ความท้าทายแรกของคุณอยู่ที่การเลือกจุดหมาย ความพิเศษของไทโตอยู่ตรงที่สถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อทั้งหมดทั้งมวลของโตเกียวล้วนกระจุกตัวอยู่ในเขตนี้เขตเดียว ไทโตซึ่งนับได้ว่าคงความเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมมาอย่างยาวนานนั้นคับคั่งไปด้วยวัดวาอาราม โรงละครแบบดั้งเดิม หรือร้านขายสินค้างานฝีมือที่ยังคงมีชื่อเสียงในฐานะถิ่นชาวเอโดะอย่างที่เป็นมาหลายศตวรรษก่อน อย่างไรก็ตาม หากจะพูดถึงย่านในไทโตที่ครองอันดับหนึ่งสำหรับการท่องเที่ยวเต็มวันแล้ว จะเป็นที่ไหนไปไม่ได้เลยนอกจากย่านอาซากุสะ!

เราปฏิเสธไม่ได้ว่าอาซากุสะขึ้นชื่อเรื่องแหล่องท่องเที่ยวยอดนิยมอยู่แล้ว แต่กระนั้น หากคุณคิดว่าคุณไปมาหมดแล้ว คุณอาจคิดผิดก็ได้ ถ้าคุณยังไม่ได้ทึ่งกับความมโหฬารของประตูคามินาริมง และรูปปั้นมหึมาของเทพอัสนีไรจินและเทพวายุฟูจิน สำรวจตรอกซอกซอย หรือรับประทานอาหารใต้ต้นซากุระ พร้อมดื่มด่ำบรรยากาศริมแม่น้ำสุมิดะแล้วละก็ คุณไม่สามารถเคลมได้ว่าคุณนั้น “ยืนหนึ่ง” เรื่องอาซากุสะตัวจริง

การได้เริ่มต้นวันด้วยการหาดูซากุระในช่วงเวลาที่งดงามที่สุดนั้นเป็นสิ่งที่ห้ามพลาด จริงๆ แล้วมันไม่ยากที่จะทำเช่นนั้นเลย เริ่มที่สถานีรถไฟใต้ดินอาซากุสะ นั่งรถไฟไปทางตะวันออก ซึ่งเดินทางได้ทั้งสายอาซากุสะ สายกินซ่า และสายโทบุสกายทรี จุดหมายของคุณคือแม่น้ำสุมิดะกาวะ ที่นั่นคุณจะได้พบกับสวนซากุระหนาแน่นเป็นระเบียบเรียงรายเลียบแม่น้ำยาวเป็นกิโลเมตร การเดินในเส้นทางนี้ไม่ยาก ทางจะวนเป็นวงกลม จากอาซากุสะ เลียบแม่น้ำ ข้ามสะพานหลายๆ สะพาน และวนกลับ แน่นอนว่าฤดูยอดนิยมจะเปลี่ยนไปตามสภาพอากาศ แต่โดยทั่วไปแล้วคนมักนิยมมากันช่วงปลายเดือนมีนาคมจนถึงต้นเดือนเมษายน

การที่เราได้เห็นวิวซากุระอันสวยงามนี้ ต้องขอบคุณโทกุงาวะ โยชิมูเนะ โชกุนคนที่แปดที่ปกครองในสมัยโทกุงาวะ (ค.ศ.1684–1751) ที่ได้ปลูกซากุระซึ่งเติบโตข้ามศตวรรษควบคู่ไปกับเมืองแห่งนี้

ธรรมเนียมตั้งแต่สมัยซามูไรที่คงสืบทอดมาอีกอย่างหนึ่งคือ อาซากุสะ ยาบุซาเมะ หรือการยิงธนูบนหลังม้า แต่เดิมมีขึ้นเพื่อแสดงความกล้าหาญของทหาร แต่ปัจจุบันเปลี่ยนแปลงเป็นขบวนเฉลิมฉลองที่แสดงชุดเกราะหลากสีสัน และแสดงถึงพิธีเก่าแก่ การยิงธนูผ่าเป้าขนาดเล็กออกเป็นสองซีกอย่างแม่นยำขณะขี่ม้าเป็นสิ่งที่ทำให้เทศกาลนี้เป็นหนึ่งในเทศกาลที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดในญี่ปุ่น เทศกาลจะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 3 ของเดือนเมษายนที่สวนสุมิดะ คุณสามารถซื้อตั๋วเพื่อจับจองที่นั่งชมได้ แต่ต้องมารับตั๋วก่อนล่วงหน้า

อีกทางเลือกหนึ่ง มุ่งหน้าไปทางทิศเหนือของวัดเซ็นโซจิ คุณจะพบกับเทศกาลอิจิโยซากุระ ซึ่งเป็นเทศกาลเลื่องชื่อที่จัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนเมษายน ตลอดเส้นทางของขบวนแห่ที่เรียกว่า “อิจิโยซากุระ โคมัตสึบาชิโดริ” เรียงรายไปด้วย “ยาเอะซากุระ” หรือซากุระกลีบซ้อนที่งดงามชวนตะลึง ซากุระกลีบซ้อนกันหนาเป็นพิเศษนี้เข้ากันดีกับเครื่องแต่งกายดั้งเดิมที่มีการประดับประดาอย่างอลังการ รวมไปถึงแฟชั่นเครื่องแต่งกายในขบวนแห่ของโอริรัน (นางคณิกาชั้นสูง) ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในยุคศักดินาของโตเกียว นอกจากนี้ยังมีการแสดงบนเวทีและอีเวนต์ต่างๆ ให้ร่วมสนุกได้ด้วย

อันที่จริงแล้ว เครื่องแต่งกายอันประณีตของทั้งนักยิงธนูยาบุซาเมะและขบวนแห่เทศกาลอิจิโยซากุระนั้น เป็นสิ่งที่ทำขึ้นในยุคใหม่ สิ่งหนึ่งที่ขึ้นชื่อของไทโตคือการเป็นย่านงานหัตถกรรมดั้งเดิมซึ่งสืบสานกันมายาวนาน ชิ้นงานที่ได้แรงบันดาลใจมาจากซากุระเหล่านี้พร้อมให้คุณเลือกซื้อกันได้ตามใจปรารถนา!

ไม่ว่าจะเป็นผู้มาเยือนหรือผู้ช่ำชองด้านงานฝีมือ ก็ต้องวุ่นวายกับการหาสถานที่ซื้อของ โดยเฉพาะถ้าคุณอยากแน่ใจว่าของที่ซื้อมานั้นทำขึ้นโดยช่างฝีมือที่ไม่ใช่แค่เป็นช่างฝีมือในญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ต้องเป็นช่างฝีมือในไทโตแท้ๆ ที่ Edo Taito Traditional Craft Center ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับสถานที่จัดเทศกาลอิจิโยซากุระนั้น คุณไม่เพียงแต่จะได้สัมผัสเรื่องราวเกี่ยวกับงานหัตถกรรมของพื้นที่นี้และพื้นที่อื่นๆ แต่ยังจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งของช่างฝีมือท้องถิ่นอีกด้วย คุณสามารถไปเยี่ยมเยือนช่างฝีมือที่บ้านในช่วงวันสุดสัปดาห์ พร้อมทั้งชมการสร้างสรรค์งานชั้นครูได้ด้วยตาตัวเอง!

ไม่ใกล้จากศูนย์หัตถกรรมดั้งเดิมเอโดะไทโต บนถนนสายช็อปปิ้งอาซากุสะเซ็นโซกุโดริ เป็นที่ตั้งของ Local Specialty Shop Taito หรือศูนย์รวมสินค้าขึ้นชื่อของไทโต คุณจะต้องทึ่งว่าในร้านใจกลางเมืองนี้จำหน่ายสินค้าอาหารที่สดใหม่ รวมถึงผลไม้และสินค้าลิมิเต็ดเอดิชั่นที่จะหาไม่ได้จากที่ไหนอีกแล้ว พนักงานที่เป็นมิตรพร้อมที่จะให้ข้อมูลแก่คุณ เพราะฉะนั้น ถามมาได้เลย!

ที่นี่มีโปรแกรมพิเศษซึ่งจัดขึ้นอาทิตย์ละครั้ง เป็นการแลกเปลี่ยนสินค้าท้องถิ่นระหว่างแต่ละจังหวัดทำให้คุณหาสินค้าจากทั้งประเทศได้โดยไม่ต้องเดินทางไปเมืองอื่นเลย สิ่งนี้เป็นที่ต้องการของชาวโตเกียว โปรแกรมนี้ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวนัก ดังนั้น หากคุณมาที่นี่ อย่าลืมแวะไปซื้อหากันนะ

หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการเที่ยว ครั้นจะไปชิลล์ที่คาเฟ่ทั่วๆ ไป ก็กระไรอยู่ มาอาซากุสะทั้งที ต้องไปสโลว์ไลฟ์กันที่คาเฟ่ท้องถิ่นซึ่งกระจายตัวอยู่ทั่วย่านแห่งนี้ คุณจะสัมผัสได้ถึงคาแรกเตอร์ของท้องถิ่นที่คาเฟ่เหล่านี้

เราขอเลือก Café Halekura ที่ซ่อนตัวอยู่ในตรอกเล็กๆ ใกล้กับ Local Specialty Shop Taito แต่ก่อนที่แห่งนี้เป็นร้านอาหารในอาคารแบบดั้งเดิม ซึ่งเจ้าของร้านเล่าว่าก่อนหน้านั้นเคยเป็นโรงน้ำชาที่มีเกอิชา จนกระทั่งเปลี่ยนมาเป็นคาเฟ่ในที่สุด คาเฟ่นี้มีชื่อด้านกาแฟดริปและเฟรนช์โทสต์นุ่มฟูที่ใส่ใจรายละเอียดอย่างพิถีพิถันตามสไตล์ชาวญี่ปุ่น Live Japan ขอแนะนำว่าแม้เซ็ตกาแฟกับโทสต์จะยอดเยี่ยมแล้ว แต่ขอให้สั่งกาแฟแบบไซฟอน (syphon) ด้วย หากคุณเป็นคอกาแฟตัวจริง

นอกจากกาแฟแล้ว จำนวนนักท่องเที่ยวที่รับประทานมังสวิรัติและวีแกนนั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ในตำรับอาหารญี่ปุ่นนั้นไม่ค่อยมีอาหารมังสวิรัติและวีแกน แม้ว่าญี่ปุ่นจะรับเอาธรรมเนียมอาหารที่ปลอดเนื้อสัตว์มาจากพุทธศาสนามาอย่างยาวนาน แต่อาหารประเภทนี้พบได้ในร้านอาหารพิเศษบางร้านเท่านั้น

ถ้าคุณต้องการแค่หาที่รับประทานอาหาร คุณมาถูกที่แล้ว อาซากุสะเป็นไม่กี่ย่านในโตเกียวที่จะมีร้านอาหารเช่นนี้ The Farm Café ซึ่งตั้งอยู่หน้าสถานีรถใต้ดินอาซากุสะ เป็นที่ที่มีเมนูวีแกนให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าคุณจะเป็นวีแกนหรือไม่ ก็เพลิดเพลินกับอาหารของร้านนี้ได้

คุณจะได้ลิ้มลองทั้งอาหารวีแกนในแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น หรือ วาโชกุ เช่น เทมปุระ และวีแกนเบอร์เกอร์ การตกแต่งแบบสบายๆ และทำเลที่อยู่กลางเมือง ทำให้เราใส่ร้านนี้ไว้ในลิสต์ร้านที่ต้องไปเยือน โดยสรุป ไม่ว่าคุณจะรับประทานมังสวิรัติ วีแกน อาหารปลอดกลูเตน หรือฮาลาล ร้านนี้ยินดีต้อนรับคุณทั้งนั้น

แต่ถ้าหากคุณอยากทำขนมอร่อยๆ และหน้าตาน่ารับประทานแล้วล่ะก็ ขอให้มาลองทำขนมรูปปลาที่เรียกว่า “ไทยากิ” ที่ Guraku ในอาซากุสะ ถ้ามากับเพื่อนจะสนุกเป็นพิเศษ คุณสามารถทำได้ทั้งแบบออริจินัลใส่ไส้ถั่วแดง หรือจะสร้างสรรค์แบบใหม่ๆ ขึ้นจากเมนูที่มีให้เลือกก็ได้

ขั้นตอนการทำง่ายมาก เมื่อได้เห็นขนมก่อตัวเป็นรูปปลาที่สวยงามนั้นถือว่าคุ้ม แน่นอนว่าคุณจะได้ชิมฝีมือตัวเอง จะชิมสดๆ หลังทำเสร็จหรือนำกลับบ้านก็ตามสะดวก

เมื่อถึงยามเย็นก็มีร้านอาหารให้เลือกมากมายในอาซากุสะ แต่ในทริปนี้เราต้องมั่นใจว่าจะสรรหาสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งมีเฉพาะในย่านนี้มาให้คุณ Yakitori Toribien จัดว่าเป็นร้านยากิโทริ (ไก่เสียบไม้ย่าง) แนะนำของหลายๆ สำนัก รวมถึง Michelin Guide ด้วย

ทุกขั้นตอนการทำอาหารของร้านนี้ล้วนแฝงไปด้วยความประณีต ตั้งแต่การเลือกเนื้อไก่ (ต้องเป็นไก่ตัวผู้เท่านั้น) การเสียบไม้ไปจนถึงการย่างต้องไม่หลุดรอดสายตาเชฟผู้ช่ำชองได้ การจัดร้านแบบเคาน์เตอร์มั่นใจได้ว่าทุกคำจะต้องถูกปาก คำแนะนำของเราคือวางเมนูซะ แล้วเลือกรับประทานแบบเชฟส์เทเบิล หรือโอมากาเสะ เชฟจะนำพาคุณไปพบประสบการณ์อาหารที่ล้ำเลิศจนคุณคาดไม่ถึง

เหนื่อยจากการเที่ยวมาทั้งวัน จะพักโรงแรมก็ธรรมดาไป ดังนั้น ทำไมไม่เติมเต็มประสบการณ์ไปกับเรียวกังแบบร่วมสมัยกันเล่า แม้จะอยู่ใจกลางเมือง แต่ที่นี่มีบูทีคโฮเทล และเรียวกังซึ่งมีเอกลักษณ์ให้เลือกมากมาย

Cyashitsu Ryokan Asakusa เป็นเรียวกังสไตล์โรงน้ำชาญี่ปุ่นที่ไม่ธรรมดา ดีไซน์แบบมินิมัลสะอาดตานี้ได้แรงบันดาลใจจากธรรมเนียมญี่ปุ่นดั้งเดิมที่ยังดูล้ำสมัยในปัจจุบัน ประตูห้องพักเตี้ยๆ นี้เป็นเช่นเดียวกับประตูทางเข้าโรงน้ำชาเมื่อมีพิธีชงชา ภายในห้องพักนั้นเงียบสงบปราศจากสิ่งรบกวน กระนั้นก็ยังสะดวกสบาย เพียบพร้อมด้วยทุกสิ่งที่คุณต้องการ ให้คุณได้ดื่มด่ำผลงานออกแบบสไตล์ญี่ปุ่นอันงดงามอย่างเต็มที่

คุณสามารถจองบ่อแช่น้ำกลางแจ้งส่วนตัวซึ่งอยู่ชั้นบนสุดเพื่อชมวิวแสงไฟระยิบระยับยามค่ำคืนของอาซากุสะได้ แต่นั่นยังไม่พอ เพื่อเป็นการเติมเต็มประสบการณ์อาซากุสะอย่างแท้จริง คุณจะได้ชมวิวโตเกียวสกายทรีขณะแช่น้ำอย่างสบายตัวอีกด้วย

Cyashitsu Ryokan Asakusa เป็นเรียวกังที่เหมาะสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาคนเดียว หรือมากันเป็นครอบครัว

และแล้วเราก็จบทริปเต็มวันในใจกลางไทโต! ถ้าคุณต้องการวางแผนเส้นทางอื่นๆ หรืออยากรู้จักไทโตให้มากขึ้น สามารถชมได้ที่ลิงก์ด้านล่างนี้