ในการมาพำนักช่วงระยะเวลาสั้นๆ
กรณีที่คุณมีร้านอาหารที่อยากไปและมีอาหารที่อยากทานเป็นพิเศษนั้น
หากเป็นร้านอาหารที่สามารถจองได้คุณควรจองไว้ก่อนเพื่อความอุ่นใจ
นอกเหนือจากร้านอาหารหรูหราชั้นสูงแล้ว
ร้านธรรมดาที่คุณสามารถเข้าร้านได้โดยไม่ต้องจองนั้นมีอยู่มากก็จริง
แต่หากเป็นการสั่งอาหารที่ทางร้านต้องใช้วัตถุดิบชนิดพิเศษ
การจองไว้ก่อนนั้นมีความจำเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ หากร้านอาหารนั้นมีโต๊ะทานอาหารทั้งแบบญี่ปุ่นที่ปูเสื่อทาตามิ
กับแบบที่เป็นโต๊ะเก้าอี้สไตล์ตะวันตกแล้ว
คุณสามารถจองแล้วแจ้งลักษณะโต๊ะที่คุณต้องการกับทางร้านได้ด้วย
โดยปกติแล้ว ทางร้านจะไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการจอง
แต่คุณอาจจะเสียค่าใช้จ่ายในกรณีที่เวลาที่คุณจองไว้นั้น
มีคอร์สอาหารที่ถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจน

สำหรับวิธีการจองนั้น ให้คุณโทรศัพท์ไปยังร้านอาหารที่คุณต้องการไปทาน
แล้วแจ้งแก่ทางร้านว่าคุณชื่ออะไร จำนวนคนกี่คน วันและเวลาที่ไป เป็นต้น
วิธีการจองนั้นไม่ได้มีอะไรที่แตกต่างจากประเทศอื่นเป็นพิเศษ
แต่การยกเลิกการจองโดยไม่มีการแจ้งทางร้านถือเป็นการเสียมารยาทอย่างมาก
ร้านที่ค่อนข้างเป็นกันเอง อย่างร้านราเม็งหรือร้านอุด้ง อาจจะไม่รับจองที่นั่ง
ในกรณีเช่นนี้ ขอให้คุณเดินทางไปที่ร้านโดยตรง
หากเป็นร้านดังเป็นพิเศษคุณอาจจะต้องเข้าแถวรอก็ได้
กรณีที่คุณไม่แน่ใจ ขอให้ปรึกษากับประชาสัมพันธ์ของโรงแรม

วิธีการสั่งอาหารนั้นมีอยู่หลากหลายวิธีด้วยกัน
แต่สำหรับรูปแบบโดยทั่วไปของร้านอาหารของญี่ปุ่นนั้น คือ การสั่งอาหารที่โต๊ะ
หลังจากเข้าร้านแล้ว ให้คุณไปที่โต๊ะตามที่พนักงานนำทาง
หลังจากพนักงานได้ยื่นเมนูให้แล้ว คุณก็เลือกอาหารที่มองแล้วอยากทาน
จากนั้นให้เรียกพนักงานอีกครั้งเพื่อทำการสั่งอาหาร

อาจมีร้านที่ต้องจ่ายเงินก่อนสั่งอาหาร เช่น ร้านราเม็ง เป็นต้น
ร้านที่ใช้ระบบจ่ายเงินก่อนนั้น โดนส่วนมาก ทางร้านจะขอให้ทำการซึ้อ “คูปองอาหาร”
ในรายการที่คุณอยากทานแทนการสั่งอาหารที่โต๊ะ
ในร้านที่มีลักษณะเช่นนี้
ให้คุณเลือกซื้อคูปองอาหารที่คุณอยากทานที่เครื่องขายคูปองอัตโนมัติ
จากนั้น เมื่อไปนั่งที่โต๊ะแล้วยื่นคูปองให้แก่พนักงาน การสั่งอาหารก็เป็นอันเสร็จสมบูรณ์
กรณีที่พนักงานฉีกคูปองออกเป็นสองส่วน ขอให้คุณเก็บคูปองที่เหลืออยู่ครึ่งหนึ่งไว้
เมื่ออาหารถูกส่งถึงมือคุณเรียบร้อย คูปองอีกครึ่งใบนั้นจะถูกพนักงานเก็บรวบรวมไป
วิธีการสังเกตว่าร้านไหนใช้ระบบจ่ายเงินล่วงหน้านั้น
ให้คุณลองสังเกตดูว่าบริเวณทางเข้าร้านมีเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติอยู่หรือไม่
ก็จะทราบได้ทันที

ร้านอาหารของประเทศญี่ปุ่นจะให้บริการน้ำดื่มฟรี
โดยส่วนมากจะมีพนักงานยกน้ำดื่มมาให้คุณตั้งแต่เข้าร้าน
แต่สำหรับร้านที่ค่อนข้างเป็นกันเองแล้ว คุณอาจจะต้องใช้วิธีบริการตนเอง
ในร้านอาหารญี่ปุ่นและร้านซูชิ อาจจะมีบริการน้ำชาฟรีให้หลังอาหารด้วย
แต่คุณจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มกับเครื่องดื่มประเภท Soft Drink อื่นๆ

สำหรับร้านอาหารที่ไม่ได้ใช้ระบบจ่ายล่วงหน้าอย่างการซื้อคูปองอาหารนั้น
โดยทั่วไปแล้วคุณจะต้องไปชำระเงินที่แคชเชียร์
เพื่อเป็นการตรวจสอบว่าพนักงานไม่ได้สั่งรายการอาหารผิดพลาด
ทางพนักงานจะนำบิลมาวางให้คุณบนโต๊ะหลังจากที่คุณสั่งอาหารเรียบร้อยแล้ว
หรือขณะที่นำอาหารที่คุณสั่งจานสุดท้ายมาเสิร์ฟบนโต๊ะ
เมื่อคุณทานอาหารเสร็จแล้ว ให้นำบิลไปที่แคชเชียร์และทำการชำระเงิน
อนึ่ง ไม่มีความจำเป็นจะต้องจ่ายทิปให้พนักงาน
สำหรับร้านอาหารหรูหราชั้นสูงบางแห่ง
อาจจะใช้วิธีเรียกพนักงานมาเช็กบิลที่โต๊ะโดยที่คุณไม่ต้องเดินไปที่แคชเชียร์
อย่างไรก็ตาม สำหรับร้านอาหาร เช่น ร้านอาหารฝรั่งเศสนั้น
โดยส่วนใหญ่แล้ว แม้จะเป็นร้านที่มีลักษณะเป็นกันเองก็จะใช้วิธีเช็กบิลที่โต๊ะ
ซึ่งเป็นวิธีการคิดเงินตามขนบธรรมเนียมของประเทศนั้น ๆ

หากเป็นร้านแฟรนไชส์ขนาดใหญ่ โดยมากแล้วคุณสามารถใช้บัตรเครดิตได้
แต่อัตราในการใช้บัตรเครดิตในญี่ปุ่นยังไม่สูงเท่าประเทศทางตะวันตก
ดังนั้น สำหรับร้านเล็ก ๆ ที่บริหารด้วยตนเองนั้น คุณจะไม่สามารถใช้บัตรเครดิตได้
นอกจากนี้ แม้ที่ร้านจะมีเครื่องรูดบัตรติดตั้งอยู่
แต่ร้านที่ไม่สามารถรูดบัตรในช่วงกลางวัน (Lunch Time) ก็มีไม่น้อยเลยทีเดียว
เพราะฉะนั้น เราขอแนะนำให้คุณพกเงินสด (เงินสกุล JPY)
ติดตัวเวลาไปทานอาหารที่ร้านอาหารในประเทศญี่ปุ่นด้วยจะดีกว่า