คุณสามารถซื้อสินค้าปลอดภาษีได้ในบริเวณที่กำหนดไว้หลังจากผ่านด่านตรวจตราขาออกนอกประเทศแล้ว ซึ่งจะมีร้านค้าปลอดภาษีอยู่ตามที่ต่าง ๆ ในสนามบิน ทั้ง 3 อาคารผู้โดยสาร คือ อาคารผู้โดยสารที่ 1 อาคารผู้โดยสารที่ 2 และอาคารผู้โดยสารที่ 3 และไม่นานมานี้มีร้านสินค้าปลอดภาษีเปิดที่ล็อบบี้ขาเข้าแล้วด้วย

สนามบินนาริตะที่มีหลายสายการบินคอยให้บริการนั้น เต็มเปี่ยมไปด้วยร้านสินค้าปลอดภาษี แต่ร้านที่สามารถใช้บริการได้นั้นจะแตกต่างกันไปตามและอาคารผู้โดยสาร ดังนั้นควรจะตรวจสอบล่วงหน้ากันไว้ก่อนดีกว่า

●อาคารผู้โดยสารที่ 1
จุดเด่นของอาคารผู้โดยสารที่ 1 คือจะแบ่งพื้นที่ โดยเริ่มจากอาคารปีกฝั่งทิศใต้ซึ่งมี “narita nakamise” ที่มีร้านขายของหลากหลายประเภทเรียงรายอยู่ และยังมีพื้นที่อาคารปีกฝั่งทิศเหนือและอาคารส่วนกลางอีกด้วย

●อาคารผู้โดยสารที่ 2
ที่นี่มีร้านค้าปลอดภาษีแบรนด์มอลล์ “นาริตะ โกะ บังไก” ซึ่งพื้นที่ของร้านมีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาสนามบินสายการบินในประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว คุณจะสามารถเพลิดเพลินกับการชอปปิงได้ในบรรยากาศที่เรียบหรูและดูดี

●อาคารผู้โดยสารที่ 3
อาคารผู้โดยสารที่ 3 เปิดในปี 2015 สำหรับสายการบินราคาประหยัดโดยเฉพาะ ที่นี่ก็มีร้านสินค้าปลอดภาษีเช่นกัน

ตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา คุณสามารถซื้อสินค้าปลอดภาษีได้ที่สนามบินนาริตะตั้งแต่ขาเข้าประเทศญี่ปุ่น โดยที่อาคารผู้โดยสารที่ 1, 2 และ 3 จะมีร้านสินค้าปลอดภาษี “Fa-So-La”ตั้งอยู่ ถ้ามาด้วยสายการบินต่างประเทศไม่ว่าจะคนญี่ปุ่นหรือคนต่างชาติก็สามารถใช้บริการได้ ลองแวะไปดูเครื่องดื่มแอลกอฮอล์, บุหรี่, น้ำหอมที่เรียงรายไว้ให้เลือกสรรกันได้ แต่ว่าสุราที่ขายในร้านสินค้าปลอดภาษีขาเข้านั้นจะมีแต่สินค้าจากต่างประเทศเท่านั้น

● อาคารผู้โดยสารที่ 1
ตั้งอยู่บริเวณด่านศุลกากรหลังจากผ่านด่านตรวจตราขาเข้าแล้ว
“Fa-So-La ARRIVAL DUTY FREE อาคารปีกฝั่งทิศใต้”
“Fa-So-La ARRIVAL DUTY FREE อาคารปีกฝั่งทิศเหนือ”

●อาคารผู้โดยสารที่ 2
อยู่ระหว่างทางไปยังบริเวณด่านตรวจโรคหลังจากเครื่องลงจอด
「Fa-So-La ARRIVAL DUTY FREE NORTH」
「Fa-So-La ARRIVAL DUTY FREE SOUTH」

●อาคารผู้โดยสารที่ 3
ตั้งอยู่บริเวณด่านศุลกากรหลังจากผ่านด่านตรวจตราขาเข้าแล้ว
「Fa-So-La ARRIVAL DUTY FREE」

น่าเสียดาย เพราะคุณไม่สามารถไปร้านสินค้าปลอดภาษีอื่นนอกจากร้านที่อยู่ในอาคารผู้โดยสารที่คุณใช้บริการได้ และถ้าไม่ไปถึงที่ร้าน คุณก็ไม่สามารถซื้อสินค้าได้อีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น ผู้ที่ใช้บริการสายการบินนานาชาติที่อาคารผู้โดยสารที่ 1 จะไม่สามารถไปซื้อสินค้าที่ร้านค้าปลอดภาษีที่ร้านในอาคารผู้โดยสารที่ 2 ได้
ที่สนามบินนาริตะ อาคารผู้โดยสารที่ใช้บริการจะต่างกันไปตามบริษัทสายการบินที่ใช้บริการ ขอให้จำไว้ว่าอาคารผู้โดยสารจะแยกคร่าว ๆ กันตามกลุ่มสมาชิกในเครือ โดยบริษัทที่เป็นสมาชิกในกลุ่มสกาย ทีม เช่น สายการบินเดลต้า และ Star Alliance อย่าง ANA จะใช้อาคารผู้โดยสารที่ 1 ส่วน JAL ซึ่งเป็นสมาชิกของ วัน เวิลด์ จะใช้อาคารผู้โดยสารที่ 2 สำหรับอาคารผู้โดยสารที่ 3 หลัก ๆ จะเป็นสายการบินราคาประหยัด ในพื้นที่พิเศษหลังผ่านด่านตรวจตราขาออกแล้วจะมีรถโดยสารประจำทางวิ่งระหว่างอาคารผู้โดยสารให้บริการอยู่ แต่ใช้บริการได้แค่ผู้ที่ต้องต่อเครื่องเท่านั้น

ร้านสินค้าปลอดภาษีแต่ละร้านจะมีบริการให้จองสินค้าที่ต้องการล่วงหน้าทางอินเตอร์เน็ตได้อยู่ โดยผู้ที่นั่งสายการบินนานาชาติจากสนามบินนาริตะสามารถใช้บริการนี้ได้ เงื่อนไขการจองจะขึ้นอยู่กับแต่ละเว็บไซต์ แต่โดยทั่วไปจะจองได้ตั้งแต่ 1 เดือนถึง 2 วันล่วงหน้าก่อนบิน หากจองแล้วทางร้านจะจัดสินค้าที่ต้องการใส่ถุงเตรียมไว้ให้ วันบินก็เพียงแค่ไปรับที่ร้านเท่านั้น และสินค้าแต่ละประเภทก็มีสถานที่รับสินค้าที่แตกต่างกันไปด้วย ดังนั้น ตรวจสอบเงื่อนไขตอนจองกันให้ดี ๆ นะ นอกจากนั้น ที่ต้องระวังคือไม่สามารถรับสินค้านอกจากร้านในอาคารผู้โดยสารที่ใช้บริการได้

“ร้านสินค้าปลอดภาษี ทาคาชิมายะ SHILLA ＆ ANA” ในทาคาชิมายะ ไทม์สแควส์ “ร้านสินค้าปลอดภาษีลอตเต้”ที่ตั้งอยู่ที่โทคิว พลาซ่า กินซ่า และ “Japan Duty Free GINZA” ที่ร้าน มิโคชิ กินซ่า คือร้านสินค้าปลอดภาษีของสนามบิน (ร้านสินค้าปลอดภาษีในเมืองของสนามบิน) ถึงจะเป็นร้านที่อยู่ในเมือง แต่ได้รับการยกเว้นภาษีเหมือนกับร้านค้าปลอดภาษีในสนามบิน

เพียงแต่ว่า ไม่สามารถรับสินค้าที่ซื้อได้ทันที เงื่อนไขคือหลังจากผ่านด่านตรวจตราขาออกที่สนามบินนาริตะแล้ว เจ้าตัวคนซื้อสินค้าจะต้องไปรับสินค้าที่เคาน์เตอร์ให้บริการที่กำหนดไว้ด้วยตัวเอง ขอให้ระวังด้วยว่าหากไม่ไปที่เคาน์เตอร์ล่วงหน้าก่อนเครื่องขึ้น1ชั่วโมง ก็มีโอกาสที่จะรับสินค้าที่ซื้อไม่ได้ สำหรับ “ร้านค้าปลอดภาษีของสนามบิน” แบบนี้ น่าจะเหมาะกับคนที่อยากจะเลือกซื้อสินค้าโดยไม่สนใจเวลาเครื่องขึ้น เพราะคุณสามารถเพลิดเพลินกับการค่อยๆเลือกซื้อสินค้าได้นั่นเอง

จำนวน น้ำหนัก และขนาดของสิ่งของที่จะถือขึ้นเครื่องได้นั้นมีข้อจำกัดด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัยอยู่ แน่นอนว่า สินค้าปลอดภาษีที่ซื้อในสนามบินหรือรับในสนามบินหลังจากผ่านด่านตรวจตราขาออกก็รวมอยู่ในข้อจำกัดนั้นเช่นกัน หากสินค้าที่ซื้อเกินปริมาณที่กำหนด จะต้องให้บริษัทสายการบินนำไปโหลดใต้เครื่อง สำหรับขั้นตอนคือต้องไปที่เคาน์เตอร์เช็กอินเพื่อเช็กอินใหม่อีกครั้ง และถ้าหากไม่ทันเวลาเช็กอิน ก็โหลดใต้เครื่องไม่ได้ ดังนั้นขอให้ระวังในจุดนี้กันด้วย

การขึ้นเครื่องบินมีข้อกำหนดว่าห้ามนำของเหลวที่มีปริมาณมากกว่า 100ml(g) ขึ้นเครื่อง เพราะเหตุผลด้านความปลอดภัย แต่ของเหลวที่ซื้อในร้านสินค้าปลอดภาษีหลังผ่านด่านตรวจตราขาออก หากใส่ในถุงพลาสติกที่สามารถบ่งชี้ร่องรอยการแกะหรือการเปิดปากถุงที่เรียกว่า “STEBs” ซึ่งทางร้านค้าปลอดภาษีจะเตรียมไว้ให้ จะสามารถนำขึ้นเครื่องได้แม้จะเกิน100ml(g) เพียงแต่ว่า ก็มีประเทศที่ไม่มีการนำ “STEBs” มาใช้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นทางที่ดีควรตรวจสอบกับสายการบินที่จะใช้และประเทศจุดหมายปลายทางล่วงหน้าก่อนเพื่อป้องกันการเกิดปัญหาในภายหลั