MEGA ดองกิโฮเต้ สาขาชิบุยะนั้นเป็ฯห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่เพิ่งเปิดทำการเมื่อเดือนพฤษภาคม
ที่ผ่านมา ภายในอาคารรวมชั้นใต้ดินแล้วมีทั้งหมด 7 ชั้น มีสินค้ามากมายหลากหลายประเภทวางขาย
ไม่ว่าจะเป็น เครื่องสำอาง ขนม ข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงเครื่องใช้ไฟฟ้า แค่เข้าไป
เดินเล่นๆ ก็ดูของเพลินจนลืมเวลาได้เหมือนกัน แต่ของตั้งเยอะแยะขนาดนี้จะซื้ออะไรติดไม้ติดมือ
กลับไปเป็นของฝากดี ใครที่กำลังคิดแบบนี้อยู่ล่ะก็ หมดห่วงไปได้เลย เพราะวันนี้ เรามาพร้อมกับ
คุณอารากิ ผู้รับผิดชอบสินค้าประเภทอาหารของ MEGA ดองกิโฮเต้ สาขาชิบุยะแห่งนี้ ที่จะมาแนะนำ
ขนมออกใหม่ต้อนรับฤดูใบไม้ร่วงที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้ ที่สำคัญ ขนมเหล่านี้ขายแค่เฉพาะ
ช่วงนี้เท่านั้นนะ ถ้าจะซื้อของฝากแล้วล่ะก็ คงไม่มีอะไรเหมาะไปกว่านี้อีกแล้ว

สินค้ายอดฮิตจาก Morinaga ขนมในซีรีส์ Choco Pie ที่ไม่ว่าจะออกตัวลิมิเต็ดมากี่ปีๆ ก็ขายดีตลอด
และ Waguri Cake ซึ่งเป็นขนมพิเศษของปีนี้ เป็นขนมที่มาพร้อมกับกลิ่นหอมของเกาลัด (Kuri) สุดเข้ม
ผสมผสานเข้ากับช็อคโกแล็ตหวานๆ ที่กินแล้วจะรู้สึกซาบซ่าไปกับรสชาติแห่งฤดูใบไม้ร่วง
ใน 1 กล่องบรรจุเค้ก 6 ห่อ จะซื้อไปเป็นของฝากก็เข้าที หรือจะซื้อปกินเล่นๆตอนท้องว่างก็เข้าท่า

นี่คือสินค้ายอดฮิตของ MEGA ดองกิโฮเต้ สาขาชิบุยะ Fujiya Country ma'am soft cookies รสพิเศษ
เฉพาะฤดูใบไม้ร่วง! Fujiya Country ma'am soft cookies รสพิเศษนี้มีจุดเด่นอยู่ที่ใช้ Annou Imo จาก
Tanegashima เป็นส่วนผสม และมีรสชาติเข้มข้นราวกับว่ากำลังกินมันเผาอยู่จริงๆ ซึ่งเจ้า Annou Imo นี้
คือมันหวานที่ขึ้นชื่อเรื่องความหวาน เพียงได้กัดแค่คำเดียว รสชาติเข้มข้นก็จะแผ่กระจายไปทั่วทั้งปาก
ขนาดของคุ้กกี้ยังปั้นอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ได้ความหนาที่ใกล้เคียงกับมันเผาของจริงมากที่สุด
สอดไส้ด้วยมันหวานบดและช็อคโกแล็ต อร่อยสุดๆ จนครองใจผู้คนทุกวัย

1 ถุงบรรจุคุกกี้ 14 ชิ้น จะซื้อไปกินคู่กับชากาแฟยามบ่ายที่ออฟฟิส หรือฝากเพื่อนฝูงก็เหมาะสุดๆ

Waguri คือเกาลัดที่ปลูกในประเทศญี่ปุ่นชนิดหนึ่ง และ Waguri Cake ก็คือเค้กสอดไส้ครีมรส Waguri
นั่นเอง ของว่างกินคู่กับชายามบ่ายในวันหยุด ฟินสุดๆ คุณอารากิบอกว่า เค้กรสนี้ได้ไอเดียวมาจากขนม
บิสกิตยอดฮิตที่ Morinaga เคยส่งออกมาเป็นสินค้าลิมิเต็ดในสมัยก่อน และเนื่องจากขนมบิสกิตของ
Morinaga นั้นมีกลุ่มแฟนที่เหนียวแน่น ดังนั้นไม่ว่าจะส่งขนมตัวลิมิเต็ดแบบไหนออกมา ก็จะต้อง
ขายดิบขายดีแน่นอน แม้แต่ทีมงานของเราเอง ต่างก็เป็นแฟนตัวยงของขนมบิสกิตของ Morinaga
ในวัยเด็ก เพราะฉะนั้น ถ้าได้มาญี่ปุ่นแล้วล่ะก็ แนะนำเลยว่าต้องไปหามาลองให้ได้

ขนม Kinoko no Yama และ Takenoko no Sato ของ Meiji นั้น ถือกำเนิดขึ้นมาในปี 1970 และได้
กลายเป็นขนมที่ครองใจผู้คนมายาวนานกว่า 40 ปี จนถึงปัจจุบัน ได้มีการคิดค้นและวางขายรสชาติ
ใหม่ๆมากมาย และฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ทาง Meiji ก็ได้ส่ง 2 รสชาติใหม่คือ “Sweet Potato” และ
“Waguri Mont Blanc” ออกมาให้ได้ชิมกัน ถึงแม้ขนมทั้งสองตัวจะเป็นขนมที่มีการวางช็อคโกแล็ต
ไว้ที่ด้านบนของบิสกิตเหมือนกัน แต่แฟนๆของขนมทั้ง 2 ต่างก็มีการออกมาโต้เถียงกันในเรื่องรสชาติ
มากมาย ถึงขนาดที่ว่า เมื่อไม่กี่ปีมานี้ ดราม่าญี่ปุ่นเรื่อง “Saikou no Rikon” หรือที่คนไทยรู้จักกันในชื่อ
“การหย่าที่สุดยอด” ได้มีการนำเอาไปเป็นส่วนหนึ่งของฉากในดราม่า เนื้อเรื่องในตอนนั้นมีอยู่ว่า
เมื่อครั้งที่พระเอกและนางเอกได้แต่งงานกันใหม่ๆ ก็ได้ไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตด้วยกัน
และพระเอกก็เหลือบไปเห็นนางเอกหยิบขนม Takenoko no Sato ทำให้ตัวพระเอกรู้สึกว่าคงจะเข้ากัน
ไม่ได้ เพราะตัวพระเอกนั้นชอบ Kinoko no Yama นั่นเอง คนญี่ปุ่นชอบขนมทั้งสองตัวถึงขนาดนี้แล้ว
คงต้องหามาลองชิมกันบ้างแล้ว

ด้วยกลิ่นหอมกำลังดีของเกาลัด (Kuri) เข้ากั้นเข้ากันกับช็อคโกแล็ต บวกกับความหวานที่ไม่มาก
ไม่น้อยจนเกินไป ทำให้กลายเป็นขนมที่เหมาะสำหรับผู้ใหญ่ แถมรูปร่างหน้าตาก็น่ารัก จนเพียงแค่
หยิบขึ้นมาชมก็ทำให้ถึงกับเคลิ้มได้เลยทีเดียว และด้วยขนาดที่กำลังพอดีของตัวขนม ทำให้ลืมตัว
เผลอหยิบเข้าปากไปทีละชิ้นจนหมดห่อทุกที

เหมือนกับที่ได้เกริ่มนำไปก่อนหน้านี้แล้ว Takenoko no Sato คือขนมลูกพี่ลูกน้องของ Kinoko no Yama
ที่จะมาพร้อมกับรสชาติใหม่ Sweet potato นั่นเอง เพียงแค่ได้หยิบเข้าปาก รสชาติหอมหวานของ
มันหวานก็จะแผ่กระจายไปทั่วทั้งปาก ราวกับว่าภูตมันหวานตัวน้อย กำลังพากันเต้นระบำอยู่ในปาก
และการต่อสู้อันยาวนานที่ไม่รู้จะจบลงเมื่อไหร่ของ Takenoko no Sato และ Kinoko no Yama นั้น
จะลงเอยเช่นไร ใครจะเป็นผู้ชนะที่จะทำยอดขายได้มากกว่า?! คุณอารากิได้แอบกระซิบมาว่า
กลุ่มแฟนๆของ Takenoko no Sato นั้นส่วนมากจะเป็นเด็กรุ่นใหม่ ในขณะที่ผู้ชื่อชอบ
Kinoko no Yama ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ใหญ่วัยกลางคนอายุประมาณฯ 40 – 50 ปี ได้ยินแบบนี้แล้ว
มาญี่ปุ่นคราวหน้า คงจะต้องหามาชิมกันซักกล่อง แล้วเลือกฝ่ายกันบ้างแล้ว

ถึงแม้ว่า Morinaga Angel pie กับ Morinaga Waguri Cake จะมีหน้าตาคล้ายๆกัน แต่คุณอารากิบอกว่า
รสสัมผัสของขนมทั้งสองตัวนั้น แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดย Waguri Cake จะมาแนวนุ่มนิ่ม ในขณะที่
Angel pie จะมาพร้อมกับความหนุบหนับ ซึ่งรสชาติของ Angel pie นั้นจะไปคล้ายกับ Choco Pie
ของเกาหลี ทำให้กลายเป็นสินค้าขายดีในหมู่นักท่องเที่ยวชาวเกาหลี ซึ่งถ้าเทียบกันแล้ว
Morinaga Waguri Cake ก็เหมือนกับ Choco Pie ในแบบฉบับของญี่ปุ่นนั่นเอง สิ่งที่จะบอกได้ว่า
Choco Pie ตัวไหนดีกว่ากันนั้น ก็คงอยู่ที่ความชอบของคุณ แต่เราขอแนะนำว่า ไหนๆจะชิมแล้ว
ก็ต้องลองชิมให้ครบทั้งสองแบบ แต่สำหรับสาวๆญี่ปุ่นแล้ว ดูเหมือนจะชอบ Angel pie กัน ด้วยขนาด
พอดีคำที่ทำให้เหมาะที่จะเป็ฯของว่างยามบ่ายของเหล่าสาวออฟฟิส และขนมกินเล่นรองท้องหลัง
เลิกเรียนของเหล่านักศึกษามหาวิทยาลัย

ออริจินัลของ Alfort ก็คือคุ้กกี้ช็อคโกแล็ตห่อสีน้ำเงิน ที่ไม่เพียงแค่เป็นที่นิยมที่ญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังถูกอก
ถูกใจคนหลายๆประเทศอีกด้วย แพ็คเกจที่เราเห็นส่วนใหญ่จะเป็นกล่องสีน้ำเงินเล็กๆ แต่รู้หรือไม่ว่า
แบบถุงใหญ่ก็มีขายนะจ๊ะ ซึ่งใน 1 ถุง จะบรรจุขนมมาทั้งหมด 16 ห่อ ขนาดกำลังดี เหมาะที่จะซื้อไป
ฝากคนที่ทำงานสุดๆ ขนาดแบบออริจินัลยังขายดีเป็นเทน้ำเทท่า แล้วตัวลิมิเต็ดมีหรือที่จะขายไม่ออก
ใครที่มีโอกาสเจอ แนะนำให้ซื้อเก็บไว้ก่อนให้อุ่นใจ ไม่งั้นของอาจจะหมด อดซื้อได้นะจ๊ะ

Roanne คือขนม “Gaufre (ขนมชนิดหนึ่งของฝรั่งเศส)” ที่คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ต่างก็มีความทรงจำ
ในวัยเด็กเกี่ยวกับขนมนี้ เพราะเป็นขนมที่คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่มักจะได้กินที่บ่านคุณตาคุณยายเมื่อครั้งยัง
เป็นเด็กนั่นเอง จุดเด่นของขนมตัวนี้คือ ความกรุบกรอบที่กำลังดีของ Gaufre บวกกับความหวานที่ลงตัว
ของไส้ครีม Annou Imo จนได้รสชาติที่กินได้ไม่มีเบื่อ เรียกได้ว่า เป็นรสชาติที่ถูกใจคนทุกเพศทุกวัย
ใน 1 แพ็ค บรรจุขนม 20 ห่อ ขนาดกำลังพอดีกับการซื้อไปเป็นของฝากจริงๆ

รสชาติของออริจินัล Morinaga Koeda ก็เป็นอะไรที่ให้ความรู้สึกถึงฤดูใบไม้ร่วงอยู่แล้ว แต่ Morinaga
ก็ยังตัดสินใจที่จะส่งรส “Mont Blanc” ลิติเต็ดเฉพาะฤดูใบไม้ร่วงออกมา ใน 1 กล่องบรรจุ 11 ห่อเล็ก
และใน 1 ห่อเล็กจะบรรจุขนม 4 แท่ง ขนมแครกเกอร์เคลือบช็อคโกแล็ตรสเกาลัด (Kuri) เป็นอะไรที่
ถ้าได้เริ่มกินแล้วล่ะก็ จะต้องเบรคแตก หยุดไม่อยู่ไปซะทุกที แม้แต่ทีมงานเอง ก็ชิมขนมตัวนี้ไปพลางๆ
ตอนที่กำลังเขียนบทความนี้อยู่ เผลอแปปเดียว ฟาดไปแล้ว3-4 ถุง เกาลัดรสชาติเข้มแบบนี้เอาไปเลย
ร้อยคะแนนเต็ม อีกหนึ่งขนมที่พลาดไม่ได้เมื่อได้มาญี่ปุ่น

ถึงแม้ว่าป๊อปคอร์นแบบบรรจุห่อ จะเพิ่งกลายเป็นขนมยอดฮิตเมื่อไม่กี่ปีมานี้ แต่ Mike Popcorn
ออริจินัลห่อสีฟ้ารสโชยุ กำลังจะครบรอบ 60 ปีในปีนี้ เรียกได้ว่าเป็นสินค้าที่วางขายกันมายาวนาน
แบบสุดๆ และรสลิมิเต็ดที่ออกมาวางขายในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ก็คือ รส Satsuma Imo (มันหวาน)
Butter ที่มีความหวานมากกว่ารสออริจินัลถึง 5 เท่า รสหวานๆเค็มๆที่ได้จากมันหวานและเนยทำให้
ได้ป็อปคอร์นที่มาพร้อมกับความอร่อยในแบบเฉพาะตัว

ขนม Osatsu Chips ถือเป็นขนมที่ทำให้คนญี่ปุ่นนึกถึงฤดูใบไม้ร่วง ถึงแม่ว่าคนญี่ปุ่นจะยังไม่ค่อยชิน
กับขนม Chips รสหวานก็ตาม แต่หลังจากที่ขนม Chips รสน้ำผึ้งเนยจากเกาหลีได้เริ่มเป็นที่นิยมใน
หลายๆประเทศในเอเชีย ทำให้ขนมแนวนี้เริ่มที่จะเป็นที่นิยมมากยิ่งขื้น แถมยังเป็นที่นิยมในหมู่
นักท่องเที่ยวชาวเกาหลีอีกด้วย รสชาติหวานๆแบบนี้น่าจะถูกปากคนไทยแน่นอน Calbee Osatsu snack
รสชาติกำลังดีไม่เลี่ยน เผลอแปปเดียวมีหมดถุง

มาถึงขนมรายการสุดท้ายที่เราจะมาแนะนำกันในวันนี้ นั่นก็คือขนม Moranaga Milk Caramel รสพิเศษ
ต้อนรับฤดูใบไม้ร่วง Waguri Caramel เพียงแค่แกะกล่องมาเจอกับคาราเมลที่ถูกห่อด้วยกระดาษบางๆ
ก็ทำให้รู้สึกเหมือนกับได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง พอได้หยิบใส่ปาก รสเกาลัด (Kuri) ก็จะแผ่กระจายไป
ทั่วทั้งปาก บวกกับความหนึบหนับที่ยิ่งเคี้ยวยิ่งรู้สึกได้ถึงรสนมและคาราเมล คุณอารากิบอกว่า ดีไซน์
ของตัวอักษรคันจิที่เขียนอยู่บนกล่องนั้น ไม่ได้ถูกอกถูกใจแค่เฉพาะคนเอเชียเท่านั้น แต่ยังถูกอกถูกใจ
คนยุโรปและอเมริกาด้วย

และนี่ก็คือขนมรสชาติพิเศษที่ออกมาวางขายเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปีนี้ ทั้ง 12 อย่างที่เราอยากจะ
ขอแนะนำให้ได้มาลิ้มลองกันหากมีโอกาสได้บินมาเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงนี้ มีเล็งตัวไหนไว้กันบ้างรึยังน้า

ห้างที่มีสินค้าทุกสิ่งอย่างให้เลือกสรรอย่าง MEGA ดองกิโฮเต้ สาขาชิบุยะ แน่นอนว่าไม่ได้มีแค่ขนม
เพราะสินค้าของฝากตัวเด็ดของจากทุกจังหวัดทั่วญี่ปุ่นก็มารวมกันอยู่ที่นี่เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นของฝาก
จากฮอกไกโด โอซาก้า หรือนารา ไม่ว่าจะอยากได้ของฝากจากที่ไหนก็สามารถซื้อได้ที่ชิบุยะ สุโก้ย!

ที่ญี่ปุ่น หลังจากเดินช็อปกันเสร็จแล้ว ก็ต้องมายื่นขอภาษีคืนให้หายเหนื่อย ได้เงินคืนมาแล้ว จะไปช็อปกันต่อก็ไม่ว่ากัน เคาน์เตอร์สำหรับยื่นเรื่องคืนภาษีของ MEGA ดองกิโฮเต้ สาขาชิบุยะ อยู่ที่ชั้น 3 และเพื่อไม่ให้เสียเวลา ลูกค้าสามารถนำสินค้าไปชำระเงินได้ที่ชั้น 3 เพื่อยื่นเรื่องขอภาษีคืนหลังจากชำระเงินเรียบร้อยได้เลย ห้ามพลาดที่จะรู้สึกฟินไปกับสิทธิพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอันนี้!

MEGA ดองกิโฮเต้ สาขาชิบุยะ เป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่มีสินค้าหลากหลายประเภทให้เลือกช็อป มีการจัดโซนช็อปปิ้งสำหรับนักท่องเที่ยวชาวท่องชาติโดยเฉพาะ แถมยังเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง การเดินทางก็แสนจะสะดวกสบาย ถือได้ว่าเป็นจุดช็อปปิ้งอีกจุดนึงของโตเกียวเลยทีเดียว หากมีโอกาสได้มาเที่ยวที่ญี่ปุ่นครั้งหน้า ลองแวะดูสักครั้ง รับรอง ไม่มีคำว่าผิดหวัง

* ข้อมูล ณ เดือนกันยายน ปี 2017
* สินค้าอาจขายหมด
* ราคาสินค้าเป็นราคา ณ ตอนที่เก็บข้อมูล อาจมีการเปลี่ยนแปลง

เวลาทำการ : เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
วันหยุด : ไม่มีวันหยุด