“สวีทพาราไดซ์ สาขาฮาราจูกุ” เป็นร้านบุฟเฟต์ขนมหวานซึ่งห่างจากสถานีฮาราจูกุ รถไฟสาย JR ยามาโนเตะ โดยเดินเท้าเพียง 3 นาที หาเจอได้ง่ายสุด ๆ เพราะตั้งอยู่บนถนนทาเคชิตะ ที่นี่มีบริการบุฟเฟต์ 3 คอร์สหลัก ๆ ดังนี้
-บุฟเฟต์พื้นฐาน (ไม่รวมเครื่องดื่ม) : ผู้ใหญ่ 50 นาที 1100 เยน (รวมภาษี)
-บุฟเฟต์สแตนดาร์ด (บุฟเฟต์พื้นฐาน + เครื่องดื่ม) : ผู้ใหญ่ 70 นาที 1320 เยน (รวมภาษี)
-บุฟเฟต์แนะนำ (บุฟเฟต์พื้นฐาน + เครื่องดื่ม + ไอศกรีมฮาเก้น-ดาส อิลเจลาโต้) : ผู้ใหญ่ 80 นาที 1490 เยน (รวมภาษี)

โดยคอร์สที่มีคนใช้บริการมากที่สุดคือบุฟเฟต์สแตนดาร์ด ส่วนบุฟเฟต์แนะนำนั้นได้รับความนิยมจากคนที่อยากทานไอศกรีมยอดฮิตฮาเก้น-ดาส อิลเจลาโต้ เพิ่มจากบุฟเฟต์สแตนดาร์ด

คอร์สบุฟเฟต์ของสวีทพาราไดซ์ สาขาฮาราจูกุ มีบริการอาหารอย่างอื่นนอกจากขนมหวานด้วย เช่น พาสตา หรือ แกงกะหรี่ โดยเฉพาะพาสตานั้นจะใช้เส้นที่ผลิตจากโรงงานของสวีทพาราไดซ์เองทุกวัน ทำให้ได้ลิ้มรสเส้นพาสตาสดใหม่แบบออริจินอลของสวีทพาราไดซ์ที่หาที่ไหนไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีบูธแยกอาหารแต่ละประเภท เช่น แกงกะหรี่ สลัดบาร์ ซุป สำหรับคนที่อยากจะอิ่มให้เต็มที่ก็ห้ามพลาดเช่นกัน

เมนูสุดฮิตของสวีทพาราไดซ์ สาขาฮาราจูกุ คือ “ชอร์ตเค้กนุ่มนิ่ม” ที่ได้รับความนิยมอันดับ 1 ตลอดกาล วิปครีมบนชอร์ตเค้กที่ทำจากครีมสดจากฮอกไกโด สตรอว์เบอร์รีและครีมที่เข้ากันได้ดีอย่าบอกใคร ! พอได้เอาเข้าปากสัมผัสกับความนุ่มของวิปครีม ก็เข้าใจเลยว่าทำไมถึงได้รับความนิยมอย่างสูงเช่นนี้

เมนูยอดฮิตถัดไปคือ “เค้กเบอร์รี” ตัวเค้กประกอบด้วยสตรอว์เบอร์รีเชื่อมน้ำตาลและวิปครีมซึ่งทำจากครีมสดฮอกไกโด มีคัสตาร์ดครีมประกอบเป็นชั้นอยู่ด้านล่างสุด หน้าเค้กโรยท็อปปิ้งด้วยเบอร์รี 4 ชนิด คือ สตรอว์เบอร์รี บลูเบอร์รี ราสเบอร์รี และแกรนด์เบอร์รี ถือเป็นเค้กที่เป็นหน้าเป็นตาของสวีทพาราไดซ์ชิ้นหนึ่งเลยทีเดียว

สวีทพาราไดซ์ สาขาฮาราจูกุ มีบริการเมนูภาษาต่างประเทศสำหรับชาวต่างชาติ ทั้ง ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และภาษาเกาหลี เนื่องจากบุฟเฟต์ขนมหวานน่าจะหาทานได้ยากในต่างประเทศ ผู้ที่ต้องการเพลิดเพลินไปกับการกินขนมหวานแบบไม่อั้นซึ่งถือเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมญี่ปุ่นจึงห้ามพลาด

ออร์แกนิคเรสเตอรองต์ เครยอนเฮ้าส์ “ฮิโรบะ” ตั้งอยู่ห่างจาก “สถานีโอโมเตะซันโด” รถไฟเมโทร สายกินซ่า สายจิโยดะ และสายฮันโซมง โดยออกจากทางออก A1 จากทางเชื่อมใต้ดิน และเดินอีก 2 นาที เวลาบุฟเฟต์สำหรับมื้อเที่ยงของฮิโรบะ คือ วันจันทร์ถึงศุกร์ 11:00-14:00 (อาหารเมนูปกติมีบริการถึง 14:30) วันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 10:30-14:00 คุณจะสามารถเพลิดเพลินไปกับเมนูที่ไม่ซ้ำกันในแต่ละวันจากผักออร์แกนิคได้ในราคาผู้ใหญ่ (นักเรียนมัธยมต้นขึ้นไป) คือ 1528 เยน (รวมภาษี)

ที่ฮิโรบะมีเมนูและโฮมเพจเป็นภาษาอังกฤษสำหรับชาวต่างชาติ และมีพนักงานที่พูดภาษาอังกฤษ จึงสามารถตอบข้อสงสัยของผู้ที่มีข้อกำหนดในการทานอาหารได้ นอกจากนี้ เมนูยังเปลี่ยนไปตามแต่ละวันอีกด้วย

วันจันทร์เป็นวัน “Vegetarian Monday” เพื่อคนรักผักโดยเฉพาะ ไม่ใช่แค่อาหารเท่านั้น แม้แต่น้ำซุปก็ทำจากผักทั้งหมด ไม่ว่าจะมังสวิรัติหรือวีแกนก็เพลิดเพลินกับอาหารได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องวัตถุดิบ วันที่ 10, 20, 30 ของทุกเดือนคือวัน “Gluten-Free Day” ซึ่งจะเสิร์ฟอาหารเมนูกลูเตนฟรีที่ไม่ใช้ข้าวสาลี ผู้ที่มีข้อจำกัดในการทานอาหารและผู้ที่ใส่ใจสุขภาพจึงสามารถทานอาหารได้อย่างสบายใจที่ฮิโรบะ

มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวนไม่น้อยที่นอกจากจะต้องการเพลิดเพลินไปกับอาหารญี่ปุ่นแล้วก็ยัง “อยากลองสัมผัสวัฒนธรรม” ด้วย ซึ่งหนึ่งในวัฒนธรรมนั้นคือการใช้ตะเกียบทานอาหารนั่นเอง แต่คงมีหลายคนที่ใช้ตะเกียบทานอาหารไม่ได้ดั่งใจเพราะไม่ชิน ที่นี่จึงมีช้อนและส้อมเตรียมไว้ให้ด้วย

เมนูยอดนิยมสำหรับชาวต่างชาติของฮิโรบะคือเทมปุระที่ใช้ผักตามฤดูกาล เช่น มันเทศ หรือรากบัว ชาวต่างชาติมักจะชอบอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม จานหลักที่ขาดไม่ได้อย่างเทมปุระจึงเป็นเมนูยอดฮิตนั่นเอง

เมนูยอดฮิตถัดไปคือซุปมิโซะ ซึ่งใช้น้ำซุปที่ได้จากการต้มสาหร่ายฮิดากะและปลาซาบะ และใช้เต้าเจี้ยวผสมกับเห็ดหอมอบแห้งและปลาคัตสึโอะตากแห้ง ไม่ใช่แค่ผู้ใหญ่เท่านั้น แต่ยังเป็นที่นิยมในหมู่เด็ก ๆ อีกด้วย ขนาดที่ว่ามีเด็กดื่มซุปไปถึง 5 ถ้วยเลยทีเดียว

นอกจากพื้นที่ทานอาหารสุดชิคภายในร้านแล้วฮิโรบะยังมีที่นั่งบนระเบียงด้วย ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงจากชาวต่างชาติ แม้วันที่อากาศหนาวก็ยังอยากจะไปนั่งทานอาหารบนระเบียง สำหรับที่นั่งบนระเบียงนั้นถูกรายล้อมไปด้วยธรรมชาติ ทั้งผักและดอกไม้ต่าง ๆ คุณจะได้ลิ้มรสอาหารพร้อมกับชมวิวไปในตัว จนแทบจะลืมไปว่าตอนนี้กำลังนั่งอยู่กลางเมืองหลวงเลยทีเดียว

ออร์แกนิคเรสเตอรองต์ฮิโรบะเป็นร้านที่ได้รับการพูดถึงอย่างกว้างขวางแม้ในต่างประเทศ จึงขอแนะนำสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่อยากลิ้มรสชาติของผักออร์แกนิคอร่อย ๆ

“ซากุระเท” คือร้านกระทะร้อนที่ตั้งอยู่ห่างจากสถานีฮาราจูกุ สาย JR ยามาโนเตะโดยเดินเท้า 8 นาที มี “บุฟเฟต์มื้อเที่ยง” ในเวลา 90 นาที ราคา 1500 เยน (รวมภาษี) ซึ่งมีท็อปปิ้งให้เลือกถึง 21 ชนิด สามารถทานโอโคโนมิยากิและมอนจายากิได้ไม่อั้นในเวลาที่กำหนด และยังมีเครื่องดื่มแถมให้หนึ่งแก้วอีกด้วย

ที่นี่เป็นร้านโอโคโนมิยากิที่ฮิตในหมู่ชาวต่างชาติมากขนาดที่ว่าครึ่งหนึ่งของลูกค้าคือชาวต่างชาติเลยทีเดียว นอกจากนั้นซากุระเทยังมีธีมของร้านคือ “การรวมตัวกันของอาหารและศิลปะ” จึงสามารถทานอาหารพร้อมกับชื่นชมศิลปะทั้งภายในและภายนอกร้านได้ไปในตัว

ซากุระเททุ่มเทให้กับการต้อนรับชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก ภายในร้านมีพนักงานชาวต่างชาติจึงสามารถให้การต้อนรับเป็นภาษาอังกฤษได้ตามสถานการณ์ และยังมีอาหารที่ใช้แป้งสาลีปราศจากกลูเตนหรือน้ำซุปปรุงรสที่ทำจากผักสำหรับผู้ที่มีข้อกำหนดในการทานอาหารหรือผู้ที่ทานมังสวิรัติอีกด้วย

ชาวต่างชาติส่วนใหญ่ที่มาใช้บริการของซากุระเท จะได้สนุกสนานไปกับการย่างโอโคโนมิยากิด้วยตัวเอง แต่สำหรับชาวต่างชาติหลาย ๆ คนที่เพิ่งเคยใช้บริการร้านโอโคโนมิยากิเป็นครั้งแรกคงจะรู้สึกไม่มั่นใจเป็นแน่ ที่นี่จึงเตรียมเมนูภาษาอังกฤษที่อธิบายวิธีการทำที่เข้าใจง่ายพร้อมมีรูปภาพประกอบตามลำดับ แค่นี้ชาวต่างชาติที่จะลองย่างโอโคโนมิยากิเองเป็นครั้งแรกก็ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว

จากที่ได้ลองถามพนักงานว่าเมนูยอดนิยมในหมู่ชาวต่างชาติคือเมนูอะไร ก็ได้คำตอบว่าชาวต่างชาตินิยมสั่งโอโคโนมิยากิแบบคลาสสิกอย่าง “ซากุระยากิ” “สเปเชียลโมเดิร์น” และ “โอโคโนมิยากิซีฟู้ด” นอกจากนี้ยังมีเมนูยอดฮิตของชาวต่างชาติเป็นพิเศษคือ “อาโวคาโดพอร์กโอโคโนมิยากิ” ซึ่งเป็นโอโคโนมิยากิที่ไม่เหมือนใครเพราะใช้อาโวคาโด ถือเป็นเมนูที่หาทานไม่ได้ง่าย ๆ ที่ร้านอื่น

ครั้งนี้ผู้เขียนได้ลองสั่งโอโคโนมิยากิซีฟู้ด หนึ่งในเมนูยอดฮิตของชาวต่างชาติ สำหรับคนที่ไม่มั่นใจว่าจะย่างโอโคโนมิยากิออกมาได้อย่างสวยงามหรือไม่นั้นก็สามารถเรียกให้พนักงานช่วยได้

ผู้เขียนเองก็ได้พนักงานช่วยเลยย่างออกมาได้อย่างสวยงาม เป็นโอโคโนมิยากิที่มีเครื่องอัดแน่น อร่อยอย่าบอกใคร ซากุระเทเหมาะกับชาวต่างชาติที่ต้องการลองประสบการณ์การย่างโอโคโนมิยากิไปพร้อม ๆ กับการชื่นชมศิลปะคูล ๆ ถือเป็นร้านที่ไม่ควรพลาดหากมาเที่ยวที่ฮาราจูกุ