แม้ไม่มีรายละเอียดที่แน่ชัดเกี่ยวกับการเข้ามาของอาหารอินเดียในญี่ปุ่น
แต่แกงกะหรี่แบบที่คนญี่ปุ่นทำกินกันในบ้านนั้น ได้รับการถ่อยทอดมาจากประเทศอังกฤษอีกทีหนึ่งในช่วงปี ค.ศ. 1860 ดังนั้นรสชาติจึงแตกต่างจาก
แกงกะหรี่ในอินเดีย
อย่างไรก็ตาม หลังจากช่วงปี ค.ศ. 1990 เป็นต้นมา ร้านอาหารอินเดียในญี่ปุ่น
ก็เริ่มมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และแกงกะหรี่แบบอินเดียก็ได้รับความนิยมในญี่ปุ่น
ในต่อมา ส่วนในปัจจุบัน อาหารอินเดียได้รับความสนใจในแง่ของการใช้เครื่องเทศเป็นจำนวนมาก ซึ่งให้ผลด้านความงามและสุขภาพ ทำให้ได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้นไปอีก

แกงกะหรี่อินเดียนั้นมีการนำเครื่องเทศหลากหลายชนิดมาผสมเข้าด้วยกัน
เพื่อทำเป็นน้ำซุปแกงกะหรี่ที่เรียกว่า "ลู" โดยที่ญี่ปุ่นเองก็เริ่มรู้วิธีการทำแบบนี้ และมีภาพลักษณ์ในหัวว่า ถ้าหากพูดถึง "แกงกะหรี่อินเดีย" ก็จะนึกถึงแกงกะหรี่รสเผ็ดที่ใช้เครื่องเทศปรุงรส
อย่างไรก็ตาม แกงกะหรี่อินเดียในญี่ปุ่นนั้นถูกดัดแปลงเพิ่มเติมไปจากต้นกำเนิด เรียกว่ามีรสชาติที่หวานข้นเป็นพิเศษสำหรับคนญี่ปุ่นโดยเฉพาะก็ว่าได้
แกงกะหรี่อินเดียที่ได้รับความนิยมได้แก่ "แกงกะหรี่คีมะ" ที่ใช้เนื้อบดและผักเป็นส่วนประกอบหรือ "แกงกะหรี่ไก่" เป็นต้น

แป้งนันได้รับความนิยมในญี่ปุ่นช่วงเดียวกันกับแกงกะหรี่อินเดีย
โดยไม่ได้มีเพียงเมนู "ข้าวแกงกะหรี่" ที่ราดแกงกะหรี่ลงไปบนข้าวเท่านั้น
แต่วิธีการรับประทานแบบราดแกงกะหรี่ลงไปบนแป้งนันก็ได้รับความชื่นชอบ
ด้วยเช่นกัน โดยมีร้านอาหารอินเดียที่มีเตาทันดูร์อยู่หลายร้าน ซึ่งสามารถลิ้มรสแกงกะหรี่กับแป้งนันอบใหม่ ๆ ได้ในร้านดังกล่าว

ในประเทศญี่ปุ่น นั้นเรามักจะเห็นร้านอาหารอินเดียและร้านแกงกะหรี่อินเดีย
ได้อยู่บ่อย ๆ โดยบรรดาเชฟในร้านเหล่านั้นจะเป็นชาวอินเดียเสียเป็นส่วนใหญ่โดยเฉพาะในย่านนิชิคะไซ กรุงโตเกียว ซึ่งเป็นเมืองที่มีชาวอินเดียอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากนั้น มีร้านอาหารอินเดียและร้านข้าวแกงกะหรี่อินเดียโดยเฉพาะ
และร้านขายวัตถุดิบอาหารอินเดียเรียงรายอยู่อย่างมากมาย และช่วงหลังนี้ก็มีร้านที่เสิร์ฟอาหารจานเดียวจากอินเดียตอนเหนือที่เรียกว่า "เทอร์รี่ (ในภาพ)" เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน