ณ ชั้น 2 ของอาคาร Akihabara UDX ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกับสถานีรถไฟอากิฮาบาระ (Akihabara)
ได้มีการนำ 3 ร้านราเม็งเจ้าอร่อยมาไว้ในที่เดียวกันโดยใช้ชื่อว่า Akihabara Ramen Theater
โดยที่แต่ละร้านจะมีรสชาติเฉพาะตัวของตัวเอง หากไปกันหลายๆคนแต่ไม่รู้จะสั่งร้านไหน
ขอแนะนำให้สั่งมาลองร้านละชาม ส่วนร้านที่เราจะนำมาเสนอในครั้งนี้ก็คือร้าน Jinanbo
ร้านแห่งนี้เคยได้รับเลือกให้เป็นราเม็งทงคตสึที่อร่อยที่สุดอันดับ 1 เมื่อปี 2009
ที่สำคัญร้านแห่งนี้มีแค่ที่จังหวัดฟุคุโอกะและอากิฮาบาระเท่านั้น ภายในฟู๊ตคอร์สจะใช้ระบบ
ซื้อตั๋วแล้วนำไปให้ที่ร้าน พื้นที่ตรงกลางจะเป็นโต๊ะนั่ง ซึ่งหลังจากที่ได้โต๊ะแล้วเราสามารถ
ดูได้ว่าราเม็งที่เราสั่งไปเสร็จรึยังจากจอมอนิเตอร์หน้าร้าน ก่อนที่จะเดินไปรับราเม็งมาเพิ่มพลัง

เมนูอันดับ 1 ของร้านนี้คือ ราเม็งทงคตสึท็อปปิ้งไข่ยางมะตูม ราคา 790 เยน
ร้านนี้จะเคี่ยวกระดูกหมูเป็นเวลาหลายชั่วโมง จนได้น้ำซุปรสชาติเข้มข้ม ลื่นคอ แถมไม่มีกลิ่น
ทำให้เป็นที่ถูกอกถูกใจลูกค้าทุกเพศทุกวัย เมนูที่ผู้จัดการร้านแนะนำคือ ชุดราเม็งทงคตสึท็อปปิ้ง
ไข่ยางมะตูม + เกี๊ยวซ่า ในราคา 980 เยน เพราะเกี๊ยวซ่านั้นจะช่วยให้รสชาติของราเม็งดีขึ้น
อร่อยถึงขนาดที่ว่าแม้แต่พนักงานของร้านเองยังสั่งเซ็ทนี้เวลาที่มาทานที่ร้านในวันที่ตัวเองหยุด
※เครื่องขายตั๋วมีเฉพาะภาษาญี่ปุ่น อังกฤษ และจีนเท่านั้น

เวลาเปิดร้าน 11:00 a.m. ~ 11:00 p.m.
วันหยุด ตามอาคาร Akihabara UDX
-

ไม่เพียงแค่เฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ร้านราเม็ง Ichiran ขยายสาขาไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาและ
ฮ่องกงด้วย แถมยังได้รับความนิยมจากผู้คนทั่วโลกแบบสุดๆ ความลับนั้นอยู่ที่การจัดร้านที่พิเศษสุด
ไม่เหมือนใคร ลูกค้าสามารถมานั่งทานคนเดียวชิวๆได้ ไม่ต้องสนใจใคร และใช้ระบบการสั่งอาหาร
ที่เรียบง่าย เพียงแค่ซื้อตั๋วเมนูที่ต้องการ ไปนั่งที่โต๊ะซึ่งถูกออกแบบมาเป็นล็อคๆ เหมือนกับโต๊ะข้อสอบ
เพื่อให้ลูกค้าสามารถนั่งทานราเม็งได้แบบชิวๆ โดยที่ไม่ต้องสนใจผู้คนรอบข้าง จากนั้นกรอกใบออเดอร์
เพื่อเลือกระดับความแข็งของเส้น หรือความข้นของซุป และอื่นๆให้ได้ตามต้องการ จากนั้นกดปุ่มเพื่อ
ให้พนักงานมาเก็บใบออเดอร์ และนั่งรอราเม็งมาเสริฟ ก่อนที่จะได้อร่อยกับราเม็งจานโปรด ร้านอิจิรัน
มีสาขาที่ ชินจูกุ 2 สาขา คือ สาขา Shinjuku Central East Exit สาขา Shinjuku Kabukicho
และที่ชิบุย่าอีก 2 สาขา คือ สาขา Shibuya และ Shibuya Spain Slope.

น้ำซุปของร้านอิจิรันนั้น ผู้เชี่ยวชาญด้านราเม็งหลายคนได้ร่วมกันปรับปรุงสูตรอยู่เป็นเวลาหลายปี
ก่อนที่จะประสบความสำเร็จ ส่วนซอสสีแดงนั้นใช้วัถุดิบกว่า 30 ชนิดในการปรุง ซึ่งส่วนผสมซอส
สูตรลับพิเศษนี่ถือเป็นความลับสุดยอดของบริษัท ว่ากันว่ามีเพียงแค่ 4 คนเท่านั้นที่รู้ แน่นอนว่า
ทั้งซุปและเส้นที่เป็นสูตรออริจินัลของทางร้าน ก็ได้ใช้เชฟทดสอบทั้งหน้าตา กลิ่น และรสชาติ
ก่อนที่จะถูกส่งไปยังร้านสาขาต่างๆ วิธีการอร่อยกับราเม็งของร้านอิจิรันนั้น พนักงานของร้านแนะนำว่า
ให้เริ่มจากการทานไข่ต้มสูตรพิเศษ (120 เยน) ล้างปากเพื่อให้สามารถรับรู้และเพลิดเพลินกับรสชาติของ
ราเม็งให้ได้มากที่สุด ถึงแม้ว่าจะเป็นร้านที่ได้รับความนิยมแบบสุดๆ แต่ถ้าหากไปช่วงบ่าย 3 โมงถึง
ช่วง 5 โมง ก็อาจจะไม่ต้องต่อแถวหรือใช้เวลาต่อแถวน้อยกว่าช่วงเวลาอื่นๆก็ได้
※เครื่องขายตั๋วมีเฉพาะภาษาญี่ปุ่น เกาหลี อังกฤษ และจีนเท่านั้น
-

ร้านยามะจังนั้นอยู่ใกล้ๆกับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน Higashi-Ginza ร้านสาขาเพียงแห่งเดียวนอกเหนือจาก
ร้านดั้งเดิมที่ฟุคุโอกะ ร้านแห่งนี้เปิดเมื่อปี 2002 และยังคงอบอวลไปด้วยบรรยากาศสไตล์บ้านๆ
ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง แม้แต่นักท่องเที่ยวเองก็ยังบอกว่าร้านยามะจังทำให้รู้สึกเหมือนได้กลับบ้านเกิด
ร้านแห่งนี้ใช้วัตถุดิบที่ส่งตรงจากฟุคุโอกะทุกวัน เพื่อให้ได้รักษารสชาติของฟุคุโอกะไว้ให้มากที่สุด
รวมถึงน้ำซุปที่ใช้เวลาเคี่ยวกระดูกหมูถึง 1 – 2 วัน

เมนูอันดับ 1 ของร้านนี้คือ Nagahama Ramen ราคา 700 เยน ด้วยน้ำซุปรสชาติเข้มข้น ทำให้
ชาวฟุคุโอกะที่มาอาศัยอยู่ที่โตเกียวต้องไปทาน เพื่อให้ได้รสชาติของบ้านเกิด นอกจากนี้ในช่วงเวลา
บ่ายโมงถึงบ่าย 3 โมงของวันธรรมดา ทางร้านยังมีบริการพิเศษ ฟรีเส้น 1 ก้อน (สำหรับเติม)
หรือข้าวถ้วยเล็กอีกด้วย (ช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ฟรีเฉพาะข้าว) หลังจากช็อปปิ้งย่านกินซ่าแล้ว
อย่าลืมแวะมาเติมพลังกับร้านราเม็งบ้านๆ แต่รสชาติไม่ธรรมดาร้านนี้
※เครื่องขายตั๋วมีเฉพาะภาษาญี่ปุ่น เกาหลี อังกฤษ และจีนเท่านั้น
-

อิปปูโด ร้านราเม็งเจ้าดังจากฟุคุโอกะ ได้เปิดสาขาไปทั่วโลก หนึ่งในจุดเด่นของร้านนี้คือเส้นสูตรเฉพาะ
ของร้านที่ดึงรสชาติของแป้งสาลีออกมาได้อย่างเต็มที่ เข้ากันกับน้ำซุปรสเด็ดได้อย่างดีเยี่ยม น้ำซุปที่ว่านี้
ได้ถูกปรับปรุงสูตรมาตลอดกว่า 30 ปี จนได้น้ำซุปที่ถูกขนานนามว่า “ฮากาตะคินุโกชิทงคตสึ
(ซุปกระดูกหมูที่นุ่มละมุน)” เพื่อที่จะให้ได้น้ำซุปรสชาตินุ่มลึก ทางร้านได้คิดค้นวิธีการเคี่ยวน้ำซุป
แบบเฉพาะตัวขึ้นมา โดยจะใช้หม้อต้มขนาดยักษ์ที่สั่งพิเศษมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะเคี่ยวกระดูกหมูเป็นเวลา
18 ชั่วโมง หลังจากนั้นใช้ไฟต่ำเคี่ยวต่ออีก 1 วันเต็มๆ ทั้งซุปและเส้นนั้นต้องผ่านการตรวจสอบคุณภาพ
อย่างเข้มงวดจากพนักงานมากประสบการณ์ ก่อนที่จะส่งตรงจากโรงงานทุกวันเพื่อความสดใหม่
(บางสาขาต้มน้ำซุปเอง) เมนูยอดนิยมคือ “อากะมารุ ชินาจิ (ราเม็งมิโสะแดง)” ราคา 850 เยน
ด้วยน้ำมันเครื่องเทศสูตรเฉพาะกับมิโสะแดงที่จะแผ่กระจายความหอมไปทั่วทั้งปาก เข้ากันกับเส้น
และน้ำซุปรสเลิศที่จะเรียกน้ำย่อยออกให้พุ่งพล่าน หรือจะเป็นเมนูคลาสสิคอย่าง “Shiromaru Motoaji”
ราคา 790 เยน ที่อร่อยไม่แพ้กัน ทั้งคู่คือผลงานชั้นเลิศที่ผ่านการพัฒนาและปรับปรุงมายาวนาน
เป็นเมนูที่ต้องไปลองให้ได้สักครั้ง

สำหรับวิธีการอร่อยกับราเม็งของอิปปูโดนั้น พนักงานแนะนำว่าให้ทานราเม็งไปจนเหลือครึ่งชาม
จากนั้นเติมเครื่องปรุงต่างๆที่มีบนโต๊ะตามความชอบเช่น ถั่วงอกปรุงรส ขิงดอง เป็นต้น
โดยเฉพาะถั่วงอกซึ่งถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อให้ลูกค้าอิปปูโดได้มีของทานเล่นในระหว่างรอราเม็ง
โดยใช้ถั่วงอกปรุงด้วย พริก น้ำมันงา และกระเทียม สำหรับผู้ที่อยากทำทานเองที่บ้าน ร้านอิปปูโด
ก็มีขายซอสปรุงรสถั่วงอก 1 เซ็ท 4 ขวด ในราคา 1,680 เยน อร่อยขนาดที่ว่ามีนักท่องเที่ยว
จากต่างประเทศหลายคนมาเพื่อเหมาซอสที่ว่านี้จนของขาดอยู่บ่อยๆ ร้านราเม็ง “อิปปูโด”
ร้านนี้คู่ควรที่จะเข้าไปอยู่ในลิสร้านอาหารที่ต้องลองของคุณอย่างแน่นอน　

เวลาทำการ : 11:00 ~ 2:00 (วันศุกร์ เสาร์ และก่อนวันหยุดนักขัตฤกษ์ เปิดถึง 1:00)
วันหยุด : ปีใหม่
-