต่างกันไปในแต่ละเวลาได้เช่นนี้ เป็นเสน่ห์ที่ได้มาจากความสูงถึง 273 เมตรนี้นั่นเอง

“CUPNOODLES MUSEUM YOKOHAMA” เป็นพิพิธภัณฑ์ด้านอาหารที่มีการจัดแสดงประวัติของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และยังสามารถสัมผัสประสบการณ์สร้างบะหมี่ถ้วยที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลกด้วยตนเองได้ด้วย โดยปัจจุบันพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในโยโกฮาม่าไปแล้ว

ที่ชั้น 2 มี “Instant Noodles History Cube” ที่มีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตั้งแต่ยุคเริ่มแรกอย่าง “ราเม็งไก่” และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในแพ็คเกจต่างๆ กว่า 3,000 แบบเรียงรายเอาไว้ให้ได้ชมกันอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ

ที่ “My CUPNOODLES Factory” สามารถสร้างออริจินอล “CUP NOODLE” ที่มีเพียงถ้วยเดียวในโลกเป็นของตนเองได้ โดยก่อนอื่นต้องซื้อถ้วยเปล่าราคา 300 เยน (รวมภาษีแล้ว) ที่เครื่องขายอัตโนมัติ จากนั้นออกแบบลายของถ้วย แล้วเลือกซุปที่ชอบจากน้ำซุปทั้ง 4 ชนิดที่มีให้ จากนั้นเลือกท็อปปิ้ง 4 อย่างวัตถุดิบทั้งหมด 12 ชนิด โดยรวมแล้วสามารถผสมออกมาได้มากถึง 5,460 แบบเลยทีเดียว! จะใส่เฉพาะของที่ตนเองชอบ หรือจะจับคู่แบบแปลกๆ เพื่อค้นพบรสชาติใหม่ๆ ก็ทำได้ สนุกได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยขั้นตอนทั้งหมดจะใช้เวลาประมาณ 45 นาที

นอกจากนี้ยังมีเครื่องเล่นและการจัดแสดงมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “โรงงานราเม็งไก่” ที่สามารถทำราเม็งไก่ทำมือได้, ซอฟต์ครีมรสบะหมี่ถ้วย, “NOODLES BAZAAR -WORLD NOODLES ROAD-” ที่สามารถทานอาหารประเภทเส้นจากที่ต่างๆ ทั่วโลกได้ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่นอกจากเด็กๆ แล้ว ผู้ใหญ่และชาวต่างชาติยังร่วมสนุกได้อีกด้วยค่ะ

“Yokohama Red Brick Warehouse” (โกดังอิฐแดงโยโกฮาม่า) แต่เดิมสร้างขึ้นเพื่อเป็นต้นแบบโกดังเก็บของของทางการ สร้างจากอิฐสีแดง และเป็นสิ่งก่อสร้างสำคัญทางประวัติศาสตร์ อาคารอิฐที่สวยงามและดึงดูดตาแห่งนี้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของโยโกฮาม่า อาคารหมายเลข 2 นั้น สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสเปิดท่าเรือโยโกฮาม่าในปี 1911 ส่วนอาคารหมายเลข 1 นั้นสร้างขึ้นในปี 1913

ปัจจุบันที่แห่งนี้เริ่มมีร้านค้าเล็กๆ มาเปิด โดยยังคงหลงเหลือเค้าโครงในอดีตเอาไว้ แต่ละฤดูกาลก็จะมีการจัดกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ โดยสถานที่จัดงานของอาคารหมายเลข 1 ซึ่งเป็นพื้นที่อเนกประสงค์การจัดการแสดง, คอนเสิร์ต หรือการเต้นรำต่างๆ ตลอดทั้งปี ส่วนอาคารหมายเลข 2 มีร้านอาหาร, ร้านกาแฟ และร้านขายของจิปาถะต่างๆ ให้ได้เลือกซื้อกันได้อย่างสนุกสนาน

อีกทั้งยังเป็นตำแหน่งที่หันหน้าเข้าหาทะเล สามารถมองเห็นภาพรวมของ Yokohama Bay Bridge และสะพาน Osanbashi ได้อีกด้วย บริเวณรอบๆ มีสวนสาธารณะให้สามารถพักผ่อนหย่อนใจได้ ตอนกลางคืนก็มีการเปิดแสงไฟให้โกดังอิฐแดง เห็นเป็นแสงสีส้มสวยงาม ให้บรรยากาศราวกับโลกแห่งความฝัน แตกต่างไปจากตอนกลางวัน บริเวณนี้จึงสามารถสนุกได้ทั้งวันทั้งกลางวันและกลางคืน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะอย่างยิ่งที่จะมาสร้างความทรงจำที่ดีกับครอบครัวหรือคนสำคัญของคุณค่ะ

“Haikara Yokocho” เป็นร้านที่สร้างขึ้นมาเลียนแบบย่านการค้าของเมืองเก่าญี่ปุ่นในช่วงค.ศ.1950-1960 เพียงก้าวเท้าเข้าไปก็จะได้เจอกับร้านขนมและของเล่นโบราณชวนให้นึกถึงวันวานเก่าๆ ร้านนี้อยู่ใน Yokohama World Porters ที่เต็มไปด้วยร้านขายของจิปาถะทันสมัยและร้านกิจกรรมสันทนาการมากมาย มีเพียงร้านนี้เท่านั้นที่ให้ความรู้สึกพิศวงราวกับได้ย้อนเวลาไปในอดีต

เมื่อลอดผ่านป้ายร้านค้าที่เขียนว่า Haikara Yokocho และเข้าไปในซอยเล็กๆ ที่มีโปสเตอร์และป้ายเก่าๆ แปะเอาไว้ ก็จะได้เห็นภาพของบ้านเมืองเก่าๆ ที่มีทั้งร้านขายขนม, ร้านขายรูปภาพเก่าๆ และร้านขายของเล่นได้ทันที โดยที่นี่ใช้กะละมังสีเหลืองของเคโรรินที่เมื่อก่อนมักจะเห็นได้ตามโรงอาบน้ำสาธารณะแทนตะกร้าซื้อของ สามารถถือกะละมังไว้ในมือข้างหนึ่ง แล้วเดินเลือกชมขนมและของเล่นต่างๆ ที่วางแน่นเต็มร้าน โดยขนมที่ซื้อมาแล้ว สามารถนั่งทานตรงม้านั่งของร้านไปพลาง ดื่มด่ำกับบรรยากาศแบบย้อนยุคไปพลางได้เลย

ผู้ใหญ่ที่รู้จักญี่ปุ่นสมัยก่อนจะได้ย้อนกลับไปเป็นเด็กเพื่อนึกถึงวันวานสมัยเก่า ส่วนเด็กๆ ที่เพิ่งได้มาเห็นเป็นครั้งแรกก็รู้สึกสนุกและแปลกใหม่ได้เช่นกัน ส่วนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอาจจะรู้สึกเหมือนได้ท่องเที่ยวในต่างมิติเลยก็ได้

ขนมจีบร้าน “คิโยเค็น” ของดีเมืองโยโกฮาม่า หรือที่เรียกกันว่า ชิอุมัย ที่โรงงานสาขาโยโกฮาม่าแห่งนี้สามารถจองเข้าไปทัศนศึกษาได้ฟรี โดยการทัศนศึกษาโรงงานนี้ใช้เวลา 90 นาที โดยเริ่มจากการชมวีดีโอประวัติของร้านคิโยเค็น จากนั้นก็จะได้ดูขั้นตอนการผลิตข้าวกล่องขนมจีบ ข้อดีของที่นี่ก็คือจะมีไกด์ช่วยอธิบายข้อมูลและเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับขนมจีบให้อย่างละเอียด

นอกจากนี้ยังมีโซนจัดแสดง “เฮียวจัง” มาสค็อตคาแรคเตอร์รูปที่ใส่โชยุสุดน่ารักของร้านคิโยเค็น และยังสามารถชิมขนมจีบทำเสร็จใหม่ๆ ร้อนๆ และกับข้าวที่ใส่ในข้าวกล่องได้ด้วย เรียกได้ว่าอัดแน่นไปด้วยเนื้อหาที่สนุกได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่

คิโยเค็นชั้น 1
ทางเข้าของโรงงานโยโกฮาม่านี้มี “Petit Museum Shop” ที่นี่ไม่ว่าใครก็สามารถเข้าได้โดยไม่จำเป็นต้องจองก่อน ที่นี่มีขนมจีบ ข้าวกล่องขนมจีบ และขนมไหว้พระจันทร์สินค้าประจำร้านคิโยเค็น และยังมี “เฮียวจัง” ที่เป็นสินค้าออริจินอลที่มีขายเฉพาะที่นี่อีกด้วย หากมาที่นี่ก็จะได้ทานเมนูทำเสร็จใหม่ๆ จากโรงงานในราคาย่อมเยาว์ อีกทั้งยังรู้สึกเหมือนได้นั่งรถไฟเล่นอีกด้วย แนะนำให้ลองมาแวะเที่ยวกันได้นะคะ

การทัศนศึกษาโรงงานที่นี่ ท่านจะได้ทั้งของฝากและได้ชิมของอร่อยๆ แต่เนื่องจากได้รับความนิยมอย่างมากจนยอดจองเต็มอย่างรวดเร็ว อาจจะต้องรอคนยกเลิก ดังนั้นหากมีกำหนดการจะมาเที่ยวแถวโยโกฮาม่า ที่แน่นอนแล้ว แนะนำให้รีบจองก่อนล่วงหน้าค่ะ

“HAMAUSAGI” ร้านขายของฝากที่เชื่อมต่อโดยตรงกับสถานี Shin Yokohama แห่งนี้ เพียบพร้อมไปด้วยขนมญี่ปุ่นออริจินัลมากมายหลายชนิด จนถึงปัจจุบันมีขนมที่เคยวางหน้าร้านมากกว่า 100 ชนิดเลยทีเดียว โดยไม่ได้มีแค่ขนมญี่ปุ่นอย่างโดรายากิ, ดังโงะ และไดฟุกุเท่านั้น ยังมีขนมที่ใช้วัตถุดิบสไตล์ตะวันตกอย่างช็อกโกแล็ตหรือครีม ขนมถั่ว หรือเซมเบ้ ซึ่งมีความหลากหลายมาก

ขนมที่ได้รับความนิยมคือ “Okagesama Monaka” ราคา 170 เยน (ยังไม่รวมภาษี) ข้างในเป็นไส้โมจิและถั่วแดงบด หรือชาเขียว รสชาติหวานกำลังพอดีตามสไตล์ขนมญี่ปุ่น เข้ากันได้เป็นอย่างดีกับแป้งกรอบที่หุ้มอยู่ด้านนอกค่ะ ป้ายราคาของสินค้าแต่ละชิ้นจะมีรูปวาดน่ารักๆ ติดเอาไว้ แม้จะเป็นคนที่ไม่รู้จักภาษาญี่ปุ่นหรือขนมญี่ปุ่นก็สามารถเข้าใจลักษณะของสินค้าแต่ละชิ้นได้ไม่ยาก

แพ็คเกจของเซมเบ้และขนมถั่วราคา 330 เยน (ยังไม่รวมภาษี) จะมีลักษณะพิเศษคือมีภาพกระต่ายน่ารักๆ วาดอยู่ด้วยค่ะ เนื่องจากห่อแยกชิ้นเล็กๆ ไว้แล้ว จะซื้อไปเป็นของฝากก็เหมาะเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ยังมีเซมเบ้รูปหัวใจโรยน้ำตาลหวานๆ “คิระคิระซาราเมะ” หรือจะรสบ๊วยเปรี้ยวๆ อย่าง “อุเมะซาราเมะ” นอกจากจะมีรสชาติดีแล้ว ยังหน้าตาน่ารักจนรู้สึกเสียดาย ถ้าจะกิน หากซื้อไปฝากสาวๆ จะต้องดีใจอย่างแน่นอนค่ะ

การที่สามารถท่องเที่ยวได้ตามความสนใน เช่น ทัศนศึกษาโรงงาน ท่องเที่ยวในย่านเมืองเก่าโยโคโจ ถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของโยโกฮาม่า แต่กิจกรรมของบางสถานที่อาจจะไม่สามารถเข้าร่วมได้ทันที จำเป็นต้องจองลวงหน้า เช่นการทัศนศึกษาโรงงาน หากจะมาเที่ยวก็ยาลืมเผื่อเวลาในการจองกันด้วยนะคะ