สถานีโตเกียวมีบทบาทในฐานะเป็นประตูทางเข้าหลักของเมืองหลวงมาตั้งแต่เปิดทำการ
ในปี ค.ศ. 1914
มาเริ่มสำรวจกันตั้งแต่ค้นหาอาคารสถานีที่ถูกฟื้นฟูให้กลับมาสู่สภาพอันงดงามตระการตา
เช่น ในสมัยที่เพิ่งสร้างกัน
เมื่อออกจากช่องตรวจตั๋วฝั่งเหนือและฝั่งใต้ของมารุโนะอุจิแล้วแหงนหน้ามองขึ้นไปด้าน
บนก็จะพบกับโดมอันงดงามกว้างขวาง
ที่ชานชาลาหมายเลข 5 และ 6 นั้นยังคงมีปล่อยให้เสาจากสมัยเก่าหลงเหลือไว้อยู่
อีกทั้งยังเต็มไปด้วยจุดน่าชม เช่น กระจกสีที่ทางเข้าชานชาลาสายเคโย
"TOKYO STATION GALLERY" พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่มีห้องจัดนิทรรศการอิฐสีแดง เป็นต้น
ภายในอาคารสถานีนั้นมีทั้งบริเวณที่สามารถเพลิดเพลินได้หลากหลายอย่าง เช่น อาหาร
สินค้าเบ็ดเตล็ด และของฝาก เป็นต้น
ดังนั้นควรมาเติมความอิ่มท้องที่นี่ก่อนจะไปเดินเล่นกันดีกว่า

เมื่อเดินไปตามทางเกียวโคโดริจากทางออกกลางมารุโนะอุจิของสถานีโตเกียวแล้วก็
จะพบกับ "สวนสาธารณะน้ำพุวาดะคุระ" อยู่ทางขวามือ
และเมื่อผ่านไปแล้วก็จะถึงจัตุรัสหน้าพระราชวัง จตุรัสแห่งนี้นั้นเมื่อก่อนเคยเป็นบ้าน
ของซามูไรที่รับใช้โชกุน
เมื่อเดินต่อไปยังหน้าจัตุรัสแล้วก็จะพบประตูเชื่อมต่อไปยังพระราชวัง ได้แก่ เซอิมง
(ประตูทางเข้าหลัก), ซากุระดะมง, ซากะชิตะมง และสะพานนิจูบาชิ เป็นต้น
จากนั้นเมื่อไปทางโคเคียวฮิกาชิเกียวเอน (อุทยานฝั่งตะวันออกของพระราชวัง) โดยใช้
ถนนอุจิโบริโดริ และลอดผ่านโอเทะมง (ประตูทางเข้าหลักของปราสาท) แล้วจะพบกับ
เฮียะคุนิงบังโฉะ (ป้อมยาม 100 คน) ที่ใหญ่ที่สุดภายในพระราชวังที่เคยมีทหารยามอยู่
อีกทั้งยังสามารถชม เช่น ร่องรอยโอโอขุที่เคยมี "โอโอขุ (ที่อยู่ของมารดา บุตรธิดา และ
ภรรยาทั้งหลายของโชกุน รวมถึงนางกำนัล)" ที่เป็นพระราชวังชั้นในของปราสาทเอโดะ
สวนนิโนะมารุที่เป็นสวนสไตล์ญี่ปุ่น เป็นต้นได้อีกด้วย

หลังจากเดินเล่นที่พระราชวังเสร็จแล้วก็ไปต่อยังถนนบาบะสะกิ และลองเดินเล่นที่
"ถนนมารุโนะอุจินาคาโดริ" กันเถอะ
ถนนที่มีรสนิยมซึ่งตัดผ่านทางตั้งแต่เหนือจรดใต้ของย่านสำนักงาน หากต้องการซื้อของ
หรือทานอาหาร
ก็ขอแนะนำ เช่น Marunouchi Brick Square และ Shin-Marunouchi Building และ
Marunouchi Building เป็นต้น
ระหว่างถนนที่มีต้นไม้เรียงรายอยู่นั้นมีการจัดแสดงนิทรรศการผลงานศิลปะ และห้าม
พลาดชมการจัดแสดงไฟในช่วงฤดูใบไม้ร่วงถึงฤดูหนาว
นอกจากนี้ด้านล่างของตึกระฟ้ายังมีสิ่งก่อสร้างที่ให้ความรู้สึกถึงประวัติศาสตร์ของ
มารุโนะอุจิ กระจัดกระจายอยู่โดยทั่ว เช่น DN Towe 21 เมจิเซเมคัง และอาคารสมาคม
ธนาคารแห่งโตเกียว เป็นต้น
"รถรับส่งมารุโนะอุจิ" ที่สามารถขึ้นรถได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายนั้นจะช่วยให้การเที่ยวชม
บริเวณมารุโนะอุจิมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น

เมื่อมุ่งหน้าไปทางเออิไทโดริจากถนนมารุโนะอุจินาคาโดริ และผ่านสถานีโตเกียวไป
ทางโซโตะโบริโดริแล้วก็จะถึงบริเวณนิฮงบาชิ
นิฮงบาชินั้นเป็นจุดศูนย์ของญี่ปุ่นและเป็นบริเวญที่มีความเจริญรุ่งเรืองในฐานะเป็น
ย่านใจกลางการค้าและวัฒนธรรม อีกทั้งยังมีสิ่งก่อสร้างหลายแห่งที่ถูกกำหนดให้
เป็นทรัพย์สินสำคัญทางวัฒนธรรม และสามารถจะสัมผัสกับประวัติศาสตร์ระว่างเดิน
เล่นได้อีกด้วย
จุดน่าชมคือ "นิฮงบาชิ" ที่เป็นสะพานโค้งสองอันต่อกันและมีโครงสร้างจากหิน
ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1911
นอกจากนี้ยังมีห้างนิฮงบาชิมิทสึโคชิสาขาใหญ่ที่ได้รับเลือกเป็นสิ่งก่อสร้างทาง
ประวัติศาสตร์ที่เมืองโตเกียวคัดเลือก และมีธนาคารญี่ปุ่นที่เป็นธนาคารกลางที่ทำหน้าที่
พิมพ์ธนบัตรญี่ปุ่นอีกด้วย
สำนักงานใหญ่ของธนาคารญี่ปุ่นนั้นสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1896 และได้ถูกกำหนดให้เป็น
ทรัพย์สินสำคัญทางวัฒนธรรมในฐานะเป็นสิ่งก่อสร้างสไตล์ตะวันตกสมัยใหม่
สนับสนุนภาพโดย : ธนาคารญี่ปุ่น

เมื่อเดินไปทางออกยาเอสุของสถานีโตเกียวโดยผ่านโซโตะโบริโดริจากธนาคารญี่ปุ่น
แล้วก็จะถึงบริเวณยาเอสุ ที่นี่มีศูนย์การค้า เช่น ไดมารุที่เป็นห้างสรรพสินค้าสาขาเก่าแก่
และ GRANROOF ที่เป็นสถานที่ขึ้นชื่อที่ใหม่ เป็นต้น
เมื่อข้ามผ่านถนนโซโตะโบริโดริไปแล้วก็จะเห็นภาพลักษณ์ของย่านบันเทิงที่มีบรรยากาศย้อนยุค และเมื่อเข้าช่วงกลางคืนแล้วอิซากายะ (ร้านเหล้า) ก็จะเต็มไปด้วยพนักงาน
บริษัทที่ทำงานใกล้ ๆ นั้น
นอกจากนี้เมื่อลงไปชั้นใต้ดินจากทางออกยาเอสุของสถานีโตเกียวแล้วก็จะพบกับ
ยาเอสุจิคะไกที่เป็นศูนย์การค้าชั้นใต้ดินยาเอสุที่กว้างขวาง ซึ่งมีร้านค้ารวบรวมไว้
ประมาณ 180 ร้าน เช่น ร้านอาหาร ร้านขายของใช้ประจำวันเบ็ดเตล็ด ร้านค้าแฟชั่น
เป็นต้น
การลองเดินเล่นตามใจชอบที่ "ยาเอจิคะ" ที่ประกอบไปด้วยถนนหลายสายก็คงจะสนุกดี
เหมือนกัน