“นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติส่วนใหญ่เป็นชาวจีนและชาวไทยครับ โดยเฉพาะประเทศไทยที่มีการพูดถึงร้านของเราในข่าวหรือ โซเชียลมีเดียบ่อยๆ เลยมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้นักท่องเที่ยวจากไต้หวันและเกาหลีก็มาใช้บริการเช่นกันครับ”

ผู้ที่พูดก็คือคุณอิวะบุจิ เซจิ ฝ่ายวางแผนของร้านทาเคยะ และจากนี้เราจะขอแนะนำสเน่ห์ของร้านทาเคยะ ซึ่งตอนนี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวมีชื่อเสียงไปเรียบร้อยแล้วกันค่ะ

ร้านทาเคยะแบ่งออกทั้งหมดเป็น 7 อาคารด้วยกัน และเนื่องจากมีพื้นที่อันกว้างขวาง ในร้านจึงมีขายทุกอย่างตั้งแต่ของใช้เด็กอ่อนไปจนถึงหิ้งพระกันเลยทีเดียว เดี๋ยวเราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับอาคารทั้ง 7 แห่งนี้อย่างคร่าวๆ กันค่ะ

●อาคารหลัก A (อาหาร / ยา / อาหารเพื่อสุขภาพ / นาฬิกา / เครื่องใช้ไฟฟ้า)
●อาคารหลัก B (อาหาร / แฟชั่นบุรุษ / เครื่องสำอางสตรี)
●อาคารสินค้าสตรี (ยา / อาหารเพื่อสุขภาพ / เครื่องสำอางสตรี / แฟชั่นสตรี / เครื่องเพชร)
●อาคารเครื่องเรือน (เครื่องเรือน / อุปกรณ์สัตว์เลี้ยง / จักรยาน / หิ้งพระ)
●อาคารแยกของอาคารเครื่องเรือน (ของใช้ในชีวิตประจำวัน / เครื่องเรือนแบบประกอบเอง)
●อาคารของตกแต่งภายในและสินค้าเบ็ดเตล็ด (ผักและผลไม้ / เนื้อสด / เครื่องนอน / ผ้าม่าน / พรม)
●อาคารหมายเลข 8 (เครื่องเขียน/ เครื่องสำอางบุรุษ)

ที่นี่คือแดนมหัศจรรย์สำหรับการชอปปิง! นักท่องเที่ยวที่มาเยือนต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “เดินทั้งวันก็ไม่หมด” โดยมีจุดเด่นอยู่ที่อาคารหลัก A และ B ซึ่งทั้งสองอาคารยังมีทางเดินเชื่อมถึงกัน จึงสามารถเดินไปมาได้อย่างสะดวกอีกด้วย

ที่นี่มีบริการเป็นภาษาต่างๆ ทั้งภาษาจีน, ภาษาไทย, ภาษาเกาหลี และภาษาอังกฤษ ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนกันมากขึ้น อีกทั้งชั้นที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากันเยอะ ก็จะมีพนักงานชาวต่างชาติหรือพนักงานที่พูดภาษาต่างประเทศได้ประจำการอยู่อีกด้วย เสียงประกาศภายในร้านก็เป็นแบบหลายภาษา และยังมีป้ายแนะนำสินค้าที่ทำขึ้นเฉพาะสำหรับชาวจีนและชาวไทยอีกด้วย

คุณอิวะบุจิกล่าวว่า “แผ่นพับนำทางของที่นี่นอกจากภาษาญี่ปุ่นแล้วยังมีภาษาจีน ภาษาไทย ภาษาเกาหลี และภาษาญี่ปุ่นด้วยครับ” ซึ่งมีมากว่า 10 ปีแล้ว เป็นข้อมูลที่น่าตกใจจริงๆ ค่ะ

ภายในร้านทาเคยะ ส่วนที่คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากที่สุดก็คือชั้น 1 ของอาคารหลัก A ซึ่งก็คือชั้น “อาหาร” นั่นเอง ที่แผนกนี้ทั้งชั้นเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ใส่ขนม, กับแกล้ม, ผลไม้อบแห้ง และถั่วต่างๆ จนเต็มตะกร้า ไม่ว่าคนไหนต่างก็ดูท่าสนุกสนาน ทางเราเลยไปลองขอดูของในตะกร้ากันค่ะ

“สวัสดีค่ะ! ฉันหรือค่ะ? มาจากประเทศไทยค่ะ ขนมของญี่ปุ่นมีแพ็คเกจน่ารักมาก แถมขนมรสชาเขียวยังเป็นที่นิยมมากๆ อีกด้วย เวลาซื้อไปเป็นของฝากทุกคนจะชอบมากเลยค่ะ”

“พวกเราทั้งครอบครัวมาไกลจากประเทศอินโดนีเซียเลยนะ! คิทแคทอร่อยมากเลย รสนี้มีเฉพาะที่ญี่ปุ่น ไม่มีขายที่อินโดนีเซีย ก็เลยว่าจะซื้อไปเยอะๆ เลย”

“สวัสดีครับ! พวกเรามาจากประเทศไทย มาประเทศญี่ปุ่นครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่ 5 แล้ว มาคราวก่อนได้ลองทานข้าวสวยราดด้วยน้ำชาร้อนๆ ไป อร่อยมาก คราวนี้เลยพุ่งตรงมาหาก่อนเลย”

“ชั้นนี้ที่ขายดีเป็นพิเศษคือเยลลี่กับถั่วพิสตาจิโอค่ะ ทุกคนซื้อกันไปจนเต็มตะกร้าเลย” (คุณเพิร์ล / พนักงานชาวไทย)

ถัดไปเราจะไปที่อาคารหลัก B ชั้น 2 ซึ่งเป็นชั้นเครื่องสำอางกันค่ะ ที่นี่ก็มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากมาย “อันนี้ๆ! มาที่นี่เพื่อมาหาอันนี้แหละ” สาวไทยพูดขณะที่หยิบ ANESSA “Perfect UV Skincare Gel” ขึ้นมา จากนั้นสาวไทยคนต่อไปก็ ANESSA และ ANESSA แล้วก็ ANESSA เห็นได้ชัดเลยว่าขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเลยจริงๆ

“น่าจะเป็นเพราะว่าประเทศไทยเป็นเมืองร้อน ทุกคนเลยชอบแบบเจลที่จะสดชื่นกว่า หรือแบบที่ช่วยให้ผิวขาวก็ขายดีค่ะ” (คุณเวิง / พนักงานชาวจีน)

“สินค้าของ Shiseido ก็ได้รับความนิยมมากค่ะ Senka Perfect Whip, ELIXIR Superieur Enriched Wrinkle Cream ก็ขายดีค่ะ” (คุณเวิง / พนักงานชาวจีน)

นอกจากนี้ ที่ชั้นเครื่องสำอางยังมีเครื่องแปลภาษา “Payke” ไว้ให้ใช้บริการ เพียงเลือกภาษาบนหน้าจอ แล้วแสกนบาร์โค้ดของสินค้าลงไป ก็จะมีคำแนะนำสินค้านั้นๆ เป็นภาษาที่เลือกปรากฏขึ้นมาค่ะ

สินค้าที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติถัดมาจากอาหารและเครื่องสำอางก็คือ “สินค้าแบรนด์เนมนำเข้า”, “นาฬิกาข้อมือยี่ห้อชั้นนำ”, “ภาชนะ / เครื่องครัว” และ “เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน” เราไปดูสินค้าที่ชั้นเหล่านี้กันค่ะ

●สินค้าแบรนด์เนมนำเข้า (อาคารหลัก B ชั้น 3)

“ชาวไทยชอบกระเป๋าแบรนด์เนมของอิตาลี่ยี่ห้อ “Roberta Pieri” ส่วนชาวจีนส่วนใหญ่จะดูสินค้าแบรนด์เนมชั้นนำอย่างหลุยส์วิตตองหรือชาเนลกันค่ะ” (คุณฮากิวาระ/พนักงานชาวญี่ปุ่น)

●นาฬิกา (อาคารหลัก A ชั้น 3-4)

ที่นี่มีนาฬิกาข้อมือแบรนด์เนมชั้นนำที่แพงขนาดซื้อรถคันหนึ่งได้เลย พนักงานชาวจีนบอกว่านาฬิกา Rolex รุ่นนี้ขายดีมากค่ะ

●ภาชนะ / เครื่องครัว (อาคารหลัก A ชั้น 5)

ที่ขายดีที่สุดคือ “แก้วภูเขาไฟฟูจิ” (ซ้ายบน) นอกจากนี้ “กาน้ำชาใบจิ๋ว” เป็นกาน้ำชาใบกลมๆ น่ารัก (ขวาบน) และมีดที่ทำจากเซรามิกและโลหะ (ซ้าย/ขวาล่าง) ก็ขายดีค่ะ

●เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน (อาคารหลัก A ชั้น 7)

ที่นี่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่สามารถใช้กับกำลังไฟของประเทศต่างๆ ได้มากมาย ที่ขายดีคือหม้อหุงข้าว (ภาพบน) ไดร์เป่าผม (ซ้ายล่าง) และชุดลูกกลิ้งนวดหน้าของ “Refa” (ขวาล่าง)

นอกจากจะมีสินค้ามากมายหลายประเภทมารวมไว้ด้วยกันแล้ว ที่นี่ยังมีอัตราการลดราคาที่สูงมากด้วยค่ะ ส่วนลดสำหรับลูกค้าชาวต่างชาติก็ครบครัน เรียกว่าเป็น ร้านค้าลดราคา ขนาดใหญ่ที่ไม่ทำให้ผิดหวังเลย นอกจากนี้ยังสามารถใช้แอพพลิเคชั่นชำระเงินผ่านทางสมาร์ทโฟนอย่าง “Alipay” หรือ “WeChatPay” ได้ และภายในร้านยังมี FREE Wi-Fi ให้ใช้ได้อีกด้วย

ภายในแต่ละจุดของร้านจะมีเคานต์เตอร์ยกเว้นภาษี ซึ่งจะหักภาษีออกให้ 8% นอกจากนี้หากใช้ JCB Card ที่ออกที่ต่างประเทศก็จะได้ส่วนลดเพิ่มอีก 10% เรียกว่าเป็นส่วนลดที่คนญี่ปุ่นยังต้องอิจฉาเลยล่ะค่ะ


“ราคาถูก”, “สินค้าหลากหลาย” และ “ให้บริการได้หลายภาษา” คือ 3 ปัจจัยสำคัญที่เป็นมนต์สเน่ห์ของทาเคยะทาวน์ หากได้มาที่โตเกียวแล้วล่ะก็มาลองหาสมบัติที่นี่ดูสักวันนึงไหมคะ