”บ้านโบราณ” นั้นหมายถึง บ้านทรงญี่ปุ่น ที่โครงสร้างของบ้านทั้งหมดทำจากไม้ตามแบบฉบับภูมิปัญญาญี่ปุ่นโบราณ ในระบบรับรองการขึ้นเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมแห่งชาติของญี่ปุ่นนั้น หมายถึงสิ่งปลูกสร้างที่มีอายุเกิน 50 ปีหรือในความหมายโดยแคบนั้น บ้านโบราณจะหมายถึง สิ่งปลูกสร้างที่แสดงให้เห็นถึงรากเหง้าของสภาพแวดล้อมในภูมิภาคท้องถิ่นและมีอายุมากกว่าครึ่งศตวรรษ
ซึ่งในขณะนี้ ทั่วญี่ปุ่น ได้มีบ้านแบบชนบทที่หลังคามุงด้วยกระเบื้องหรือฟางกระจายอยู่ และมีการรีโนเวทโดยนำวัสดุจากบ้านเหล่านั้นกลับมาใช้ใหม่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งโดยหลักๆแล้วจะถูกนำใช้เป็นที่พัก คาเฟ่ หรือร้านอาหารเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งจากในเมืองหลวง หรือจากหมู่บ้านชนบท รวมทั้งจากเมืองต่างๆด้วย

บ้านแบบญี่ปุ่นที่สร้างขึ้นก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น ส่วนใหญ่สร้างจากวัสถุธรรมชาติ เช่น ไม้ ดิน หรือฟาง บ้านเหล่านั้นมีหลายประเภท เช่น บ้านของตระกูลซามูไรที่มีขนาดใหญ่โต บ้านของชาวเมืองที่หลงเหลืออยู่มากในเกียวโต หรือบ้านชาวบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านเกษตรตามชนบทต่างๆ ซึ่งแต่ละแบบก็มีลักษณะที่โดดเด่น แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตตามเป็นอยู่ หรือลักษณะเฉพาะของท้องถิ่นนั้นๆ ที่แตกต่างกันออกไป

“บ้านชาวนา” ที่อยู่ในหมู่บ้านชนบทอันห่างไกล (ซาโตะยามะ) นั้น สร้างโดยเน้นให้มีพื้นที่กว้างขวางและมีกำแพงน้อย ส่วน “บ้านชาวเมือง” มักปลูกบริเวณถนนหรือในเมือง จะถูกออกแบบให้มีทางเข้าที่กว้างขวาง และมีโครงสร้างแบบกะทัดรัด เพื่อเปิดเป็นร้านขายของ

ในปัจจุบันมีบ้านโบราณหลงเหลืออยู่ประมาณ 12,000 หลัง ทั่วประเทศ และหมู่บ้านหรือเมืองเก่าๆ ต่างๆ ก็มีให้เห็นอยู่ตามแต่ละท้องถิ่นทั่วประเทศ นักท่องเที่ยวที่มาเยือนตามสถานที่แบบนี้จะรู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปในอดีต และหวนระลึกถึงวันวานในอดีตอีกครั้ง อย่างเช่น หมู่บ้าน “ชิรากาวะ (ชิรากาวะโก)” ในจ.กิฟุ หนึ่งในมรดกโลก เป็นหมู่บ้านที่บ้านแต่ละหลังสร้างแบบโครงสร้างกักโซสึคุหริ (หลังคาแบบหน้าจั่ว) “ฮิดะทาคายามะ” ที่หลงเหลือสภาพของถนนบ้านเมืองในอดีตไว้ นอกจากนี้ยังมี”คายาบุกิโนะซาโตะ” เมืองมิยามะโจว จ.เกียวโต “บิคันจิคุ” ในเมืองคุระชิคิ จ.โอคายาม่า “คุราสึคุหริโนะมาจินามิ” ในเมืองคาวาะโกเอะ จ. ไซตามะ เป็นต้น ซึ่งหมู่บ้านเหล่านี้เต็มไปด้วยเสน่ห์จากความเก่าและความงามที่มีอยู่ทุกที่ ในโตเกียวเองก็มีเขตที่ทำให้คุณสัมผัสนึกถึงอดีตวันวานได้ อย่างเช่นเขต ทานินากะ เนะสึ เซ็นดากิ

ตอนต้น เราได้อธิบายถึงลักษณะบ้านโบราณและการเก็บรักษาบ้านเหล่านั้นไปแล้ว ปัจจุบันมีการนำบ้านโบราณมารีโนเวทเพื่อใช้เป็นคาเฟ่หรือร้านอาหารเพิ่มขึ้น
ร้านอาหารบ้านโบราณนั้น แน่นอนว่าสามารถพบเห็นได้ตามหมู่บ้านโบราณอันเงียบสงบ แต่ก็สามารถพบเห็นได้ในโตเกียวแห่งนี้ด้วย
ด้วยความที่เป็นบ้านเรือนของชาวบ้าน ทำให้มีสวนกว้างขวาง เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ที่ทำให้คุณสามารถผ่อนคลายสบายอารมณ์ได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ล่องลอยอันเป็นเอกลักษณ์ของโครงสร้างบ้าน หรือความอบอุ่นที่เกิดจากวัสดุไม้ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมายาวนาน จะทำให้คุณลืมความยุ่งวุ่นวายของปัจจุบันได้เป็นอย่างดี และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ร้านอาหารบ้านโบราณเหล่านี้ยังให้ความสำคัญกับรสชาติอาหารพอๆ กับบรรยากาศเลยล่ะ คุณสามารถลิ้มรสอาหารทั้งอิตาเลี่ยน แบบฝรั่งเศสแท้ๆ อาหารดั้งเดิมแบบญี่ปุ่น หรืออาหารที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นในฤดูกาล ไปพร้อมๆ กับบรรยากาศที่อยู่เหนือกาลเวลา

ที่โรงแรมบ้านโบราณแห่งนี้โอบล้อมไปด้วยบรรยากาศแบบญี่ปุ่น ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม เมื่อเข้าพักคุณจะได้สัมผัสประสบกบการณ์การใช้ญี่ปุ่นแบบญี่ปุ่นในอดีต ราวกับอยู่คนละโลก ทั้งได้สนุกไปกับการใช้ชีวิตแบบชาวนาที่หมู่บ้านอันไกลโพ้น หรือล้อมวงกันหน้ากองไฟ เพื่อลิ้มลองอาหารดั้งเดิมของท้องถิ่น แม้จะมีวิธีการใช้เวลาพักผ่อนหลายๆอย่าง เช่น การเข้าออนเซ็นและนอนพักผ่อนในห้องแบบญี่ปุ่น แต่ความรู้สึกเมื่อได้ผ่อนคลายและเพลิดเพลินไปกับลักษณะอันโดดเด่นของบ้านโบราณแบบนี้ เป็นอะไรที่ทำได้แค่ที่สถานที่นั้นเท่านั้น โรงแรมแบบบ้านโบราณแห่งนี้ขอสัญญากับคุณว่าจะทำให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์อันล้ำค่าที่ไม่สามารถหาได้ที่ไหนในเมืองกลับไป ด้วยบรรยากาศสบายๆ อันมีรสนิยมและความใส่ใจกับการบริการชั้นเลิศ

ชาวญี่ปุ่นใช้ชีวิตร่วมกับธรรมชาติมาตั้งแต่อดีต การท่องเที่ยวไปยังสถานที่ที่หลงเหลือความงามของธรรมชาติ ฤดูกาลทั้ง 4 และภูมิปัญญาจากการใช้ชีวิตแบบคนญี่ปุ่น อาจทำให้คุณได้ประสบการณ์อันล้ำค่า ที่หวนคิดถึงความเป็นมนุษย์ ความเป็นตัวตนของคุณก็เป็นได้ อยากให้คุณได้ลองไป Slow Life ผ่อนคลายผ่อนใจไปกับความอบอุ่นจากการบริการที่โรงแรมและร้านอาหารบ้านโบราณ