ศูนย์กลางการท่องเที่ยวในอาซากุสะคือวัดเซนโซจิ สร้างขึ้นในปี ค.ศ.628 เป็นวัดที่เก่าแก่
ที่สุดในเมืองหลวง ทุก ๆ ปีมีทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติมาเยี่ยมเยียนที่นี่ราว 30 ล้านคน
แต่ละฤดูจะมีการจัดพิธีการที่หลากหลาย ซึ่งเป็นพิธีการที่ดำเนินสืบต่อมาตั้งแต่สมัยก่อน
ถือเป็นจุดท่องเที่ยวยอดเยี่ยมที่ให้บรรยากาศแบบสมัยเอโดะ

เมื่อเดินออกจากสถานีรถไฟใต้ดินอาซากุสะ ประตูคะมินะริซึ่งมีสัญลักษณ์โดดเด่นคือ โคมไฟแบบ
ญี่ปุ่นสีแดงขนาดใหญ่ ก็จะปรากฏแก่สายตาทันที สองฝั่งของประตูมีรูปปั้นเทพเจ้าแห่งลมและสายฟ้า
หรือที่เรียกว่า ฟูจิน(เทพวายุ) และไรจิน(เทพอัสนี) ประดิษฐานอยู่
โคมไฟสูง 3.9 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 3.3 เมตร หนัก 700 กิโลกรัม ซึ่งหากแหงนมองดูใกล้ ๆ แล้ว
อาจต้องตกใจกับความใหญ่ของมัน

เมื่อเดินผ่านประตูคะมินะริไปแล้ว จะมีถนนนากามิเสะ ซึ่งมีร้านค้ากว่า 88 ร้านค้าเรียงรายไปจนถึงวัดเซนโซจิ ย่านร้านค้าซึ่งมีมาตั้งแต่หลายร้อยปีที่แล้วนี้ มีภาพอุกิโยะ และของจุกจิกของญี่ปุ่นจำหน่าย นอกจากนี้ยังสามารถซื้อขนมญี่ปุ่นออกมาทานได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามการเดินถือของกินเข้าไปซื้อของที่ร้านถือว่าเสียมารยาท หลังซื้อแล้วควรทานให้เสร็จตรงนั้นหรือถือกลับไปทานที่บ้าน

ประตูโฮโซอยู่ถัดจากประตูคะมินะริ เมื่อพ้นประตูนี้ไปจะมีวิหารหลักอยู่ทั้ง 2 ฝั่งของประตู
มีรูปปั้นเทพทวารบาล 2 องค์ประทับอยู่ รูปปั้นเทพทั้ง 2 องค์นี้เป็นผู้รักษาประตูวัด มีหน้าที่
คุ้มครองพระพุทธเจ้าจากสิ่งชั่วร้าย มีเอกลักษณ์คือใบหน้าที่มีพลังราวกับจะมีชิวิตขึ้นมา
เมื่อไหร่ก็ได้
ด้านหลังประตูมี “วะระจิ(รองเท้าฟาง)” ขนาดใหญ่ ความยาวถึง 4.5 เมตรแขวนอยู่

ก่อนจะเข้าสักการะองค์เจ้าแม่กวนอิมของวัดเซนโซจิ ต้องชำระร่างกายและจิตใจให้สะอาดที่ “อ่างชำระล้าง” ก่อน โดยการตักน้ำที่ไหลจากปากของมังกร 8 ตัวมาชำระล้างก่อนเข้าเยี่ยมวัด ส่วนวิธีการชำระล้างนั้น ที่บริเวณอ่างชำระล้างมีรูปภาพเขียนอธิบายไว้ให้อ่านประกอบ

ด้านหน้าวิหารหลักมี “กระถางธูป”ไว้สำหรับปักธูปมีความตั้งแต่สมัยก่อนว่าหากร่างกายส่วนที่รู้สึกไม่สบายได้สัมผัสควันจากธูปที่กระถางนั้นแล้วจะฟื้นสภาพดีขึ้น ดังนั้นลองทดลองดูก็ไม่เสียหาย สำหรับผู้ที่ต้องการลองจุดธูปสามารถซื้อได้ที่อาคารที่อยู่ข้างๆ ในราคากำละ 100เยน

กล่าวกันว่าเมื่อ 1,300 ปีที่แล้ว เจ้าแม่กวนอิมได้ลอยเข้ามาติดอยู่ในตาข่ายดักปลาของ2พี่น้องที่แม่น้ำซุมิดะซึ่งอยู่ใกล้ๆวัด จึงได้นำเจ้าแม่กวนอิมองค์นี้มาประดิษฐานที่วิหารแห่งนี้ อาคารปัจจุบันเป็นอาคารที่สร้างขึ้นใหม่เมื่อปี ค.ศ.1958 หากมีโอกาสผ่านวิหารและเปิดให้เข้าสักการะ แล้วหล่ะก็ ควรเข้าไปสักการะสักครั้ง

หลังจากสักการะเจ้าแม่กวนอิมแล้ว มา “เสี่ยงเซียมซี” กันเถอะ
เซียมซีต่างจากการทำนายดวงชะตา คือเป็นข้อความจากเจ้าแม่กวนอิม
ภายในกล่องไม้มีแท่งไม้ที่แต่ละแท่งติดหมายเลข 1-100 อยู่
หยิบกระดาษตามหมายเลขที่เขย่าออกมาได้ และมาดูโชคชะตาในอนาคตกันเถอะ

หลังจากสักการะแล้ว มาดูรอบ ๆ จุดสำคัญบริเวณลานวัดกันเถอะ
แม้จะไม่สามารถเข้าไปภายในเจดีย์ 5 ชั้นได้ แต่อาคารที่ตั้งตระหง่านขึ้นสู่ท้องฟ้านี้
ถือเป็นจุดถ่ายรูปที่ยอดเยี่ยม
ชั้นบนสุดของเจดีย์นี้มีพระบรมสารีริกธาตุประดิษฐานอยู่
ทิวทัศน์ของเจดีย์ท่ามกลางไฟที่ส่องตั้งแต่พระอาทิตย์ตกดินจนถึง 23:00
น. ก็งดงามยิ่งนัก
-